Great Wall Motor (ประเทศไทย) ต้อนรับสื่อมวลชนจากประเทศจีนจำนวนมากกว่า 20 สำนักข่าวที่มาเยือนประ เทศไทยเพื่อศึกษา และแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจของ Great Wall Motor (ประเทศไทย) ในฐานะที่เป็นต้นแบบของ Great Wall Motor ทั่วโลก ที่มีความโดดเด่นในการดำเนินงานในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า การมีฐานการผลิตที่ทันสมัยที่จังหวัดระยอง (GWM Smart Factory) การใช้รูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ (New Retails Business) รวมถึงการนำธุรกิจเกี่ยวเนื่องเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศสังคมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืนภายใต้กล ยุทธ์ Ecological Go-Abroad
สำหรับการมาเยี่ยมชมของสื่อมวลชนประเทศจีนในครั้งนี้ เริ่มต้นที่ งานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 โดยมีจุดประสงค์เพื่อศึกษา และเรียนรู้ความแตกต่างในการจัดงานมอเตอร์โชว์ในประเทศไทย ซึ่งในครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งก่อนเพราะได้มีการเปิดตัว รถกระบะพลังงานไฮบริดคันแรกในประเทศไทย GWM Poer Sahar HEV พร้อมให้สื่อมวลชนได้พูดคุยถึงการดำเนินธุรกิจของ Great Wall Motor (ประเทศไทย) กับทางผู้บริหาร ในวันถัดมา คณะสื่อมวลชนมุ่งหน้าจังหวัดระยองสู่โรงงานเกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศ ไทย) ที่เป็นโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) เต็มรูปแบบแห่งแรกในอาเซียน ซึ่งในปัจจุบันมีการผลิต และประ กอบรถยนต์ที่จำหน่ายในประเทศไทยแล้วถึง 10 รุ่น ภายใต้แบรนด์ Haval GWM Tank และ ORA ทั้งไฮบริด พลัก-อิน ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า 100 % รวมถึง GWM Poer Sahar HEV ที่จะทำการเปิดตัวในเดือนพฤษภา คมนี้อีกด้วย ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย ระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน
สื่อมวลชนได้มีโอกาสเยี่ยมชมสายพานการผลิตตั้งแต่กระบวนการผลิต การประกอบชิ้นส่วนรถ จนถึงกระบวนการตรวจสอบคุณภาพของรถยนต์ภายในโรงงาน ปิดท้ายทริพด้วยการเข้าเยี่ยมชมโชว์รูม GWM Iconic รามอินทรา ศูนย์บริการครบวงจร เพื่อศึกษาขั้นตอนการบริการลูกค้าตั้งแต่แรกเริ่มประสบการณ์จนถึงบริการหลังการขาย รวมถึงการนำเทคโนโลยีอันทันสมัย เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการ และการดูแลลูกค้า ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทฯ ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าอย่างรอบด้าน ตอกย้ำความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย และความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจในระดับสากลของ Great Wall Motor (ประเทศไทย) ได้อย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรม ประเทศไทย ถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์ของ Great Wall Motor ในการขยายการดำเนินธุรกิจสู่ตลาดโลก เพื่อยกระดับแบรนด์สู่การเป็นบริษัทที่ให้บริการเทค โนโลยีระดับโลกหรือ Global Intelligent Technology Company อย่างแท้จริง และถือเป็นประเทศแรกในภูมิ ภาคอาเซียนที่ Great Wall Motorเข้ามาดำเนินงาน และตั้งเป้าให้เป็นศูนย์กลางในการบุกตลาดไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค Great Wall Motor ได้ตั้งเป้าลงทุนในประเทศไทยด้วยเม็ดเงินทั้งสิ้น 22.6 พันล้านบาท และได้ลง ทุนไปแล้วทั้งสิ้น 12.5 พันล้านบาท
บริษัทฯ ได้วางรากฐานในประเทศไทยอย่างแข็งแกร่งในทุกด้าน และมุ่งมั่นให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต และส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาค โดยลงทุนตั้งโรงงานอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบที่จังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตขนาดใหญ่แห่งที่สองของ Great Wall Motor นอกประเทศจีน โดยในปัจจุบัน Great Wall Motor ได้สร้างงานสร้างรายได้ให้กับบุคลากรทั้งสิ้น 1,015 คน นอกจากนี้ ยังสร้างระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย Great Wall Motor ได้นำพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาลงทุนและดำเนินการในประเทศไทย เพื่อสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Svolt, HYCET, Exquisite, MIND และ NOBO