ธุรกิจ
Omoda & Jaecoo สร้าง “Super AI”-เชื่อม “คนกับรถ รถกับชีวิต”
จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั่วโลกที่กำลังส่งสัญญาณเตือนว่า มนุษย์กำลังเดินหน้าเข้าสู่ “สภาวะโลกเดือด” หรือ “Global Boiling” อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งสภาพอากาศแบบรุนแรงสุดขั้ว ภัยพิบัติทางธรรมชาติ อุณหภูมิมหาสมุทรสูงเป็นประวัติการณ์ เร็วๆ นี้ Omoda & Jaecoo ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติจีน เผยแผนด้านธุรกิจ หรือ Omoda & Jaecoo Business Conference ณ เมืองอู๋หู ประเทศจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของแบรนด์ ภายใต้แนวคิด “New Energy, New Eco, New Era” ที่แลกเปลี่ยนทิศทาง และแนวโน้มการใช้พลังงานไฟฟ้า ระบบการทำงานอัจฉริยะ การผลิตคาร์บอนต่ำ และการเป็นหนึ่งเดียวกันในระดับโลก ที่จะเพิ่มโอกาสใหม่ๆ มาสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน และสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงผลงานการพัฒนา และวิสัยทัศน์สุดล้ำของ Omoda & Jaecoo (โอโมดะ & เจคู) ด้านแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG) และเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะ ที่ถือเป็นความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทั่วโลกอย่างลึกซึ้ง และตอกย้ำจุดยืนหลักของ Omoda & Jaecoo ในฐานะแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในระดับโลก
Yin Tongyue, Chairman ของ Chery Group กล่าวว่า การแข่งขันในตลาดยานยนต์จะรุนแรงขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่ง Omoda & Jaecoo และ Chery Group (เชอรี กรุพ) ไม่กลัวในเกมการแข่งขันและความท้าทายครั้งนี้ เราหวังว่าพาร์ทเนอร์ของเราจะร่วมกันเดินหน้าเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดนี้ และร่วมสร้างปรากฏการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่ยั่งยืนไปกับเรา”
“Super AI” กับนวัตกรรมอัจฉริยะขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืน
Gao Xinhua, CTO ของ Chery Group เผยว่า การปฏิบัติตามหลักการ ESG เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นเสมือนการกำหนดอนาคตจากปัจจุบัน เทคโนโลยี นวัตกรรม และความก้าวหน้า จะเป็นตัวช่วยทำให้การพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคตทั้งหมดนั้นกลายเป็นจริง การเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) จะนำพาโอกาสใหม่ๆ มาให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ ปรับเปลี่ยนปฏิสัมพันธ์ระหว่าง “ผู้คนกับรถยนต์ รถยนต์กับชีวิต” และนำพาเราไปสู่ระบบนิเวศ และโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เราได้เดินหน้าวิจัย และพัฒนายานยนต์ และเทคโนโลยีอัจฉริยะของ Omoda & Jaecoo อย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงจุดแข็งในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีของเรา
Zhang Guibing, the President of Chery International กล่าวเสริมว่า นับตั้งแต่ก่อตั้ง Omoda & Jaecoo แบรนด์มุ่งเน้นเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ และผู้หลงใหลในความทันสมัยของเทคโนโลยีอัจฉริยะ รวมถึงเพลิดเพลินไปกับความคิดสร้างสรรค์นอกกรอบ สำหรับกลุ่มผู้ขับขี่รุ่นใหม่นี้ รถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะสำหรับการเดินทาง แต่ยังเป็นเครื่องบ่งบอกรสนิยม และรูปแบบการใช้ชีวิต แบรนด์ Omoda & Jaecoo เกิดขึ้นจากความแตกต่าง แต่เราได้สร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงผู้ขับขี่เข้าไว้ด้วยกันให้เป็น “มากกว่ารถยนต์” โดยเราได้สร้าง “O-Universe” ที่เป็นจักรวาลคู่ขนานที่เชื่อมโยงระหว่างโลกเสมือนกับโลกแห่งความจริงเข้าไว้ด้วยกัน ครอบคลุมทั้งปัจจุบัน และอนาคต ตอบโจทย์ทุกจินตนาการของผู้ใช้งาน
