สมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย ร่วมมือ กับบริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท ออสก้า โฮลดิ้ง จำกัด ลงนามความร่วมมือจัดตั้งโครงการ วินเขียว กทม.
พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการ วินสีเขียว กทม. เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษ PM2.5 ใน ซึ่งทุกภาคส่วน มีเจตนาในการที่จะร่วมมือกันสนับสนุนนโยบายภาครัฐ ในการลดการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อเป้าหมายสู่เมืองหลวงไร้มลพิษทางอากาศ โดยสนับสนุนให้มีการนำเอารถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้บริการเป็นรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะทดแทนเครื่องยนต์สันดาปแบบเดิม ซี่งนอก จากจะลดปริมาณคาร์บอนไดออกไรด์ ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการได้สูงขึ้น คุ้มคำการใช้งาน ประหยัดพลังงาน ค่บำรุงรักษาต่ำ และยังมาพร้อมระบบการจัดการที่ทันสมัยในการใช้บริการขนส่งสาธารณะ
เฉลิม ชั่งทองมะดัน นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาที่สมาชิกสมาคมรถจักรยานยนต์รับจ้างในกรุงเทพฯ ได้พบ คือ
1. สุขภาพของสมาชิก อันเนื่องจากมลพิษทางอากาศซึ่งมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ และปอดโดยตรง
2. ภาระตันทุนในการใช้พลังงานน้ำมันที่มีความผันผวนรายวัน ที่ทำให้ต้นทุนของผู้ให้บริการรถจักรยานยนต์รับ จ้างสาธารณะมีความไม่คงที่
พ.ท.ม.ร.ว. พีรานุพงศ์ ภาณุพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท ออสก้า โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวถึงการสนับสนุนโครงการ วินเขียว กทม. และแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษ PM2.5 เป้าหมายเพื่อทำให้กรุงเทพฯ มีคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น โดย สตรอม (ไทยแลนด์)ฯ และ ออสก้า โฮลดิ้งฯ ได้ร่วมกันเก็บข้อมูลของผู้ขับชีวินมอเตอร์ไชค์รับจ้างมาตลอด 5 ปี เพื่อศึกษาถึงพฤติกรรมการใช้งาน เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการพัฒนาเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มีสมรรถณะสูงตอบโจทย์การใช้งาน เป็นรถจักรยานยนต์สาธารณะได้ในระยะยาว โดยสามารถทำระยะทางต่อการชาร์จได้ถึง 200 กม. ซึ่งตอนนี้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของ Strom ที่พัฒ นาขึ้นมาแล้ว มี 3 รุ่น คือ Strom Goilla, Strom Monkey, Strom Ponther ภายใต้ชื่อ EZZYWIN ซึ่งล้วนเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มีสมรรถนะสูง สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น Strom ยังได้พัฒนาสถานีให้พลังงานแบบ Fast Charging เพื่อให้บริการกับท่าน ทำให้สะดวกในการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ทาง Strom และ ออสก้า โฮลดิ้งฯ ตั้งเป้าว่า จะช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์/ปี ได้ถึง 1.3 ตัน/คัน และยังช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิงลงได้ถึงปีละ 17,850 บาท/คัน ทั้งนี้วินมอเตอร์ไซค์ในปัจจุบันมีมากกว่า 200,000 คัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล นั่นหมายความว่า ด้วยโครงการนี้ เพียง 1 ปี จะสามารถลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 260,000 ตัน/ปี เทียบเป็นต้นไม่ได้ถึงกว่า 17 ล้านต้น.