ที่เป็นพาร์ทเนอร์ด้านแบทเตอรี เครื่องยนต์ สายไฟ และชิ้นส่วนประ กอบรถยนต์ต่างๆ ภายใต้กลยุทธ์ Ecological Go Abroad ซึ่งถือเป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นของ Great Wall Motor ในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว และเติบโตไปพร้อมกับประเทศไทยอย่างยั่งยืนในด้านการดำเนินธุรกิจ Great Wall Motor (ประเทศไทย) ได้นำเอารูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ (New Retail Business) เข้ามาใช้ ซึ่งถือเป็นการเข้ามาปฏิวัติรูปแบบการดำเนินงานของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยภายใต้ระบบราคาเดียว หรือ One Price Policy ถือเป็นประเทศแรกในโลกของGreat Wall Motor ที่มีการใช้รูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบนี้ โดยมีการเชื่อมต่อประสบการณ์ลูกค้าผ่านพแลทฟอร์มออนไลน์ และออฟไลน์ หรือ O2O (Online to Offline) ซึ่งมี GWM แอพพลิเคชันเป็นหัวใจหลักของการดำเนินงานทั้งด้านการขาย การบริการหลังการขาย รวมถึงชุมชนของผู้ใช้ และการควบคุมสั่งงานตัวรถภายใต้ระบบเทเลมาติคผ่านโทรศัพท์มือถือ
นอกจากนี้ ด้านตัวแทนจำหน่าย เราเปลี่ยนการบริหารจัดการจากระบบดีลเลอร์เป็นระบบพาร์ทเนอร์ โดยมี Partner Store เป็นศูนย์กลางในการให้บริการแก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ การให้บริการทดลองขับ การขาย และการบริการหลังการขาย รวมถึงประสบการณ์อื่นๆ โดยระบบการบริหารงานรูปแบบใหม่นี้ จะช่วยลดข้อจำกัด และข้อกังวลต่างๆ ของทั้งลูกค้า และตัวแทนจำหน่ายเดิมๆ ให้หมดไป ภายใต้นโยบายราคาเดียว ลูกค้าไม่ต้องมีการเปรียบเทียบราคา และข้อเสนอก่อนตัดสินใจซื้อ สามารถซื้อได้จาก Partner Store ที่สะดวกเข้ารับบริการ และ Partner Store ไม่จำเป็นต้องรับภาระการบริหารจัดการสตอครถเพราะสตอครถได้รับการควบ คุมดูแลโดย Great Wall Motor สำนักงานใหญ่ และสามารถทุ่มเททรัพยากรกับการให้บริการลูกค้าเพียงอย่างเดียว
ณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ Great Wall Motor (ประเทศไทย) กล่าวว่า เรามีความยินดีที่จะต้อนรับสื่อมวล ชนทุกท่านจากประเทศจีนในการมาเยี่ยมชมกิจการของ Great Wall Motor (ประเทศไทย) ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า โดยการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา Great Wall Motor ได้เข้ามาจุดกระ แส และผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เติบโตอย่างเป็นรูปธรรม เราได้เข้ามาสร้างปรากฏ การณ์ และเรื่องราวน่าประทับใจมากมาย เราได้เข้ามาปฏิวัติแนวทางปฏิบัติของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ไทยด้วยการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ หรือ New Retail Business รวมถึงนโยบายราคาเดียว หรือ One Price Policy ตลอดจนเปิดโรงงานที่มีมาตรฐาน มีการนำเทคโนโลยีอันล้ำสมัยมากมายมาให้คนไทยได้สัมผัส ตลอดจนการมุ่งเน้นการยกระดับประสบการณ์ให้ลูกค้าโดยยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-Centric) เราจะยังคงเดินหน้าต่ออย่างไม่หยุดยั้ง
ในปีนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายใหม่ในการขึ้นสู่การเป็นหนึ่งในสามแบรนด์ผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใน 3 ปีนับจากนี้ หรือ Top 3 in 3 รวมถึงตั้งเป้าหมายการเพิ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ XEV ในประเทศไทยให้ครบทั้งสิ้น 15 รุ่น ภายในปี 2568 เรายังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความแข็งแกร่ง และมั่นคง พร้อมส่งมอบรถยนต์ที่มีคุณภาพ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และคุ้มค่าคุ้มราคาสำหรับลูกค้าชาวไทย สร้างงาน สร้างรายได้ เติบโตคู่กับประเทศไทย รวมถึงผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการผลิต และจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาค และในระดับโลก
การมาของคณะสื่อมวลชนประเทศจีนถือเป็นโอกาสอันดีที่ทาง Great Wall Motor (ประเทศไทย) ในการสะท้อนการเป็นบริษัทต้นแบบของ Great Wall Motor ทั่วโลก ควบคู่ไปกับการเน้นย้ำความเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (XEV Leader) สู่สายตาชาวโลก ในช่วยการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยเข้าสู่สังคมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานทางเลือกให้ทัดเทียมระดับสากล