โดยในงาน Omoda & Jaecoo ได้โชว์ “O-Universe” ที่เป็นการใช้ Super AI เชื่อมโยงโลกเสมือน และโลกความจริงเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ่ายทอดผ่านดโรน Omoda & Jaecoo ซึ่งในอนาคต ดโรนเหล่านี้จะเข้ามาใช้งานร่วมกับรถยนต์อย่างใกล้ชิด ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะที่จะสร้างประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น
นอกจากนี้ ยังมีโชว์สุนัขหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรีได้ ด้วยท่าทางที่มีชีวิตชีวา และน่ารัก ตลอดจนเต้นรำพร้อมเพรียงสม่ำเสมอ พร้อมเสียงเชียร์ต้อนรับจากแขกที่มาร่วมงานที่คับคั่ง อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ และหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ “Mornine” หุ่นยนต์ไบโอนิคเดินได้ครั้งแรกของโลก ไม่เพียงแค่แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยของ Omoda & Jaecoo แต่ยังตอกย้ำว่า “O-Universe” จะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผู้ขับขี่ที่มีความหลากหลาย และตอบสนองความต้องการแต่ละบุคคลได้ในอนาคต
ในงาน Beijing International Auto Show 2024 ที่ผ่านมา Omoda & Jaecoo ได้เปิดตัวพแลทฟอร์ม “Green OJ” ที่จะมาสนับสนุนกิจกรรมสาธารณะในระดับโลกของแบรนด์ โดยมีผู้นำระดับโลกกว่า 10 คนเป็นสักขีพยาน ด้วยจุดแข็งนวัตกรรมทางเทคโนโลยีด้านพลังงานใหม่ และข้อได้เปรียบของระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ Omoda & Jaecoo จึงมุ่งมั่นดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์เพื่อความยั่งยืนหลายประการ ทั้งการคุ้มครองพื้นที่ชุ่มน้ำ การคุ้มครองพืชพรรณ ความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดการความยั่งยืนทางทะเล
อย่างไรก็ตาม Omoda & Jaecoo มุ่งเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรสีเขียวอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และจะยังคงดำเนินการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เป็นเสมือนความรับผิดชอบของพวกเราต่อเนื่องต่อไป เพื่อช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม และเป็นกระบอกเสียงสำคัญให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลกได้ตระหนักรู้เกี่ยวกับการทำประโยชน์เพื่อสาธารณะ สร้างยุคใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ด้วยรถยนต์พลังงานใหม่ และวิถีชีวิตใหม่เพื่อพวกเราทุกคน
แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG) กับโครงการริเริ่มการปกป้องน้ำ และทะเล
สำหรับแผนการพัฒนาแบรนด์ทั่วโลกของ Omoda & Jaecoo นอกจากเราจะให้ความสำคัญกับการสร้างความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการของผู้ขับขี่ในแต่ละพื้นที่แล้ว ยังให้ความสำคัญกับข้อกำหนดด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ ESG อีกด้วย โดยแบรนด์ของเราได้เข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ด้วยสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม และแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบขององค์กรในระดับนานาชาติ มีการเปิดตัวโครงการ “Water and Marine Protection Initiative” ที่ถือเป็นคีย์สำคัญในการประชุม แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างแบรนด์กับพันธมิตรทางธุรกิจของ Omoda & Jaecoo ในการปกป้องสิ่งแวดล้อม ยกระดับความรับผิดชอบต่อสังคม และสร้างแนวคิดการปกป้องสิ่งแวดล้อมแบบใหม่อีกขั้น
