ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Toyota ยังคงเชื่อมั่นกับเครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่ แม้ยอดการผลิตมีจำนวนลดน้อยลงตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่ยังมองเห็นอนาคตของเครื่องยนต์ชนิดนี้ต่อไปอีกยาวนาน
Sean Hanley ผู้บริหารด้านการขาย และการตลาดของ Toyota ออสเตรเลีย วิเคราะห์ว่า เครื่องยนต์ดีเซลโดนวิพากษ์วิจารณ์ตลอดมา แต่ก็ยังไม่ถึงจุดจบอย่างแน่นอน และยังอยู่ต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง
เขากล่าวว่า เชื้อเพลิงดีเซลเป็นแหล่งพลังงานที่น่าเชื่อถือ เหมาะกับรถที่มีน้ำหนักมากอย่างรถกระบะ หรือเอสยูวี แต่เครื่องยนต์ดีเซลต้องได้รับการพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านมลพิษ จึงจะสามารถไปต่อได้ โดย Toyota ได้พิสูจน์ด้วยการเปิดตัว Hilux เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ทวินเทอร์โบ ความจุ 2.8 ลิตร พร้อมระบบไมล์ดไฮบริด
Sean Hanley ไม่ได้ปฏิเสธแนวคิดการใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในกับน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลสังเคราะห์ เพื่อคงเครื่องยนต์สันดาปภายในไว้ ด้วยเชื้อเพลิงทางเลือกอย่างไฮโดรเจน ที่ได้ทดลองใช้กับรถต้นแบบ GR Yaris และ GR Corolla โดยร่วมการแข่งขันหลายรายการ
ก่อนหน้านี้ท่านประธาน Akio Toyoda ได้ประกาศการผลิตเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบใหม่ (เชื้อเพลิงไฮโดรเจน) เพื่อเป็นขุมพลังให้กับรถในอนาคตต่อไปอีกยาวนาน
Akio Toyoda ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในต่อไป โดยคาดว่ารถไฟฟ้าจะมีส่วนแบ่งการตลาดไม่เกิน 30 % ส่วนที่เหลืออีก 70 % เป็นรถเครื่องยนต์สันดาปภายในทั้งเบนซิน และดีเซล โดยหวังว่าน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ และไฮโดรเจน จะเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกในอนาคตอย่างแน่นอน
ด้วยข้อกำหนดด้านมลพิษในยุโรปที่เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น ทำให้ Toyota ทำตลาดเครื่องยนต์ดีเซลอย่างยากลำบาก บริษัทผู้ผลิตรถหลายรายในยุโรป จำเป็นต้องเลิกใช้เครื่องยนต์ดีเซลกับรถขนาดเล็ก จึงทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของเครื่องยนต์ดีเซลเมื่อปี 2566 ลดลงเหลือ 13.6 % จาก 16.4 % ของปี 2565
ปี 2566 ยอดขายรถไฟฟ้า สามารถทำยอดขายแซงรถเครื่องยนต์ดีเซลในยุโรปเป็นครั้งแรก โดยทำได้ถึง 14.6 % รวมถึงรถขุมพลังไฮบริดก็ทำยอดขายแซงรถเครื่องยนต์ดีเซล โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 25.8 % ส่วนรถขุมพลังพลัก-อิน ไฮบริด มียอดขาย 7.7 %
ด้วยการใช้แนวคิดแบบตรรกะสามารถเชื่อได้ว่า เครื่องยนต์ดีเซลจะยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มรถแบบใหม่ และรถเพื่อการพาณิชย์ หลังจากสหภาพยุโรปผ่อนปรนข้อกำหนดด้านมลพิษให้มีความเข้มงวดน้อยลง
บทความแนะนำ