Ford ประเทศไทย ระดมอาสาสมัครครั้งใหญ่ร่วมกิจกรรม Ford Global Caring Month พร้อมกับอาสาสมัคร Ford ทั่วโลกในเดือนกันยายน โดยในประเทศไทย Ford ได้ร่วมกับสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน (พีดีเอ) สานต่อกิจกรรม "Water Go Green" หรือการจัดการน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ซึ่งในปีนี้ Ford จัดกิจกรรมที่โรงเรียนบ้านหมอมุ่ย ตำบลละหาร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง โดยได้รับการสนับสนุนจาก กองทุน Ford Motor Company (Ford Fund) และมีอาสาสมัครจาก Ford ประเทศไทย โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) พนักงานของผู้จำหน่าย Ford และสื่อมวลชนร่วมกิจกรรมกว่า 70 คน
รัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ Ford ประเทศไทย กล่าวว่า การออกไปช่วยเหลือชุมชนเป็นพันธกิจสำคัญของอาสาสมัคร Ford ทั่วโลก เพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับชุมชนควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ครั้งนี้นับเป็นปีที่ 8 ที่เราได้ให้การสนับสนุนโรงเรียน และชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงโรงงาน Ford ในจังหวัดระยอง ด้วยการส่งมอบความรู้ในการจัดการทรัพยากรน้ำด้วยระบบพลังงานแสงอาทิตย์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาระบบจัดการน้ำของโรงเรียน และช่วยลดค่าไฟฟ้า ทั้งยังร่วมกันปรับพื้นที่ในโรงเรียนให้เป็นแปลงเกษตรผสมผสานเพื่อเป็นต้นแบบให้แก่ชุมชน โดยนำผลผลิตที่ได้มาใช้บริโภคภายในโรงเรียน และสร้างรายได้เสริมแก่ชุมชน
Ford Fund เป็นหน่วยงานเพื่อสังคมของ Ford ที่ช่วยระดมความร่วมมือจากอาสาสมัคร Ford ทั่วโลก มาดำเนินโครงการ Global Caring Month ร่วมกันในเดือนกันยายนของทุกปี เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกแก่ชุมชนต่างๆ ทั่วโลก ปีนี้ Ford Fund ได้สนับสนุนงบประมาณราว 1,350,000 บาท เพื่อให้ Ford ประเทศไทย จัดกิจกรรม Water Go Green ที่โรงเรียนบ้านหมอมุ่ย ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีศักยภาพในการพัฒนาให้เป็นต้นแบบแก่ชุมชนรอบข้าง โดยเน้นย้ำความสำคัญของการมอบองค์ความรู้ด้านการนำนวัตกรรมมาช่วยจัดสรรทรัพยากรน้ำให้แก่ชุมชน เพื่อใช้ในการเกษตร อุปโภคบริโภค และยังนำมาสร้างรายได้เสริมได้
อาสาสมัคร Ford และสื่อมวลชนได้ร่วมกันติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์จำนวน 10 แผง พร้อมแบทเตอรีให้แก่โรงเรียนบ้านหมอมุ่ย ซึ่งระบบโซลาร์เซลล์จะต่อเข้ากับแปลงปลูกผัก และระบบส่องสว่างในโรงเรียน ช่วยให้โรงเรียนประหยัดค่าไฟฟ้าลงประมาณ 30 % อาสาสมัคร Ford ยังได้ร่วมกันทำกิจกรรมอาสาตลอดทั้งวัน ทั้งขุดลอก และล้อมรั้วรอบสระน้ำยาวกว่า 110 เมตร
รวมถึงปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะสมต่อการสร้างแปลงเกษตรในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำแปลงปลูกผักด้วยอิฐบลอครวม 20 แปลง ประกอบด้วย โรงเรือนเพาะเห็ด 1 หลัง และนำก้อนเชื้อเห็ดเข้าโรงเรือน ติดตั้งแปลงปลูกผักยกสูงพร้อมเชื่อมต่อระบบจ่ายน้ำ ผสมดินเพาะปลูก และนำต้นกล้าผักลงปลูกในเข่ง และตะกร้า รีไซเคิลยางรถยนต์ใช้แล้วเป็นภาชนะปลูกผัก ติดตั้งรถเข็นสูบน้ำด้วยระบบโซลาร์เซลล์ ซึ่งผลผลิตที่ได้จากแปลงเกษตรจะนำไปบริโภคภายในโรงเรียน และจัดจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้
โครงการนี้ถือเป็นต้นแบบกิจกรรมเพื่อสังคมที่ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ชุมชน ซึ่งสามารถนำไปขยายผลสู่พื้นที่อื่นๆ ในอนาคตได้