รถสปอร์ทจากเมืองมะกะโรนีชุดสุดท้ายที่นำเรื่องราวมาบรรจุไว้ใน “ระเบียงรถใหม่” เดือนนี้ เป็นผลงานของค่าย “ตรีศูล” หรือ “สามง่าม” ซึ่งประกอบกิจการมายาวนานกว่า 1 ศตวรรษ คือ ตั้งแต่ปี 1914 และปัจจุบันมีฐานะเป็นส่วนหนึ่งของ STELLANTIS NV (สเตลแลนทิส เอนวี) กลุ่มบริษัทรถยนต์ “เหล้าเก่าในขวดใหม่” ที่เพิ่งก่อกำเนิดเมื่อปี 2021 และขณะนี้มีรถยนต์อยู่ในเครือข่ายถึง 14 ยี่ห้อ คือ ABARTH (อบาร์ธ)-ALFA ROMEO (อัลฟา โรเมโอ)-CHRYSLER (ไครสเลอร์)-CITROEN (ซีตรอง)-DODGE (ดอดจ์)-DS (เดแอส)-FIAT (เฟียต)-JEEP (จีพ)-LANCIA (ลันชา)-MASERATI (มาเซราตี)-OPEL (โอเพล)-PEUGEOT (เปอโฌต์)-RAM (แรม)-VAUXHALL (วอกซ์ฮอลล์) และเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 20 ของบริษัทรถยนต์จีน LEAPMOTOR (ลีพมอเตอร์) อีกต่างหาก
ก่อนการปรากฏตัวของรถรุ่นใหม่นี้ ค่าย “ตรีศูล” มีรถให้เลือกรวม 5 แบบ คือ รถเก๋งคูเป MASERATI GRANTURISMO (มาเซราตี กรันตูริสโม) รถเก๋งเปิดประทุน MASERATI GRANCABRIO (มาเซราตี กรันกาบริโอ) รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ MASERATI GRECALE (มาเซราตี กเรคาเล) รถสปอร์ทคูเป MASERATI MC20 (มาเซราตี เอมซี 20) และรถสปอร์ทเปิดประทุน MASERATI MC20 CIELO (มาเซราตี เอมซี 20 ซีเอโล)
เฉพาะรถสปอร์ท MASERATI MC20 และ MASERATI MC20 CIELO เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง มีขนาดตัวถัง ยาว 4.669 ม. กว้าง 1.965 ม. และสูง 1.224 ม. ติดตั้งเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง วี 6 สูบ 90 องศา 3,000 ซีซี 463 กิโลวัตต์/630 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้สูงกว่า 320 กม./ชม.
ส่วนรถคูเป MASERATI MCPURA (มาเซราตี เอมซีปูรา) และรถเปิดประทุน MASERATI MCPURA CIELO (มาเซราตี เอมซีปูรา ซีเอโล) ที่กำลังอวดรูปทรงองค์เอวอยู่นี้ ไม่ใช่รถแบบใหม่ แต่เป็นรถ MASERATI MC20 และ MASERATI MC20 CIELO ที่เพิ่งผ่านการปรับปรุงแบบ FACELIFT (เฟศลิฟท์) หรือ “ยกหน้า” เป็นครั้งแรก หลังจากจำหน่ายมานานเกือบ 5 ปี ที่แปลกไปจากการปรับปรุงแบบ “ยกหน้า” ทั่วๆ ไปก็คือ มีการเปลี่ยนชื่อพร้อมๆ กับการปรับปรุงด้วย รถทั้ง 2 แบบนี้ ปรากฏตัวให้เห็นเป็นครั้งแรกที่งานเทศกาลความเร็ว THE GOODWOOD FESTIVAL OF SPEED (เธอะ กูดวูด เฟสติวัล ออฟ สปีด) ซึ่งมีขึ้นในอังกฤษระหว่างวันที่ 10-13 กรกฎาคม 2025 และคาดว่าเดือนกันยายนปีเดียวกันจะเริ่มการผลิต ที่โรงงานซึ่งตั้งอยู่ในเมือง MODENA (โมเดนา) ของอิตาลี เป็นการผลิตที่ไม่ได้จำกัดจำนวน แต่จะผลิตอย่างที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า BUILT TO ORDER (บิลท์ ทู ออร์เดอร์) หรือผลิตตามใบสั่งนั่นเอง
การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงที่กล่าวข้างต้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้รถดูทันสมัยขึ้น ส่วนใหญ่เป็นการกระทำกับตัวถังทั้งภายนอก และภายใน แทบไม่มีการแตะต้องใดๆ ในส่วนของเครื่องยนต์กลไก เมื่อมองจากภายนอก ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ แผงกระจังหน้าที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ส่วนภายในห้องโดยสาร สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ เพิ่มเติมปริมาณพื้นที่ที่หุ้มด้วยหนัง ALCANTARA (อัลคันทารา) และพวงมาลัยแบบ 2 ก้าน ซึ่งออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากพวงมาลัยของรถดังในอดีต คือ MASERATI A6GCS (มาเซราตี เอ 6 จีซีเอส) รุ่นปี 1953
ขนาดตัวถังเปลี่ยนไปเล็กน้อย คือ MCPURA ยาว 4.667 ม. กว้าง 1.965 ม. และสูง 1.226 ม. ส่วน MCPURA CIELO ซึ่งติดตั้งประทุนหลังคาแบบแข็ง ทำจากวัสดุโปร่งแสงซึ่งสามารถปรับความเข้มได้โดยการกดปุ่ม และการเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าใช้เวลา 12 วินาที มีตัวถังที่ยาว 4.667 ม. และกว้าง 1.965 ม. เช่นกัน แต่ความสูงลดลงนิดหน่อยเป็น 1.214 ม.
ยังคงใช้เครื่องยนต์ และระบบเกียร์ชุดเดิม คือ เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง วี 6 สูบ 3,000 ซีซี 463 กิโลวัตต์/630 แรงม้า ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ
สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของค่าย “ตรีศูล” MCPURA ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึง 2.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้สูงกว่า 325 กม./ชม. และห้ามล้อ 100-0 กม./ชม. ในระยะทางไม่ถึง 33 ม. ส่วน MCPURA CIELO อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 2.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้สูงกว่า 320 กม./ชม. และห้ามล้อ 100-0 กม./ชม. ก็ใช้ระยะทางไม่ถึง 33 ม. เช่นกัน
MASERATI MCPURA/MCPURA CIELO
บทความแนะนำ