ค่าย MG ของบ้านเราเพิ่งเผยสเปค และเผยโฉมแฮทช์แบคพลังไฟฟ้าตัวแรง MG4 XPower พร้อมสีตัวถังใหม่ของตัวแรงรุ่นนี้โดยเฉพาะแบบ Wild Hunter Green ขณะที่รุ่นปกติ นั่นคือ MG4 Electric ยังคงทำตลาดควบคู่กับราคาพิเศษในระดับไม่เกิน 9 แสนบาทแล้ว มาดูสเปคเบื้องต้นของแฮทช์แบคพลังไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นกัน
- มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด/ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา/มอเตอร์ ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง 231 แรงม้า/มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า 204 แรงม้า/กำลังสูงสุดทั้งระบบ 435 แรงม้า/แรงบิดสูงสุด 61.2 กก.-ม. (600 นิวตันเมตร)
- มิติตัวถัง ความยาว 4,287 มม. กว้าง 1,836 มม. สูง 1,516 มม. ระยะฐานล้อ 2,705 มม./ความสูงจากพื้นถนน 117 มม.
- ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว/ยาง Bridgestone Turanza ขนาด 235/45 R18
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที (ตามที่ผู้ผลิตระบุ)/ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม.
- ความจุแบทเตอรี 64.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง/รองรับการชาร์จไฟฟ้าแบบ DC สูงสุด 140 กิโลวัตต์ชั่วโมง
- ระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม 480 กม. (มาตรฐาน NEDC)
MG4 Electric
- มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ชุด/ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง/มอเตอร์ ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง 170 แรงม้า/แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. (250 นิวตันเมตร)
- มิติตัวถัง ความยาว 4,287 มม. กว้าง 1,836 มม. สูง 1,516 มม. ระยะฐานล้อ 2,705 มม./ความสูงจากพื้นถนน 117 มม.
- ล้อแมกขนาด 17 นิ้ว/ยาง Continental PremiumContact ขนาด 215/50 R17
- ความจุแบทเตอรี 51.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง/รองรับการชาร์จไฟฟ้าแบบ DC สูงสุด 88 กิโลวัตต์ชั่วโมง
- ระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม 425 กม. (มาตรฐาน NEDC)
จากสเปคเบื้องต้นจะเห็นว่า MG4 XPower จะมีความแตกต่างที่มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลังสูงมาก ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ 2 ชุด มีกำลังสูงสุดทั้งระบบที่ 435 แรงม้า ขณะที่ MG4 Electric ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง กับกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า กำลังสูงสุดที่แตกต่างย่อมส่งผลต่ออัตราเร่ง โดยทาง MG4 XPower มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาทีเท่านั้น และมีความเร็วสูงสุดที่ 200 กม./ชม. (ขณะที่ MG4 Electric อยู่ที่ประมาณ 7.5 วินาที และความเร็วสูงสุดประมาณ 160 กม./ชม.) นอกจากนี้ MG4 XPower ยังปรับปรุงระบบรองรับให้มีความหนึบแน่นมากกว่า รวมถึงขนาดของจานเบรคที่มีขนาดใหญ่กว่า (พร้อมฝาครอบคาลิเพอร์เบรคสีส้มสด) และมีที่ปัดน้ำฝนหลังมาให้ การตกแต่งห้องโดยสารของ MG4 XPower มีความใกล้เคียงกับรุ่น MG4 Electric แต่มีการเสริมวัสดุหนังแท้ Alcantara ได้ความหรูอีกพอสมควร พร้อมระบบความปลอดภัย/ระบบช่วยเหลือการขับขี่ครบครัน เพิ่มระบบ One-Pedal มาในรุ่น XPower เป็นครั้งแรก
ส่วนเรื่องของราคา การเป็นรถยนต์นำเข้าทั้งคันทำให้ราคาของ MG4 XPower คาดหมายว่าจะมีราคาที่ประมาณไม่เกิน 1,200,000 บาท (*จะเผยราคาในช่วงก่อนสิ้นเดือนมีนาคมนี้*) ส่วน MG4 Electric มีราคาตามที่ผู้ผลิตระบุมา คือ 869,000-969,000 บาท แต่มีราคา “พิเศษ” ออกมาเป็นระยะ และอีกไม่นานจะถึงเวลาการทำตลาดของรุ่นประกอบในประเทศ
หากมองในแง่ของความเป็นแฮทช์แบคตัวแรง พลังไฟฟ้าแล้ว MG4 XPower ยังไม่มีคู่แข่งโดยตรงในตอนนี้ (ในบ้านเรา) จะมีคู่เทียบเคียงได้คร่าวๆ คือ รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ตัวถังซีดาน และมีระดับราคาที่ 1,599,000 บาท (ราคาไม่รวมส่วนลดใดๆ) นั่นคือ BYD Seal Performance มาดูสเปคคร่าวๆ กัน
BYD Seal Performance
- มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด/ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา/มอเตอร์ ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า 218 แรงม้า/มอเตอร์ ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง 313 แรงม้า/กำลังสูงสุดทั้งระบบ 530 แรงม้า/แรงบิดสูงสุด 68.2 กก.-ม. (670 นิวตันเมตร)
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที (ตามที่ผู้ผลิตระบุ)/ความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม.
- มิติตัวถัง ความยาว 4,800 มม. กว้าง 1,875 มม. สูง 1,460 มม. ระยะฐานล้อ 2,920 มม./ความสูงจากพื้นถนน 120 มม.
- ล้อแมกขนาด 19 นิ้ว/ยาง Continental EcoContact ขนาด 235/45 R19
- ความจุแบทเตอรี 82.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง/ รองรับการชาร์จไฟฟ้าแบบ DC สูงสุด 150 กิโลวัตต์ชั่วโมง
- ระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม 580 กม. (มาตรฐาน NEDC)
จุดได้เปรียบของ BYD Seal Performance คือ ขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่า สไตล์ซีดานหรู ทั้งความยาวของตัวรถ และระยะฐานล้อที่ส่งผลต่อพื้นที่ห้องโดยสารที่มีมากกว่า MG4 XPower อย่างไรก็ตาม จุดน่าสนใจ คือ สมรรถนะเบื้องต้น อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.8 วินาทีเท่ากันพอดี ! ในแง่นี้ MG4 XPower มีราคาที่ย่อมเยากว่า BYD Seal Performance แน่นอน ใครที่มีงบประมาณ 1 ล้านบาทต้นๆ แต่อยากได้อัตราเร่งที่เร้าใจเกินตัว MG4 XPower ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก !