หลังประกาศเตรียมเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเต็มรูปแบบในปีนี้ Omoda & Jaecoo (Thailand) เตรียมเปิดตัว Omoda C5 EV รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % โมเดลแรกในประเทศไทย ซึ่งหนึ่งในความน่าสนใจของรถยนต์ Omoda C5 EV ที่นอกจากจะมีดีไซจ์นที่โดดเด่น และเทคโนโลยีสุดล้ำ ยังเป็นแบรนด์รถยนต์ “แบรนด์แรกของโลก” ที่ทำตลาดด้วยแนวคิดการตลาดบนโลกเสมือนในคอนเซพท์ “O-Universe” หรือการสร้างจักรวาลที่จะเชื่อมต่อ Omoder หรือกลุ่มผู้ขับขี่ Omoda เข้าด้วยกันนั่นเอง ผ่านประสบการณ์ที่เป็น “มากกว่ารถยนต์” ด้วย 4 กุญแจสำคัญ ซึ่งประกอบด้วย Electric Technology การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าที่ปลอดภัย Environmental Sustainability การสร้างยนตรกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน Futuristic Fashion รถยนต์ที่แสดงออกถึงแฟชันแห่งโลกอนาคต และ Lohas Lifestyle ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่มีไลฟ์สไตล์ในแบบส่งเสริมทั้งสุขภาพกาย และใจ รวมถึงใส่ใจสิ่งแวดล้อม ไปดูกันดีกว่าว่ากุญแจทั้ง 4 เหล่านี้ ช่วยเสริมประสบการณ์ให้แก่ Omoder อย่างไรบ้าง
“ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า (Electric Technology)” หัวใจสำคัญของการใช้รถในยุคนี้ คือ การขับเคลื่อนที่ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมจากการคิดค้นพัฒนา ทำให้รถยนต์ Omoda พร้อมที่จะสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต อาทิ เทคโนโลยีการขับขี่ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว เทคโนโลยีแบทเตอรีที่มีความปลอดภัยสูง ระบบ Energy Replenishment ช่วยให้การขับขี่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และขับขี่ได้ไกลกว่า รวมถึงกระจกห้องโดยสารที่ลดเสียงรบกวนได้ดีกว่ารถในกลุ่มเดียวกัน เป็นต้น
“ยนตรกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (Environmental Sustainability)” จากความมุ่งมั่นในการวิจัย และพัฒนาให้รถยนต์ Omoda เป็นส่วนหนึ่งของการมอบประสบการณ์ให้แก่ผู้ขับขี่ พร้อมปั้นคอมมูนิทีที่เป็น “มากกว่ารถยนต์” ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น “New Journey New Life-Embracing Green Living” ทริพปั่นจักรยานที่ชวนเชิญผู้ขับขี่มาร่วมสนุกท่ามกลางธรรมชาติ รวมทั้งการสร้างความร่วมมือกับองค์กรการกุศลที่หลากหลายในระดับโลกอาทิ Arturo Allende Islands ผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมจากเมกซิโก ที่ได้ริเริ่มโครงการการกุศลหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การดูแลกลุ่มเปราะบาง และการคุ้มครองสัตว์ ทั้งนี้ เพื่อตอกย้ำจุดยืนสนับสนุนไลฟ์สไตล์คาร์บอนต่ำ และความเป็นผู้นำด้านการมีวิถีชีวิตที่ยั่งยืนของแบรนด์ พร้อมทั้งให้ Omoder ทุกคนในคอมมูนิทีได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ดีเหล่านั้น
“สุนทรียะแห่งโลกอนาคต (Futuristic Fashion)” ด้วยดีไซจ์นโฉบเฉี่ยวเสมือนหลุดมาจากโลกอนาคต ของรถยนต์ Omoda เป็นผลจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีการขับขี่ที่เหนือชั้น รวมกับสุนทรียะด้านการออกแบบ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก ศิลปะ ดนตรี และแฟชัน ส่งมอบประสบการณ์เฉพาะตัวสุดพิเศษ ให้ผู้ขับขี่ทุกคน พร้อมปะทะทุกความท้าทาย โดยมี Omoda เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของชีวิต และทุกๆ กิจกรรม
“ไลฟ์สไตล์ที่สมดุลระหว่างเทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม E-Lohas Lifestyle” จากการออกแบบที่สวยงามตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจการมีชีวิตที่ดีควบคู่ไปกับการมีสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยให้เทคโนโลยี และนวัตกรรมยานยนต์ที่พร้อมลุยทุกสภาพแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกในห้องโดยสารอัจฉริยะ ระบบการตั้งค่าสำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet Friendly Setting) เทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไฟฟ้าจากรถออกไปใช้งาน โหมดสำหรับแคมพิง (Camping Mode) เรียกได้ว่า รถยนต์ Omoda เข้าใจกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างดี ขณะเดียวกัน Omoder ก็มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพราะที่ Omoda & Jaecoo ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาด เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในระยะยาว
ท้ายที่สุด รถยนต์ Omoda มุ่งมั่นที่จะเป็นยนตรกรรมแห่งกาลเวลา ที่เป็น “มากกว่ารถยนต์” ของผู้ใช้งานที่เป็นคนรุ่นใหม่รักอิสระ มีความคิดสร้างสรรค์ และรักการเข้าสังคมในแบบ E-Lohas ผ่านคอนเซพท์ “O-Universe” ที่จะหลอมรวมผู้ขับขี่รถยนต์ Omoda ทุกคนเข้าด้วยกัน