ทิพยประกันภัยฯ หรือ TIP โชว์กำไรสุทธิ 9 เดือน ปี 2566 ที่ 1,304 ล้านบาท เติบโตถึง 61.8 % จากงวดเดียว กันของปีก่อน พร้อมโชว์เบี้ยประกันภัยรับรวม 9 เดือน ทะลุ 2.3 หมื่นล้านบาท เติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าให้บริการลูกค้าทุกกลุ่ม รวมถึงขยายช่องทางการขายร่วมกับพันธมิตรในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อสนับ สนุนการเติบโต และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ในส่วนของ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ฯ หรือ TIPH เปิดตัวบริษัท “Insurverse” บริษัทประกันภัยดิจิทอลเต็มรูปแบบ (Pure Digital Insurance) เพื่อสร้างประสบ การณ์ใหม่ในการให้บริการประกันภัยอย่างไร้รอยต่อ ตั้งเป้าหมายเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 5 ปี
ดร. สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัด การใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานของ ทิพยประกันภัยฯ สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2566 โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 23,096 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,306 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.0 ประกอบกับมีรายได้ และกำไรจากเงินลงทุนรวม 720 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 166 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 29.9 ส่งผลให้ TIP มีกำไรสุทธิรวม 1,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 498 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 61.8 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ในส่วนของบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH มีกำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2566 จำ นวน 1,242 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นจำนวน 2.09 บาท ในส่วนของผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยภายใต้กลุ่มธุรกิจสนับสนุนประกันภัย มีกำไรสุทธิรวม 40.8 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 13.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ความคืบหน้าของธุรกิจภายใต้กลุ่มธุรกิจ TIPH มีการดำเนินงานดังนี้ DP Survey เปิดใช้งาน Digital Survey Application เพื่อเป็นพแลทฟอร์มกลางสำหรับงานสำรวจภัย โดยสร้างเครือข่าย Surveyor ในการให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และเป็นมาตรฐานเดียวกัน รองรับงานจากบริษัทประกันภัยทั้งใน และนอกกลุ่มเพื่อสร้างการเติบโต
ในส่วนของบริษัทในกลุ่มธุรกิจประกันภัย ได้เปิดตัวบริษัท “Insurverse” เพื่อให้บริการประกันภัยดิจิทอลเต็มรูปแบบ สร้างประสบการณ์ใหม่ในการรับประกันภัยผ่านพแลทฟอร์มที่รวดเร็ว เรียบง่าย และไม่ซับซ้อน โดยนำเทค โนโลยีเข้ามาใช้ในการออกแบบความคุ้มครองเฉพาะบุคคล เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดจากประกันภัย โดยปัจจุบัน Insurverse มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยการเดินทาง และจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัยส่วนบุคคลอื่นๆ ให้ครบภายในปีนี้ โดย Insurverse ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยทะลุ 5,000 ล้านบาท และพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 5 ปี
ในขณะเดียวกัน ในส่วนของบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด สามารถอนุมัติสินเชื่อได้ตามแผน และมีกำไรสุทธิ จำนวน 23.7 ล้านบาท ภายในเวลาเพียง 9 เดือน จากการขยายการปล่อยสินเชื่อไปทั่วประเทศ ทำให้ยอดสินเชื่อขยายตัวแบบก้าวกระโดด นอกจากนี้ จากแนวโน้มความต้องการสินเชื่อที่ดินที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงได้เปิดให้บริ การผลิตภัณฑ์ขายฝาก โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาดถึง 5 % และจะเพิ่มช่องทางขอสินเชื่อผ่านสาขาของพัน ธมิตรผู้ถือหุ้น ซึ่งจะทำให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างกว้างขวาง และขยายการให้สินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ดร. สมพร กล่าวว่า บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริการที่ตรงต่อความต้อง การของลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง รวมถึงการพัฒนาช่องทางการขายร่วมกับพันธมิตร เพื่อสนับสนุนการขยายตัว และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ในขณะที่ธุรกิจสนับสนุนประกันภัย และธุรกิจอื่นๆ สามารถขยายฐานลูกค้าเพื่อสร้างการเติบโต และความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจได้ตามแผน รักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันวินาศภัยของไทย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่กลุ่มธุรกิจของ TIPH ต่อไป