Maserati ประเทศไทย นำ 2 ยนตรกรรมรุ่นล่าสุด สะท้อนความเป็นลักชัวรีสปอร์ทสไตล์อิตาเลียน กับ Maserati Grecale Folgore ยนตรกรรมล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100 % Maserati GranTurismo โฉมใหม่ ยนตรกรรมสไตล์ GT ที่ผสมผสานสมรรถนะแบบรถสปอร์ท เข้ากับความสะดวกสบายเพื่อรองรับการขับทางไกล
ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป Maserati ประเทศไทย กล่าวว่า Maserati ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าผ่านยนตรกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ผสานความตั้งใจในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้ประสบการณ์จากสนามแข่ง Formula E โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมนวัตกรรมล้ำยุค ซึ่งสามารถสะท้อนถึงแก่นแท้ของแบรนด์ Maserati ได้เป็นอย่างดี
Maserati Grecale Folgore ยนตรกรรมคอมแพคท์เอสยูวี ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100 % ภายใต้คอนเซพท์ "Everyday Exceptional" คิดค้น และพัฒนาขึ้นด้วยสุดยอดทีมงานวิศวกรของ Maserati Innovation Lab เมืองโมเดนา ประเทศอิตาลี ผสมผสานความหรูหรา สง่างาม เปี่ยมสมรรถนะ และนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมประสิทธิภาพการขับเคลื่อนดีเยี่ยมในทุกสภาพเส้นทาง อีกทั้งยังเป็นเอสยูวีที่มีความโดดเด่น และครบครันมากที่สุดในกลุ่ม High Performance Luxury ด้วยคอนเซพท์การออกแบบ "Masters of Italian Audacity" หรือ ความกล้าที่จะแตกต่างในสไตล์อิตาเลียน พร้อมสะท้อนตัวตนที่แตกต่าง และมีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร ด้วยแรงบันดาลใจจากซูเพอร์คาร์ MC20 ที่ผสมผสานเทคโนโลยีจากสนามแข่ง Formula E
รูปลักษณ์สไตล์คูเป เส้นสายโค้งมน กระจังหน้าโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมไฟท้ายบูเมอแรง ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Maserati Giugiaro 3200 GT มาพร้อมห้องโดยสารเต็มเปี่ยมความหรูหรา และอเนกประสงค์ ด้วยพื้นที่ใช้สอยมากที่สุดในรถยนต์เซกเมนท์เดียวกัน ตกแต่งอย่างประณีตทุกรายละเอียด ด้วยหนังแท้เกรดพรีเมียม ไม้แท้ และคาร์บอนไฟเบอร์ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่มีการใช้นาฬิกาดิจิทอล แทนนาฬิกาทรงรีแบบดั้งเดิม สามารถแสดงข้อมูลหลากหลาย ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์แบบทีเอฟที (TFT: Thin-Film Transistor) ขนาด 12.3 นิ้ว ด้านหน้าผู้ขับ พร้อมติดตั้งทัชสกรีนแบบคู่ บริเวณกลางแดชบอร์ด โดยจอบนมีขนาด 12.3 นิ้ว และจอล่างขนาด 8.8 นิ้ว ใหญ่สุดเท่าที่เคยติดตั้งในรถยนต์ Maserati ครบทุกอรรถรสของการขับ ด้วยเครื่องเสียง Sonus Faber จากอิตาลี พร้อมออพชันลำโพงแบบ 14 ตำแหน่ง และ 21 ตำแหน่ง
ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100 % ติดตั้งแบทเตอรีความจุ 105 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำกำลังได้มากกว่า 500 แรงม้า (HP) แรงบิด 800 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดมากกว่า 200 กม./ชม. ผสานระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ ที่มาพร้อมกับ 4 โหมดการขับ คือ Comfort, GT, Sport และ Off-road ผสานระบบควบคุมการทรงตัวใหม่ล่าสุด VDCM (Vehicle Dynamic Control Module)
Maserati All-new GranTurismo ยนตรกรรมสไตล์ GT ที่เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของสมรรถนะแบบรถสปอร์ท เข้ากับความสะดวกสบายเพื่อรองรับการขับ ภายใต้คอนเซพท์ "The Others Just Travel" ที่มอบประสบการณ์พิเศษ มากกว่าคำว่าการเดินทาง ฝากระโปรงหน้าทรงยาว และตำแหน่งผู้ขับ ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้ง 4 พร้อมหลังคาลาดต่ำสู่ด้านหลัง เน้นให้เห็นความโค้งมนของเสาซี ที่มีโลโกตรีศูลติดตั้งอยู่
ห้องโดยสารติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลทิมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA), อินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุด, หน้าจอ comfort display ที่รวมฟังค์ชันหลักของทัชสกรีนอเนกประสงค์, นาฬิกาดิจิทอลอัจฉริยะ (Digital Smart Clock) และเฮด-อัพ ดิสพเลย์ (เป็นออพชัน) นอกจากนี้ ยังมอบประสบการณ์พิเศษแบบ "all-round sound experience" การันตีด้วยซุ่มเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ Maserati รวมทั้งเวอร์ชันรถไฟฟ้า อันเกิดจากฝีมือการพัฒนาของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab มอบประสบการณ์สมบูรณ์แบบผ่านระบบเครื่องเสียง Maserati Sound Audio System และมีออพชันพิเศษกับสุดยอดเครื่องเสียงสัญชาติอิตาลี "Sonus Faber" ลำโพง 12 ตำแหน่ง และ 19 ตำแหน่ง ให้เลือก
ขุมพลังเบนซิน วี 6 สูบ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ (V6 Nettuno) บลอคเดียวกับที่ใช้ในซูเพอร์คาร์รุ่น MC20 คันที่จัดแสดงเป็นรุ่นย่อย Modena ทำได้ 490 แรงม้า (HP) แรงบิด 600 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 302 กม./ชม.