ในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการ Toyota Gazoo Racing Motorsport 2023 สนามที่ 5 ซึ่งเป็นซัพพอร์ท เรศของรายการ Idemitsu Super Endurance Southeast Asia Trophy 2023 บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประ เทศไทย จำกัด ได้จัดกิจกรรมทดลองขับ รถรุ่นใหม่ 4 คัน ประกอบด้วย Toyota Prius HEV, Toyota Hilux Revo BEV, Hilux Revo FCEV และ Hilux Revo Diesel HEV กับขุมพลังงานทางเลือก เรามีโอกาสได้สัมผัส และทดลองขับช่วงสั้นๆ ในทแรค Drag Racing ลองมาดูกันครับว่า รถรุ่นใหม่ที่กำลังจะทยอยเปิดตัวในเมืองไทย จะเจ๋งขนาดไหน ?
รูปแบบของการทดลองขับครั้งนี้ เป็นการลองช่วงสั้นๆ ในสนามแข่ง Drag Racing ระยะทางประมาณ 3 กม. กว่า ๆ แบ่งเป็น 3 สเตชัน เริ่มจากทางตรงยาวๆ ที่ให้ลองสมรรถนะการออกตัวของรถแต่ละคัน สุดทางตรงจะมีโค้งซ้ายเพื่อให้ลองการเข้าโค้ง และออกจากโค้ง จะเจอสเตชัน Ride Comfort ที่กำหนดความเร็วประมาณ 40 กม./ชม. เพื่อทดสอบระบบรองรับของตัวรถที่ต้องเจอผิวทางขุรขระสลับซ้าย และขวา จากนั้นจะเข้าสู่สเตชัน Slalom กำหนดความเร็วไว้ที่ 50 กม./ชม. เพื่อทดสอบการบังคับควบคุมรถ
คันแรกที่เรามีโอกาสได้ทดลองขับ คือ ไฮไลท์ของงานครั้งนี้ Toyota Prius เจเนอเรชันที่ 5 สร้างขึ้นบนพแลทฟอร์ม TNGA รุ่นที่ 2 เป็นรถขนาด 5 ที่นั่ง คันที่เราได้ทดลองขับ เป็นรถนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และนี่คือ ครั้งแรกที่ได้ทดลองขับในประเทศไทย
Toyota Prius HEV มีมิติตัวรถยาว 4,600xกว้าง 1,780xสูง 1,430 มม. ระยะฐานล้อ 2,750 มม. เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า วางเครื่องยนต์เบนซิน ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 196 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 4,400-5,200 รตน. ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ตามสเปคญี่ปุ่น มีอัตราความสิ้นเปลืองเฉลี่ย 28.6 กม./ลิตร และคายไอเสียต่ำ 81 กรัม/กม.
ระบบรองรับด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบปีกนกคู่ มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว โครงสร้างรถรุ่นนี้มีน้ำหนักเบา ทรงรถดูล้ำสมัย โฉบเฉี่ยว เน้นแนวสปอร์ท ไฟหน้า LED แบบ C-Shaped ส่วนไฟท้ายเป็นเส้น LED ลากยาวจาดด้านซ้ายไปจรดด้านขวา บนฝาท้ายออกแบบให้มีสปอยเลอร์ เพื่อรีดอากาศ
Toyota Prius HEV เจเนอเรชันนี้ บอกเลยว่ามีรูปลักษณ์ภายนอก หน้าตาดูดี ทรงรถสวย เหมาะที่จะนำมาจัดทรงแต่งในเวอร์ชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถบ้าน หรือรถแข่ง ก็ทรงสวยเข้าตากรรมการ สีของตัวรถ คือ สีเทา Guardian Ash Grey เป็นสีที่ดูดี ต่างจากสีเหลือง ที่เราคุ้นตา
การออกแบบห้องโดยสารภายใน เน้นโทนสีดำ/บรอนซ์ หน้าจอติดตั้งมาตรวัดดิจิทอล ขนาด 7 นิ้ว เน้นความเรียบง่าย ดูดี และหรูหรา
