ธุรกิจ
Mazda ปลุกตำนานโรตารี นำ MX-30 e-SKYACTIV R-EV โชว์เทคโนโลยี
Mazda เนรมิตบูธจัดแสดงรถยนต์ที่ได้รับการออกแบบใหม่หมด ภายใต้ธีม Love of Cars เพื่อถ่ายทอดความมุ่งมั่นของ Mazda ในการพัฒนาเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์แห่งอนาคตที่กำลังดำเนินไปตามกรอบระยะเวลา ตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ที่หลงใหลในการขับขี่ และรักในรถยนต์ โดยแบ่งโซนจัดแสดงบอกเล่าเรื่องราวที่มีลูกค้าอยู่ในทุกช่วงเวลา และมีรถยนต์ Mazda เป็นพาร์ทเนอร์ในทุกประสบการณ์ ตอกย้ำการให้ความสำคัญที่มีลูกค้าเป็นหนึ่งในทุกการเติบโต สื่อสารอารมณ์ความรู้สึก ความสนุกสนานในการขับขี่ ความสุขในการใช้ชีวิต และอนาคตที่รถยนต์มีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ได้แบ่งปันความทรงจำที่มีต่อรถยนต์ร่วมกัน เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้า และแบรนด์ Mazda ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น พร้อมปลุกตำนานโรตารี ด้วยการจัดแสดงเทคโนโลยีแห่งอนาคต Mazda MX-30 e-SKYACTIV R-EV ที่ผสานการทำงานร่วมกันระหว่างระบบไฟฟ้ากับเครื่องยนต์โรตารี กลายเป็น Plug-in Hybrid ที่ให้ทุกการเดินทางสะดวกสบาย และไปได้ไกลกว่า มาให้คนไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด
ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ Mazda ออกแบบบูธใหม่ทั้งหมด ภายใต้ธีม Love of Cars ได้แรงบันดาลใจจากการมีลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งในทุกประสบการณ์ของการเดินทาง เป็นศูนย์รวมความสุขของผู้ที่รักในรถยนต์ โดยแบ่งโซนการจัดแสดงออกเป็น โซนแกลเลอรีวอลล์ ที่ลูกค้าส่งภาพความประทับใจกับรถยนต์คันโปรด You and Mazda Moments ถ่ายทอดประสบการณ์ความสุขในทุกช่วงเวลาของลูกค้า ซึ่งเป็นปณิธานที่เรามุ่งหวัง และตั้งใจที่จะส่งมอบให้แก่ลูกค้าทุกคน และยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่รักในรถยนต์ “The Memorable Love of Cars” เสียสละรถโมเดลผ่านทาง Mazda เพื่อส่งต่อให้แก่เด็กๆ เยาวชนที่ขาดแคลน ซึ่งมีผู้สละเข้ามามากกว่า 500 คัน และ Mazda เพิ่มเติมอีก 1,000 คัน โดยจะเร่งส่งต่อรถโมเดลเหล่านี้ให้ถึงมือเด็กๆ โดยเร็วที่สุด
ส่วนไฮไลท์สำคัญ คือ การจัดแสดงเทคโนโลยี Multi-Solution มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ส่งมอบเทคโนโลยีที่มีความหลากหลาย และมีความเหมาะสมในแต่ละภูมิภาค เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า ในยุคที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากพลังงานเชื้อเพลิงไปสู่พลังงานไฟฟ้า หลายคนคงจดจำเครื่องยนต์โรตารี สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และความคิดสร้างสรรค์ นี่คือหนึ่งใน Multi-Solution เทคโนโลยีแห่งอนาคตจาก Mazda การนำเทคโนโลยี e-SKYACTIV R-EV มาใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ เป็นการปลุกฟื้นคืนชีพตำนานเครื่องยนต์โรตารี ต้นกำเนิดรถสปอร์ท Mazda หลากหลายรุ่นในอดีต ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบันกลายเป็นดีเอนเอสายพันธุ์สปอร์ทที่ทั่วโลกให้การยอมรับ
หัวใจหลักสำคัญของการพัฒนา Mazda MX-30 e-SKYACTIV R-EV คือ เครื่องยนต์โรตารีทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟกลับเข้าสู่แบทเตอรี เครื่องยนต์ขนาด 830 ซีซี เล็กกว่าเครื่องยนต์ลูกสูบทั่วไปที่ให้กำลังใกล้เคียงกัน ให้พละกำลังสูงสุดถึง 170 แรงม้า ที่ 9,000 รตน. ลูกสูบหมุน 1 โรเตอร์ ทำจากวัสดุอลูมิเนียม น้ำหนักเบาเพียง 15 กก. ประกอบกับแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาด 17.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรีเพียงอย่างเดียวได้ระยะไกลถึง 85 กม. ที่เกิดจากจากการชาร์จเพียงครั้งเดียว ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในเมือง และเมื่อได้รับการปั่นเป็นพลังงานไฟฟ้ากลับเข้ามาจากเครื่องยนต์โรตารีจะทำให้เพิ่มระยะทางในการขับขี่ได้ไกลกว่า 600 กม. ทำให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลกับการเดินทางไกลเพื่อออกไปหาประสบการณ์ใหม่ในการดำเนินชีวิต ซึ่งเกิดจากประสิทธิภาพของเครื่องยนต์โรตารีที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงขนาดถัง 50 ลิตร มาผสานการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขยายระยะทางในการขับขี่ กลายเป็นเทคโนโลยีพลัก-อิน ไฮบริด ที่สมบูรณ์แบบที่มีต้นกำเนิดจากการทำงานของเครื่องยนต์โรตารี อันเกิดจาก "จิตวิญญาณแห่งความท้าทาย” หรือ “Challenger Spirit” อันมีเอกลักษณ์เฉพาะของ Mazda
ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รถยนต์ Mazda ประสบการณ์ความสุขในทุกการขับขี่ และการใช้ชีวิตประจำวันในทุกๆ ด้านให้แก่ลูกค้าทุกคน ซึ่งรวมถึง การนำ New Maxda MX-5 รถสปอร์ทโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอนยอดนิยม ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงใหม่ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัย กับเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีในการขับขี่ เพื่อถ่ายทอดปรัชญา จินบะ-อิตไต (Jinba-Ittai) ให้โดดเด่นสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ขับขี่จะสามารถสัมผัสได้ถึงอัตราเร่ง และการควบคุมพวงมาลัยที่ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม ฉับไว ไม่ว่าจะขับรถในเมือง ทางโค้ง หรือขับในสนามแข่ง
โดยเฉพาะในระบบเกียร์แมนวลที่มาพร้อม DSC-Track ซึ่งเป็นระบบควบคุมเสถียรภาพ และการทรงตัวของรถ (Dynamic Stability Control: DSC) ใหม่ ที่ใส่เพิ่มเติมเข้าในรถรุ่นนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้เหมือนกับการขับรถแข่งในสนามแข่ง โดยระบบจะยอมให้เกิด Understeer หรือ Oversteer เพียงเล็กน้อย และระบบจะเข้ามาช่วยเหลือในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้ หรือก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รถหมุนเท่านั้น เพื่อช่วยควบคุมรถเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จึงสามารถมอบความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น และขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ตอกย้ำถึงแนวทางในการพัฒนารถยนต์ของ Mazda ได้เป็นอย่างดี ในด้านการยกระดับคุณค่าประสบการณ์ของลูกค้าให้ครบทุกมิติ วางราคาจำหน่าย 3,029,000 บาท ดอกเบี้ย 2.49 % ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี ฟรี โปรแกรมคุ้มครอง และดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี
นอกจากนี้ Mazda ยังนำรถพิคอัพที่เปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้ มาจัดแสดงเป็นครั้งแรก New Mazda BT-50 พร้อม...ให้คุณออกนำทุกเส้นทาง ภายใต้แนวคิดการออกแบบ Kodo : Soul of Motion โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม เช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง และรถอเนกประสงค์เอสยูวี Mazda นำเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เทอร์โบ 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ลงในรุ่นขับ 2 ยกสูง Hi-Racer ทั้งรุ่นฟรีสไตล์แคบ และดับเบิลแคบ 4 ประตู มาพร้อมสีใหม่ สีเทา รอค กเรย์ กระจังหน้า Signature Wing และชุดกันชนหน้าสีดำเงา ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ภายในเบาะหนังทูโทนสีน้ำตาล-ดำ ติดตั้ง Sport Paddle Shift พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC แบบ Stop & Go เปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้น 7 แสนกว่าบาท
สำหรับ Mazda BT-50 ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่นย่อย รุ่นฟรีสไตล์แคบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ แบบยกสูง (FSC Hi-Racer) และรุ่นดับเบิลแคบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ แบบยกสูง (DBL Hi-Racer) มีการติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าที่ชื่นชอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน เร้าใจ กับอัตราเร่ง และการออกตัวที่ดีเยี่ยม ตอบสนองทุกการขับขี่กับระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sport Paddle Shift) และในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังมาพร้อมระบบ Rough Terrain Mode ที่ติดตั้งมาใหม่ และระบบ Electronic Diff-Lock ที่เฟืองท้าย ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในเส้นทางขับขี่แบบออฟโรด ในขณะที่ราคาเป็นเจ้าของได้ง่ายมากขึ้นเริ่มต้นเพียง 752,000 บาท ดอกเบี้ยต่ำเพียง 0.99 % ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ที่สำคัญสำหรับครอบครัว Mazda รับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของ Mazda คือ การจัดแสดง New Mazda6 20th Anniversary Edition รถสปอร์ทซีดานระดับไฮเอนด์ ที่เปิดให้ลูกค้าจองแล้ววันนี้ในจำนวนจำกัดเพียง 100 คัน ในประเทศไทยเท่านั้น ด้วยราคาจำหน่าย 2.499 ล้านบาท ดาวน์ 25 %, ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ฟรีโปรแกรมคุ้มครอง และดูแลรถ 7 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) ขยายการรับประกันคุณภาพนานสูงสุด 7 ปี ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 7 ปี สำหรับครอบครัว Mazda รับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท รวมถึงสิทธิพิเศษอีกมากมายที่ทาง Mazda เตรียมไว้ให้แก่ลูกค้า 100 ท่าน ที่เป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นนี้ในประเทศไทย
นอกจากนี้ Mazda ยังได้นำยนตรกรรมทุกรุ่นมาจัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัส และเป็นเจ้าของด้วยเงื่อนไขสุดพิเศษ ครั้งแรก และครั้งเดียวในรอบปี ทั้งรถยนต์นั่ง Mazda2 ทั้งรุ่นซีดาน และแฮทช์แบค รับส่วนลดสูงสุดถึง 100,000 บาท Mazda3 ทั้งซีดาน และฟาสต์แบค รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท รวมถึงรถยนต์ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีตระกูล CX-Series ประกอบด้วย Mazda CX-3 รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท Mazda CX-30 รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท Mazda CX-5 รับส่วนลดสูงสุด 110,000 บาท และ Mazda CX-8 รับส่วนลดสูงสุด 80,000 บาท มาจัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสกันครบทุกรุ่น พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษภายในงานฯ อาทิ ดอกเบี้ยต่ำสุด 0 % ฟรีโปรแกรมคุ้มครอง และดูแลรถ 5 ปี และฟรีประกันภัยชั้น 1 ฟรีเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Sharp รุ่น IG-NX2B มูลค่า 2,890 บาท** และพิเศษสุดขึ้นไปอีกขั้นสำหรับเจ้าของรถยนต์ Mazda และครอบครัว เมื่อออกรถใหม่ รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท ทั้งภายในงานฯ และที่โชว์รูม Mazda ทั่วประเทศ หมดเขตถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 นี้เท่านั้น โอกาสทองของลูกค้าที่จะได้เป็นเจ้าของรถยนต์สายพันธุ์สปอร์ทจาก Mazda
ทั้งนี้ Mazda จะยังคงเดินหน้าในการส่งมอบ “ความสุขในการขับขี่" Joy of Driving ต่อไป ภายใต้คุณค่าหลักที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้น "มนุษย์เป็นศูนย์กลาง" และมุ่งมั่นที่จะส่งมอบ "ความสุขในการดำเนินชีวิต" ด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้แก่ชีวิตประจำวันของลูกค้าทุกคน
หมายเหตุ:
(1) ดาวน์ 25 %, ผ่อนนาน 48 เดือน
(2) บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ (1) บมจ. วิริยะประกันภัย (2) บมจ. ธนชาตประกันภัย (3) บมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์ (4) บมจ. กรุงไทยพานิชประกันภัย (5) บมจ. แอกซ่าประกันภัย
(3) ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ตามเงื่อนไขโปรแกรมขยายรับประกันคุณภาพรถ เป็น 5 ปี, ฟรี ค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี
(4) ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 7 ปี หรือ 200,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ตามเงื่อนไขโปรแกรมขยายรับประกันคุณภาพรถ เป็น 5 ปี, ฟรี ค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 7 ปี หรือระยะทาง 140,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามข้อกำหนดของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และทีเอ็มบีธนชาต เท่านั้น ข้อเสนอดังกล่าวสำหรับผู้เช่าซื้อที่ผ่านการอนุมัติตามเงื่อนไขของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต ที่จอง และออกรถระหว่างวันที่ 25 มีค. 67-7 เมย. 67
**จองรถในงาน 3,000 บาท และออกรถภายในวันที่ 15 เมย. 67 รับเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Sharp รุ่น IG-NX2B มูลค่า 2,890 บาท จำนวนจำกัด 1,000 ชิ้น เฉพาะโชว์รูมที่ร่วมรายการ โดยไม่สามารถโอนสิทธิ์ หรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้