Zhang Shengshan, Executive Vice President ของ Chery International เล่าถึงความสำเร็จภายใต้แนวคิดการพัฒนาองค์กรที่ยั่งยืนด้วยกรอบ ESG หรือการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมไปพร้อมๆ กัน โดย ESG เป็นแนวทางประเมินความสามารถที่ยั่งยืนทางเศรษฐกิจ และสังคมอย่างครอบคลุมที่ทั่วโลกใช้ ควบคู่ไปกับการพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
“สำหรับ Omoda & Jaecoo เราได้ประกาศยุทธศาสตร์ด้านสวัสดิการสาธารณะ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ESG ระดับโลก นอกจากเราจะร่วมยินดีกับความสำเร็จด้าน ESG ที่เราทำมาตลอดตั้งแต่อดีตแล้ว แต่เรามุ่งมั่นทำต่อไปในอนาคต เมื่อเราขยายตลาดไปสู่พื้นที่ใหม่มากมาย อาทิ ยุโรป เราก็จะยกระดับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ESG มากยิ่งขึ้น ให้มีความโดดเด่นขึ้น และครอบคลุมการพัฒนาในระบบนิเวศที่ยั่งยืนขึ้น พวกเราพร้อมร่วมมือกับพันธมิตรนานาชาติเพื่อสร้างสรรค์ชุมชนในโลกให้ดียิ่งขึ้นร่วมกัน”
Neil Bush, Chairman ของ Skytower Investment กล่าวว่า จากการศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ ESG และงาน CSR ในมุมมองของนักลงทุนจะเห็นได้ว่า องค์กรในระดับโลกจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ให้ความสำคัญ และลงมือปฏิบัติตามกรอบของ ESG ผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจ การใช้กลยุทธ์ ESG ในการพัฒนาองค์กร และจัดการทรัพยากรบุคคลเพื่อสร้างความได้เปรียบ ยกระดับคุณภาพเศรษฐกิจ และสังคมให้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงการสร้างการมีส่วนร่วมเชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Omoda & Jaecoo และพาร์ทเนอร์ ได้ดำเนินกิจกรรมด้านสวัสดิการสาธารณะที่หลากหลายทั่วโลก อาทิ การช่วยเหลือสัตว์ การสนับสนุนด้านการศึกษา การดูแลผู้สูงอายุ และกิจกรรมด้านมนุษยธรรม ตลอดจนกิจกรรมการปกป้องธรรมชาติ และระบบนิเวศ เช่น การทำความสะอาดชายหาด และการคุ้มครองและฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ โดยในเดือนเมษายนปีที่แล้ว Omoda & Jaecoo ได้เปิดตัวกองทุน International Charity Fund โดยบริษัทจะบริจาคเงิน 10 เหรียญสหรัฐฯ/รถ 1 คันที่ขายได้ ให้แก่กองทุนฯ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรมากขึ้น และในเดือนตุลาคม 2023 Omoda & Jaecoo ได้ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ International Union for Conservation of Nature (IUCN) เพื่อร่วมผลักดันความสำเร็จการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม
Charles Karangwa, Head of Nature-based Solutions Management Hub ขององค์กร IUCN เล่าว่า Omoda & Jaecoo และ IUCN ได้ร่วมกันดำเนินโครงการปกป้องชายฝั่งเพื่อปรับปรุงระบบนิเวศชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และระบบนิเวศ Blue Carbon Ecosystem (BCE) ของป่าชายเลน และหญ้าทะเลโพซิโดเนีย ในแคว้นอันดาลูเซีย (Andalusia) ประเทศสเปน
สำหรับการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ Omoda & Jaecoo ไม่เพียงนำเสนอการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ESG และกิจกรรมเพื่อสาธารณะเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และมีวิสัยทัศน์ในด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อโลกของเรา ท่ามกลางการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก เราจะมุ่งสร้างคุณค่าจากความท้าทาย และโอกาสที่มีอยู่ร่วมกัน และเมื่อมองไปในอนาคต Omoda & Jaecoo จะยังคงรักษาคอนเซพท์ “In somewhere, for somewhere” เสริมจุดแข็งการพัฒนาในระดับโลกอย่างต่อเนื่อง กระชับความร่วมมือทั้งในเชิงลึก และกว้างกับพันธมิตรหลายล้านราย นำไปสู่การสร้างสรรค์ “ผลิตภัณฑ์ใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และระบบนิเวศใหม่” เพื่อให้บรรลุผลการพัฒนาที่ยั่งยืนสูงสุดต่อไป