ช่วงนี้ชาวกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัด ต้องเจอกับภัยร้ายต่อสุขภาพ อย่างฝุ่น PM2.5 ซึ่งบางคนอาจสงสัยว่า ถ้าอยู่ภายในรถยนต์ ฝุ่นจะสามารถเข้ามาได้ไหม วันนี้เรามาดูคำตอบ และวิธีแก้ไขกัน...
คำตอบ คือ ฝุ่น PM2.5 สามารถเล็ดลอดเข้ามาภายในรถยนต์ได้บางส่วน เพราะฝุ่นมีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน แม้ว่าระบบเครื่องปรับอากาศในรถยนต์จะมีแผ่นกรองอากาศ แต่แผ่นกรองอากาศบางชนิดก็ไม่สามารถกรองอนุภาคฝุ่นขนาด PM2.5 ได้ อย่างไรก็ตาม อย่ากังวลไป เพราะไม่ถึงกับเป็นอันตรายมากเท่ากับการอยู่นอกรถ หรือการเปิดประตู-หน้าต่างบ่อยๆ
ปกติแล้วรถยนต์จะมี “ไส้กรองอากาศ” หรือ “กรองแอร์” ดักจับกรองอนุภาคฝุ่นได้ 0.3 ไมครอน ช่วยป้องกันมลพิษขนาดเล็ก ฝุ่นละอองบนท้องถนน หรือควันไอเสียที่เข้ามาภายในห้องโดยสารได้ แต่ฝุ่น PM2.5 ที่มีปริมาณสูงเกินค่ามาตรฐานอาจส่งผลให้ไส้กรองอากาศอุดตัน โดยจะขัดขวางการไหลเวียนของอากาศที่เข้าไปสู่ห้องโดยสาร อีกทั้งมลพิษยังสามารถแทรกผ่านไส้กรองอากาศที่อุดตัน ส่งผลให้ระบบทำความเย็นทำงานหนักขึ้น
หากต้องขับรถยนต์ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูงเกินมาตรฐาน รถยนต์ต้องมีเครื่องฟอกอากาศชนิด HEPA ที่สามารถกรองฝุ่น หรือสิ่งปนเปื้อนในอากาศขนาดเล็ก รวมถึงหมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองแอร์ ที่ควรเปลี่ยนอย่างน้อยปีละครั้ง หรือทุกๆ 10,000-15,000 กิโลเมตร รวมถึงใช้งาน Recirculation (ระบบหมุนเวียนอากาศภายในรถยนต์) เพื่อให้อากาศภายในห้องโดยสารมีการหมุนเวียน และควบคุมไม่ให้อากาศภายนอกเข้ามาในรถ
แม้รถยนต์ส่วนใหญ่จะมีไส้กรองอากาศภายในรถยนต์ และมีประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นละอองได้สูง แต่ด้วย ฝุ่นPM2.5 มีอนุภาคขนาดเล็กจึงอาจลอดผ่านกรองอากาศมาได้ ดังนั้น การติดเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะจะช่วยเพิ่มพลังในการกรองอากาศ และช่วยกำจัดฝุ่น แบคทีเรีย ไวรัส สารก่อภูมิแพ้ รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วย
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM2.5
1. เขตคลองสามวา 49.9 มคก./ลบ.ม.
2. เขตมีนบุรี 46.5 มคก./ลบ.ม.
3. เขตคันนายาว 45.5 มคก./ลบ.ม.
4. เขตหนองจอก 45 มคก./ลบ.ม.
5. เขตหนองแขม 44.9 มคก./ลบ.ม.
(ข้อมูล ณ วันที่ 13 มกราคม 2568)