ศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสรุปยอดขายรถยนต์ครึ่งปี 2567 ยอดขายสะสมตลาดรวม 308,027 คัน ลดลง 24.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดขายสะสมตลาดรถยนต์นั่ง 119,326 คัน ลดลง 19.4 % ยอดขายสะสมรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 188,701 คัน ลดลง 26.9 % และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายสะสม 108,437 คัน ลดลง 40.7 %
สำหรับยอดขายประจำเดือนมิถุนายน 2567 ยอดขายตลาดรวม 47,662 คัน ลดลง 26.0 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 17,737 คัน ลดลง 27.1 % ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 29,925 คัน ลดลง 25.4 % และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายทั้งหมด 16,672 คัน ลดลง 39.0 %
ทั้งนี้ตลาดรถยนต์ครึ่งปี 2567 มียอดขาย 308,027 คัน ลดลง 24.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง มียอดขายสะสม 119,326 คัน ลดลง 19.4 % ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มียอดขายลดลง 26.9 % ด้วยยอดขาย 188,701 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 108,437 คัน ลดลงถึง 40.7 % ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 108,720 คัน คิดเป็นสัดส่วน 35.3 % ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 35.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ HEV เติบโตขึ้น 68.7 % ด้วยยอดขาย 67,346 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 36,593 คัน เติบโตขึ้น 9.4 %
ตลาดรถยนต์เดือนมิถุนายน 2567 มียอดขาย 47,662 คัน ลดลง 26.0 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง ลดลง 27.1 % ด้วยยอดขาย 17,737 คัน ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ลดลงเช่นกันที่ 25.4 % ด้วยยอดขาย 29,925 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 16,672 คัน ลดลงถึง 39.0 % ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 16,777 คัน คิดเป็นสัดส่วน 35.2 % ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 18.0 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมียอดขายรถยนต์ HEV เติบโตขึ้น 57.7 % ด้วยยอดขาย 9,886 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 6,095 คัน ลดลง 11.6 %
ตลาดรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม มีแนวโน้มจะทรงตัว หรือลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงฟื้นตัวช้า
ศุภกร รัตนวราหะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในครึ่งปีแรก Toyota มียอดขายรถยนต์รวมที่ 116,278 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดถึง 37.7 % โดยเฉพาะตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up+รถกระบะดัดแปลง PPV) มียอดขายรวมอยู่ที่ 49,689 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์เซกเมนท์นี้ถึง 45.8 % สำหรับยอดขายรถยนต์นั่งอยู่ที่ 33,264 คัน คิดเป็นส่วนแบ่ง 27.9 %
ทั้งนี้ Toyota มียอดขายรถยนต์ไฮบริดถึง 30,714 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 28.3 % ของยอดจำหน่ายรถยนต์ในกลุ่มตลาด xEV ทั้งหมด ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในรถยนต์ Toyota ของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี และผมต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านอีกครั้งสำหรับทุกความไว้วางใจที่มีให้แก่ Toyota
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2567
