ธุรกิจ
Continental จับมือพันธมิตร สร้างระบบนิเวศการคมนาคม
สิงคโปร์-Continental ประกาศการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) 3 ฉบับร่วมกับพันธมิตรระดับโลก และท้องถิ่นเพื่อขับเคลื่อนการวิจัยในสิงคโปร์ด้านการสร้างระบบนิเวศการคมนาคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การร่วมมือระหว่าง Continental มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (NTU) และ Volkswagen Group Innovation มุ่งพัฒนาระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การร่วมมือกับคณะกรรมา ธิการพลังงานทางเลือกฝรั่งเศส (CEA) และ NTU ในวิจัยโซลูชันใหม่ของการรีไซเคิลชิ้นส่วนอีเลคทรอนิคส์จากยานยนต์ที่หมดอายุการใช้งาน บันทึกความเข้าใจระหว่าง NTU และ Pylon City ครอบคลุมการศึกษาระบบชาร์จอัจฉริยะ และการเพิ่มประสิทธิภาพแบทเตอรีของรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้บันทึกความเข้าใจนี้ Continental และ Py lon City มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานระดับชาติสำหรับโครงสร้างพื้นฐานในการชาร์จหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติกลางแจ้ง
Lo Kien Foh ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Continental Automotive สิงคโปร์ กล่าวว่า Continental มีความยิน ดีที่ได้ร่วมงานกับผู้เล่นที่อยู่ในอุตสาหกรรม และสถาบันวิจัยที่ได้รับการยกย่อง เพื่อเร่งอนาคตของการคมนาคมที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมใช้ประโยชน์จากความสามารถ และทรัพยากรของพันธมิตร เราสามารถบุกเบิกโซลูชันนวัต กรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงภาคส่วนยานยนต์ และพัฒนามาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม และสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับอนาคต ความร่วมมือเหล่านี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของ Continental ซึ่งครอบคลุมในแง่มุมต่างๆ เช่น ความเป็นกลางทางคาร์บอน ความรับผิดชอบในห่วงโซ่คุณค่า และการสร้างเศรษฐกิจหมุน เวียน
MOU 1: Continental NTU และ Volkswagen Group Innovation มุ่งมั่นปฏิวัติการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
Volkswagen Group ตระหนักว่าโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จ และการจัดหาพลังงานที่ยั่งยืนนั้นเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรีในอนาคต Volkswagen Group Innovation กำลังเร่งดำเนินการในการเปลี่ยนผ่านพลังงานไฟฟ้าโดยร่วมมือกับแลบของ Continental และ NTU เพื่อสำรวจระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะ
ด้วยความร่วมมือนี้ แผนกนวัตกรรมของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันชื่อดังจะประเมินข้อได้เปรียบของการกำ หนดราคาแบบไดนามิคในการลดการปล่อยแกสคาร์บอน โครงการริเริ่มการวิจัยร่วมกันนี้มีความพยายามที่จะใช้ประ โยชน์จากเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อส่งเสริมการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงเวลาปกติ หรือเมื่อมีแหล่งพลังงานทด แทนมากมาย
“Volkswagen Group Innovation ยังคงแน่วแน่ในการอุทิศตนเพื่อพัฒนาวิสัยทัศน์ ในการเป็นผู้นำด้านการคม นาคมที่ยั่งยืน และการเข้าถึงเครือข่ายที่เป็นกลางภายในปี พศ. 2593 ด้วยศูนย์กลางแห่งนวัตกรรมในสิงคโปร์ เรามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการเป็นพันธมิตรร่วมกับนักสร้างสรรค์นวัตกรรมชั้นนำเพื่อทดสอบเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ก้าวล้ำ โดยเน้นที่โซลูชันการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่พร้อมสำหรับการพัฒนาต่อไปในระดับโลก ความร่วมมือของเรากับ Continental และ NTU เป็นตัวอย่างความมุ่งมั่นของเราต่อนวัตกรรมที่ล้ำสมัย เช่น โมเดลการกำหนดราคาแบบไดนามิคสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยในการทำงานร่วมกันนั้น เราควบคุม และใช้ประ โยชน์จากข้อมูลแบบเรียลไทม์ และปัญญาประดิษฐ์เพื่อสำรวจบุกเบิกวิธีการลดการปล่อยแกสจากการชาร์จ และสร้างมาตรฐานใหม่ในการเดินทางโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม” Petromil Petkov หัวหน้าศูนย์นวัตกรรมแห่งสิงค โปร์ กล่าว
“เราภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับ Continental และ NTU ในความพยายามบุกเบิกของพวกเขา วิสัยทัศน์ที่เรามีร่วมกันด้านการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นนั้นสอดคล้องกับความมุ่งมั่นระดับโลกของ Volkswagen ในด้านการขนส่งที่ยั่งยืน เราไม่เพียงแต่ทุ่มเทในการเปิดรับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยการเป็นหนึ่งในตลาดแรกๆ ของโลกที่นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ ของ Volkswagen, Scoda และ Cupra แต่ยังมีส่วนร่วมในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการจ่ายพลังงานให้แก่รถยนต์เหล่านั้นอย่างยั่งยืน” ดร. Kurt Leitner กรรมการผู้จัดการ Volkswagen Group สิงคโปร์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพของ Volkswagen Group ภายในประเทศ กล่าว
MoU 2: Continental CEA และ NTU ร่วมมือพัฒนาโซลูชันการหมุนเวียนของอีเลคทรอนิคส์ในยานยนต์
หนึ่งในความมุ่งมั่นของ Continental คือ การบรรลุเป้าหมาย 100 % ในทรัพยากรแบบปิด และวงจรผลิตภัณฑ์ภายในปี พศ. 2593 โดยผู้เชี่ยวชาญของบริษัทจะทำงานร่วมกับนักวิจัยเพื่อศึกษาความยั่งยืนของอีเลคทรอนิคส์ในยานยนต์ การค้นคว้าจะดำเนินการที่ศูนย์วิจัยในประเทศสิงคโปร์โดย CEA และ NTU หรือที่เรียกว่า NTU Singapore-CEA Alliance for Research in Circular Economy (SCARCE) Continental และ SCARCE จะศึกษาการพัฒนาการหมุนเวียนของ PCB ในยานยนต์ เช่น การออกแบบเชิงนิเวศน์เพื่ออำนวยความสะดวกในการแยกชิ้นส่วน PCB ที่ใช้แล้ว และการเรียงลำดับส่วนประกอบอัตโนมัติด้วยโซลูชันอัจฉริยะ เช่น การเรียนรู้ของเครื่อง
“ด้วยพลังการขับเคลื่อนจากซอฟท์แวร์ที่ก้าวล้ำ และการติดตั้งระบบควบคุมโดยอีเลคทรอนิคส์ที่เพิ่มขึ้น ยานยนต์จึงมีความก้าวหน้าอย่างมาก และการพึ่งพาเทคโนโลยีจะมีความสำคัญมากขึ้น อุปกรณ์อีเลคทรอนิกส์จะมีบทบาทที่จำเป็นเนื่องด้วยในอนาคตยานยนต์จะพัฒนาไปสู่คอมพิวเตอร์ที่เคลื่อนที่ได้ และเนื่องจากอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์นั้นมีเทคโนโลยีสูงมากขึ้น จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นด้วย เมื่อร่วมมือกับ Continental เรามุ่งหวังที่จะบรรลุความเป็นหมุนเวียนที่มากขึ้นในขณะที่เราเราระบุแนวทางแก้ไข และแบ่งปันคำแนะนำในการนำขยะอีเลคทรอนิคส์กลับมาใช้ใหม่ในอุตสาหกรรม” Jean Christophe Gabriel ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย CEA และผู้อำนวยการร่วมของ SCARCE กล่าว
ตามเอกสารรายงานของ KPMG ปริมาณสารกึ่งตัวนำในรถยนต์จะเพิ่มขึ้นมากถึงสิบเท่าในอนาคต เนื่องจากแนวโน้มของยานยนต์ เช่น ความเป็นอิสระ การใช้พลังงานไฟฟ้า การเชื่อมต่อ และความคล่องตัวในรูปแบบการบริ การ (MAAS) โดยแนวโน้มนี้ได้ตอกย้ำความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการค้นหาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมเพื่อจัดการและรีไซเคิลขยะอีเลคทรอนิคส์ในวงกว้าง
เนื่องจากชิ้นส่วนอีเลคทรอนิคส์ที่ใช้แล้วส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ซ้ำ หรือนำกลับมาใช้ใหม่ การวิจัยร่วมกับ SCARCE จึงพยายามที่จะทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นถึงความอยู่รอดทางเศรษฐกิจในการรีไซเคิล PCB นอก จากนี้ ความร่วมมือนี้ยังมุ่งมั่นที่จะจัดทำแนวทางในการออกแบบยานพาหนะเพื่อให้มั่นใจด้านความยั่งยืนจะได้รับการจัดลำดับความสำคัญและรวมอยู่ในกระบวนการผลิตรถยนต์ในอนาคตแบบครบวงจร
MoU 3: Continental NTU และ Pylon City ร่วมมือกันเพื่อสร้างระบบนิเวศรถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิ ภาพ และยั่งยืนมากขึ้น
ด้วยการเติบโตของกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในประเทศสิงคโปร์รวมถึงการแบ่งปันการใช้รถยนต์ หรือการขน ส่ง ทำให้ความต้องการของเครื่องชาร์จ และการใช้พลังงานนั้นเพิ่มขึ้นตามลำดับ จึงทำให้เกิดความท้าทายใหม่ๆ เช่น การปรับอายุการใช้งานของแบทเตอรีรถยนต์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น และการสร้างความมั่นใจแก่โครงข่ายไฟฟ้าที่จะไม่ได้รับภาระมากเกินไป การทำงานผ่านแลบของ Continental และ NTU นั้น Continental และ NTU ร่วมกับ Pylon City จะร่วมมือกันศึกษา และพัฒนาอัลกอริธึมการกำหนดเวลาการชาร์จที่ตอบสนองความต้องการตามสถานีเพื่อลดการเสื่อมสภาพของแบทเตอรีในขณะที่ยังคงรักษาระดับการบริการสำหรับกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า
