บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยกำไรปี 2566 ที่ 1,855 ล้านบาท เติบโต 49.8 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน โชว์เบี้ยประกันภัยรับทำนิวไฮที่ 34,797 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจประกันภัยเชิงรุก มุ่งสู่การเป็นผู้นำของธุรกิจประกันภัยยุคใหม่ ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ และยกระดับการบริการอย่างครบวงจร และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ในส่วนของ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ฯ หรือ TIPH เดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจประกันภัยทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตให้องค์กรแบบ New S-Curve
ดร. สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานของ ทิพยประกันภัยฯ หรือ TIP ในปี 2566 โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 34,797 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,222 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.8 ซึ่งถือเป็นเบี้ยประกันภัยรับต่อปีที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ TIP ประกอบกับมีรายได้ และกำไรจากเงินลงทุนรวม 837 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 143 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.7 ส่งผลให้ TIP มีกำไรสุทธิรวม 1,855 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 617 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 49.8 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2566 จำนวน 1,759 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นจำนวน 2.96 บาท ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยภายใต้กลุ่มธุรกิจสนับสนุนประกันภัย มีกำไรสุทธิรวม 58.6 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 45.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัท ดีพี เซอร์เวย์ แอนด์ลอว์ จำกัด หรือ DP Survey ได้ขยายการให้บริการด้านการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งก่อน และหลังการรับประกันภัย ให้บริการสำรวจที่ดินค้ำประกันสินเชื่อ รวมถึงมีการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของ บริษัท อะมิตี้ อินชัวร์รันซ์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ Amity มีเบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้น และการบริหารต้นทุนที่ดียิ่งขึ้น บริษัท ศูนย์ฝึกอบรมทิพย จำกัด เติบโตจากการขยายการอบรมทั้ง Offline & Online ร่วมกับพันธมิตร และขยายงานวิจัยทางการตลาดสำหรับธุรกิจประกันวินาศภัยร่วมกับสถาบันการศึกษาชั้นนำ
ด้านผลการดำเนินงานของ บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายช่องทางขอสินเชื่อร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง จากการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และรักษาคุณภาพของสินเชื่อโดยรวมอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนใน ปี 2567 ดร. สมพร กล่าวว่า TIPH มุ่งเน้นการลงทุนโดยแสวงหา New S-Curve ใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสให้องค์กรเติบโตอย่างก้าวกระโดด และยั่งยืน โดย TIPH ได้วางแผนขยายการลงทุนในกลุ่มธุรกิจประกันภัยทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจประกันภัยในอาเซียนที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ควบคู่ไปกับการแสวงหาโอกาสการลงทุนในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการทำกำไร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาเติมเต็มระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) อย่างครบวงจร และสร้าง Synergy ร่วมกันกับธุรกิจเดิมภายในกลุ่ม
นอกจากนี้ TIPH ยังเร่งผลักดันแผนการเติบโตของบริษัทในกลุ่มที่ได้ลงทุนไป ผ่านการวางแผนกลยุทธ์ ทิศทาง และการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดย TIPH ได้กำหนดเป้าหมายทั้งในส่วนของรายได้ และผลตอบแทนของแต่ละบริษัททั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพื่อให้ทุกธุรกิจที่ลงทุนไปแล้วนั้นสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และผลตอบแทนการลงทุนได้ตามที่คาดหวัง เพื่อให้บรรลุตามนโยบายหลักให้กลุ่ม TIPH เป็นธุรกิจประกันภัยชั้นนำในภูมิภาค
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความเชี่ยวชาญ และการเป็นผู้นำในธุรกิจประกันภัย ตลอดระยะเวลา 72 ปี ของทิพยประกันภัยฯ พร้อมกลยุทธ์สู่การเป็นผู้นำของธุรกิจประกันภัยยุคใหม่ที่ได้วางไว้ ทำให้ TIPH พร้อมเดินหน้าลงทุนต่อ เพื่อนำพาธุรกิจ และบริษัทในกลุ่มสู่การเติบโต ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนภารกิจเชิงสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นต่อไป ดร. สมพร กล่าวทิ้งท้าย