ส่วนผลการทดลองขับ แน่นอนครับว่า Toyota Prius HEV ไม่เคยสร้างความผิดหวังให้คนรักรถ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้เนียนๆ อารมณ์ประมาณหลังติดเบาะ พวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า ทำให้การเข้าโค้งทำได้แม่น ยำ น้ำหนักของพวงมาลัยกำลังดี ให้ทั้งความกระชับ และความถนัด ในสเตชัน Ride Comfort เพื่อทดสอบช่วงล่าง ทำได้ดี นิ่ง และนุ่ม ไม่กระเด้งกระดอนให้ปวดหัว ส่วนสเตชัน Slalom การโยนตัวของตัวรถสามารถควบคุมได้ตามฟีลิงของผู้ขับขี่ เสียงรบกวนในห้องโดยสารเงียบมาก เป็นรถที่น่าจับตามอง และข่าวดี คือ Toyota เตรียมเปิดตัว Toyota Prius HEV ในช่วงต้นปีหน้า
คันที่ 2 ที่ได้ลอง คือ Toyota Hilux Revo Diesel HEV Concept เป็นรถกระบะดีเซลไฮบริด ซึ่งเป็นรถต้นแบบ รถรุ่นนี้ใช้พื้นฐานของ Hilux Revo รุ่นปกติ วางเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.8 ลิตร กำลังสุงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 51 กก.-ม. (500 นิวตันเมตร) ทีมวิศวกรแจ้งว่า มีการปรับลดรอบเดินเบาจาก 720 เหลือ 600 รตน. และมีมอเตอร์มาช่วย 1 ชุด เพื่อให้การออกตัวในจังหวะเร่งแซง ฉับไว และรวดเร็ว
วิศวกรของ Toyota ระบุว่า Hilux Revo Diesel HEV วิ่งได้ระยะทาง 1,200 กม./การเติมเชื้อเพลิงไบโอดีเซล 1 ครั้ง และสามารถบรรทุกหนักได้ถึง 3,500 กก.
ฟีลิงการลองขับ คันนี้ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงต่างจากกระบะดีเซลธรรมดา อย่างเห็นได้ชัด ออกตัวดี ช่วงล่างยังให้ความนุ่ม กระชับ มีเด้งบ้างบางจังหวะของพื้นผิวถนน
คันที่ 3 คือ Hilux Revo BEV รถกระบะไฟฟ้า ตัวเดียวที่ Toyota ระบุชัดเจนว่า เป็นรถเพื่อการพาณิชย์จริงๆ เหมาะสำหรับธุรกิจขนส่ง ที่มีระยะทางใช้งานที่ชัดเจน ขณะนี้มีการทดลองใช้งานกับพันธมิตรคู่ค้าของ Toyota เช่น แมคโคร เป็นต้น
Hilux Revo BEV เป็นรถกระบะพลังงานไฟฟ้า 100 % มีระยะทางวิ่งประมาณ 300 กม./การชาร์จแบทเตอรี 1 ครั้ง และสามารถบรรทุกน้ำหนักได้ 1,000 กก.
ผลการทดลองขับ พบว่า อัตราเร่งการออกตัว ทำได้ดีมาก รวดเร็ว ทันใจ ระยะ 0-100 กม./ชม. ทำได้เนียนๆ ไม่มีกระตุก กระชาก เสียงของมอเตอร์เงียบมาก ยกเว้นเสียงรบกวนต่างๆ ในห้องโดยสาร ช่วงล่างยังเด้งเหมือนเดิม
และคันสุดท้าย คือ Hilux Revo FCEV คันนี้เป็น Concept Car ใช้พลังงานไฮโดรเจน ที่ผลิตโดย CP Group โดยการเติมแกสไฮโดรเจน เข้าไปที่ถังจัดเก็บใต้ท้องรถ เซลล์เชื้อเพลิงในแบทเตอรี จะทำการเปลี่ยนไฮโดรเจนให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และแจกจ่ายไปยังส่วนต่างๆ ของตัวรถ (หลักการทำงานแบบเดียวกับ Toyota Mirai)
วิศวกรของ Toyota ระบุว่า รถกระยะคันนี้ สามารถวิ่งได้ไกลถึง 600 กม./การเติมแกสไฮโดรเจน 1 ครั้ง และยังสามารถบรรทุกได้ถึง 1,500 กก.
และทั้งหมดนี้ คือ ความพยายามของ Toyota ที่คิดค้น และพัฒนารถพลังงานทางเลือก เพื่อให้บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งแน่นอนว่า ในอนาคตที่จะถึงนี้ พลังงานทางเลือกจะกลายเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมต่างๆ