อัลกอริธึมดังกล่าวจะปูทางไปสู่การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีขึ้นรวมถึงการแบ่งปันการควบคุมความต้องการของการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าผ่านระบบการจัดการยานยนต์อัจฉริยะ ระบบนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระดับการชาร์จ ตารางเวลา ระยะเวลา และสถานที่ชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าได้ นอกจากนี้ยังสามารถยืดอายุการใช้งานของแบทเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าให้ยาวนานสูงสุดเพื่อการใช้งานที่ยั่งยืน
“ในขณะที่เมืองต่างๆ เช่น สิงคโปร์ ผลักดันให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ พวกเขานั้นต้องมีความมั่นใจในโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้านั้นได้รับการพัฒนาพร้อมทั้งสร้างความมั่นใจในความเป็นอยู่ที่ดีของสภาพแวดล้อมของเรา ด้วยความเชี่ยวชาญเชิงลึกของ NTU ในด้านการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีแบทเตอรี เราหวังว่าจะพัฒนาระบบนิเวศที่ยั่งยืนสำ หรับการชาร์จไฟฟ้าอัจฉริยะ โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการบุกเบิก และเรียนรู้เพื่อจัดการอุปทาน และอุปสงค์ของการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และความร่วมมือในอุตสาหกรรมนั้นเป็นเสาหลักภายใต้แผนยุทธ ศาสตร์ NTU 2025 และเราหวังว่าจะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Continental และ Pylon City เพื่อออกแบบ พัฒ นา และใช้งานระบบที่เหมาะสมที่สุดเพื่อนำพาประเทศสิงคโปร์เข้าสู่การขับเคลื่อนอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวด ล้อม” Lam Khin Yong รองอธิการบดี NTU (ภาคอุตสาหกรรม) กล่าว
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของบันทึกความเข้าใจดังกล่าว สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์จำ นวน 2 แห่งจะถูกสร้างขึ้นที่สำนักงานของ Continental ประเทศสิงคโปร์ให้สำหรับผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้า โดยพลังงานที่กักเก็บในหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์จะมีส่วนช่วยโดยตรงในการชาร์จแบทเตอรีรถยนต์ ในขณะที่ข้อมูลที่รวบรวมจากสถานีชาร์จจะให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อสนับสนุนโครงการวิจัยร่วมกัน โดยสถานีชาร์จจะเปิดให้บริ การในไตรมาสที่สี่ของปี พศ. 2566
เนื่องจากธุรกิจต่างๆ หันมาใช้หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติมากขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบอัตโนมัติ Continental และ Pylon City จะขับเคลื่อนการพัฒนา การทดลองใช้ และกำหนดมาตรฐานของโครงสร้างพื้นฐานของการชาร์จหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติกลางแจ้งในประเทศสิงคโปร์เพื่อสนับสนุนความก้าวหน้าของประเทศในการมุ่งสู่เป้าหมายเป็นประเทศอัจฉริยะ โดยทุกฝ่ายจะจัดตั้ง และเป็นผู้นำคณะกรรมการที่จะประกอบด้วยผู้เล่นในอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วยเพื่อสร้างข้อมูลอ้างอิงด้านเทคนิคซึ่งมีส่วนสร้างมาตรฐานระดับชาติในอนาคต ต้นแบบเครื่องชาร์จหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติจะถูกนำไปใช้กับอาคารของ Continental และสถานที่ทดสอบอื่นๆ เพื่อตรวจสอบข้อกำหนดการชาร์จที่แตกต่างกัน เช่น ขั้วต่อการชาร์จ และระดับพลังงาน
Vincent Lau ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Pylon City กล่าวว่า เราปรารถนาที่จะทำให้เมืองต่างๆ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงานมากขึ้น เรารู้สึกยินดีที่ได้เห็นธุรกิจต่างๆ ใช้ประโยชน์จาก และบูรณาการเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น เช่น การใช้หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติในกระบวนการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับโซลูชันไฟฟ้าอัจฉริยะ และการอำนวยความสะดวกในการใช้งานของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติกลางแจ้งในวงกว้าง การนำมาตรฐานระดับชาติมาใช้ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญ สิ่งนี้จะสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เล่นในอุตสาหกรรมว่าความต้องการของพวกเขาจะได้รับการตอบสนอง รวมถึงความพร้อมใช้งานและคุณภาพของสถานีที่เชื่อมต่อทั่วสิงคโปร์ หรือการทำให้เครื่องชาร์จตรงตามข้อกำหนดต่างๆ เช่น ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และความปลอดภัย