คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือครั้งสำคัญกับ บริษัท ดาสท์บลู จำกัด ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ทางอุตสาหกรรม AdBlue by DasBlue น้ำยาบำบัดไอเสียสำ หรับรถยนต์ รถบรรทุก และเครื่องยนต์ดีเซลที่ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับสูง Euro 5/6/7 มลพิษต่ำ และถูกติดตั้งระบบบำบัดไอเสียจากโรงงานผู้ผลิต โดย AdBlue ทำหน้าที่แปลง NOx (ไนโตรเจนออกไซด์) ในไอเสียที่ออกจากเครื่องยนต์ดีเซลให้กลายเป็นไนโตรเจน และไอน้ำ ซึ่ง NOx เป็นสาเหตุของการปนเปื้อนแกสพิษสู่ชั้นบรร ยากาศของโลก ก่อให้เกิดหมอกพิษปกคลุมในเมืองใหญ่ทั่วโลก ทั้งยังเป็นสาเหตุของโรคหอบหืด และภูมิแพ้ โดยเป็นการทดสอบสารเคมีกำจัดไอเสีย AdBlue ที่ผลิตในประเทศไทย โดย DasBlue ให้ผ่านมาตรฐานตามข้อกำหนด ISO22241 เพื่อยกระดับ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ต่อนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริม และพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ รักษาสมดุลทางสิ่งแวดล้อมต่อโลก ให้พร้อมใช้ทั่วไทย โดยได้รับเกียรติจาก รศ.ดร. ธนภัทร์ วานิชานนท์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ผศ.ดร. วนิดา คูอมรพัฒนะ หัว หน้าวิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และกิติธัช มนตรีโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาสท์บลู จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิ ดล
พร้อมกันนี้ได้เปิดให้เยี่ยมชมห้องปฏิบัติการที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย ESPReL ที่ใช้ในการทดสอบสารเคมีบำบัดไอเสียเพื่อแสดงคุณภาพของน้ำยาเคมี AdBlue ที่ผลิตโดย บริษัท ดาสท์บลู จำกัด สำหรับรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล และรถยนต์ขนาดใหญ่ ได้แก่ รถกระบะ รถบัส และรถบรรทุก ทั้งที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล เพื่อรองรับนโยบายการบังคับใช้มาตรฐานไอเสีย Euro 5 ของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เริ่มประ กาศใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา โดยสารเคมีกำจัดไอเสียเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้การบังคับใช้ Euro 5 มีประสิทธิภาพ และบริษัท ดาสท์บลู จำกัด คือ โรงงานผลิตแห่งแรกในประเทศไทย ที่ผ่านมาตรฐาน ISO22241 ทดแทนการนำเข้าจากยุโรป
กิติธัช มนตรีโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาสท์บลู จำกัด เผยว่า “มาตรฐานยูโร หรือ Euro เป็นการควบคุมมล พิษจากสหภาพในยุโรปที่ได้มีการวางมาตรการในการควบคุมมลพิษตั้งแต่ปี คศ. 1992 เพื่อเป็นการควบคุมยานพาหนะที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงให้มีการเผาไหม้ ไม่ให้มีมลพิษเกินค่ามาตรฐานที่กำหนด และมีมาตรฐานการควบคุมที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้ผลิตทั่วโลกได้มีการพัฒนาเครื่องยนต์ให้ปล่อยมลพิษออกมาน้อยที่สุด มีการแบ่งออกเป็นประเภท และขนาดของเครื่องยนต์ จนมีการพัฒนาเครื่องยนต์มาอย่างต่อเนื่อง โดยมาตรฐานยูโร 5 ที่มีการบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 เครื่องยนต์ดีเซลยูโร 5 คาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO) ต้องไม่เกิน 0.5 กรัม/กม. สารไฮ โดรคาร์บอน และ สารไนโตรเจนออกไซด์ (HC+NOx) ต้องไม่เกิน 0.23 กรัม/กม. สารไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ต้องไม่เกิน 0.18 กรัม/กม. สารมลพิษอนุภาค และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM) ต้องไม่เกิน 0.005 กรัม/กม. เป็นต้น
มาตรฐานยูโร 5 (Euro 5) จึงเป็นการเพิ่มความเข้มงวดของการปล่อยฝุ่นละอองจากเครื่องยนต์ดีเซล โดยรถยนต์ดีเซลทุกคันต้องติดตั้งตัวกรองฝุ่นละออง ส่วนข้อจำกัด NOx ก็เข้มงวดมากขึ้นเช่นกัน (โดยต้องลดลง 28 % เมื่อเทียบกับ Euro 4) และเป็นครั้งแรกที่มีการจำกัดปริมาณฝุ่นละออง ซึ่งการกำหนดค่ามาตรฐานไอเสีย (มาตรฐานยูโร) ที่สูงขึ้นจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม และการช่วยลดการปล่อยมลพิษในอากาศ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่สามารถตอบสนองความต้องการ และช่วยลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ได้ในที่สุด นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มในการบังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 (Euro 6) ในอนาคตอันใกล้นี้
นับเป็นความสำเร็จของ บริษัท ดาสท์บลู จำกัด ในการเป็นผู้นำด้านการผลิต และจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ทางอุตสา หกรรม AdBlue by DasBlue น้ำยาบำบัดไอเสียสำหรับรถยนต์ รถบรรทุก และเครื่องยนต์ดีเซลที่ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับสูง Euro 5/6/7 มลพิษต่ำ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ในการฉีดในระบบไอเสีย เพื่อกำจัดแกสพิษ NOx ซึ่งทำลายระบบทางเดินหายใจ และเป็นสาเหตุหนึ่งของการกำเนิด PM2.5 นอกจากนี้ ระบบ DPF ยังช่วยกำจัดเขม่าควันดำ ซึ่งจะทำให้ท้องถนนไทยสะอาด ปลอดเขม่าดำที่ลอยอยู่ในอากาศที่เราหายใจอีกด้วย”
ทางด้าน รศ.ดร. ธนภัทร์ วานิชานนท์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “การร่วมลงนามระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กับ บริษัท ดาสท์บลู จำกัด ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่แสดงถึงบทบาทของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในการเป็นกำลังสำคัญเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัท โดยทำหน้าที่เป็นหน่วยปฏิบัติการเพื่อทดสอบคุณภาพสารเคมีบำบัดไอเสีย AdBlue โดยยึดตามมาตร ฐานสากล ISO22241 เพื่อแสดงถึงมาตรฐานของคุณภาพสินค้า”