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 47,662 คัน ลดลง 26.0 %
อันดับที่ 1 Toyota* 18,542 คัน ลดลง 11.2 % ส่วนแบ่งตลาด 38.9 %
อันดับที่ 2 Isuzu 7,077 คัน ลดลง 43.4 % ส่วนแบ่งตลาด 14.8 %
อันดับที่ 3 Honda 6,125 คัน ลดลง 13.3 % ส่วนแบ่งตลาด 12.9 %
Lexus 64 คัน
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 17,737 คัน ลดลง 27.1 %
อันดับที่ 1 Toyota* 5,372 คัน ลดลง 27.5 % ส่วนแบ่งตลาด 30.3 %
อันดับที่ 2 Honda 3,380 คัน ลดลง 23.9 % ส่วนแบ่งตลาด 19.1 %
อันดับที่ 3 Mitsubishi 1,696 คัน เพิ่มขึ้น 25.5 % ส่วนแบ่งตลาด 9.6 %
Lexus 38 คัน (IS, ES, LM)
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 29,925 คัน ลดลง 25.4 %
อันดับที่ 1 Toyota* 13,170 คัน ลดลง 2.2 % ส่วนแบ่งตลาด 44.0 %
อันดับที่ 2 Isuzu 7,077 คัน ลดลง 43.4 % ส่วนแบ่งตลาด 23.6 %
อันดับที่ 3 Honda 2,745 คัน เพิ่มขึ้น 4.5 % ส่วนแบ่งตลาด 9.2 %
Lexus 26 คัน (UX, NX, RX, LBX, RZ)
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และรถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 16,672 คัน ลดลง 39.0 %
อันดับที่ 1 Toyota 7,939 คัน ลดลง 26.5 % ส่วนแบ่งตลาด 47.6 %
อันดับที่ 2 Isuzu 6,148 คัน ลดลง 44.6 % ส่วนแบ่งตลาด 36.9 %
อันดับที่ 3 Ford 1,637 คัน ลดลง 49.1 % ส่วนแบ่งตลาด 9.8 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 2,601 คัน
Toyota 982 คัน-Isuzu 819 คัน-Ford 569 คัน-Mitsubishi 197 คัน-Nissan 34 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 14,071 คัน ลดลง 36.4 %
อันดับที่ 1 Toyota 6,957 คัน ลดลง 24.7 % ส่วนแบ่งตลาด 49.4 %
อันดับที่ 2 Isuzu 5,329 คัน ลดลง 41.4 % ส่วนแบ่งตลาด 37.9 %
อันดับที่ 3 Ford 1,068 คัน ลดลง 47.9 % ส่วนแบ่งตลาด 7.6 %
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม-มิถุนายน 2567
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 308,027 คัน ลดลง 24.2 %
อันดับที่ 1 Toyota* 116,278 คัน ลดลง 15.0 % ส่วนแบ่งตลาด 37.7 %
อันดับที่ 2 Isuzu 46,260 คัน ลดลง 46.4 % ส่วนแบ่งตลาด 15.0 %
อันดับที่ 3 Honda 43,499 คัน ลดลง 5.7 % ส่วนแบ่งตลาด 14.1 %
Lexus 580 คัน
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 119,326 คัน ลดลง 19.4 %
อันดับที่ 1 Toyota* 33,264 คัน ลดลง 34.8 % ส่วนแบ่งตลาด 27.9 %
อันดับที่ 2 Honda 24,630 คัน ลดลง 19.0 % ส่วนแบ่งตลาด 20.6 %
อันดับที่ 3 Mitsubishi 9,887 คัน เพิ่มขึ้น 3.2 % ส่วนแบ่งตลาด 8.3 %
Lexus 369 คัน
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 188,701 คัน ลดลง 26.9 %
อันดับที่ 1 Toyota* 83,014 คัน ลดลง 3.3 % ส่วนแบ่งตลาด 44.0 %
อันดับที่ 2 Isuzu 46,260 คัน ลดลง 46.4 % ส่วนแบ่งตลาด 24.5 %
อันดับที่ 3 Honda 18,869 คัน เพิ่มขึ้น 20.1 % ส่วนแบ่งตลาด 10.0 %
Lexus 211 คัน
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และรถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 108,437 คัน ลดลง 40.7 %
อันดับที่ 1 Toyota 49,689 คัน ลดลง 29.6 % ส่วนแบ่งตลาด 45.8 %
อันดับที่ 2 Isuzu 40,593 คัน ลดลง 48.4 % ส่วนแบ่งตลาด 37.4 %
อันดับที่ 3 Ford 11,282 คัน ลดลง 43.9 % ส่วนแบ่งตลาด 10.4 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 18,856 คัน
Toyota 6,981 คัน-Isuzu 5,929 คัน-Ford 4,263 คัน-Mitsubishi 1,452 คัน-Nissan 231 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 89,581 คัน ลดลง 40.2 %
อันดับที่ 1 Toyota 42,708 คัน ลดลง 27.3 % ส่วนแบ่งตลาด 47.7 %
อันดับที่ 2 Isuzu 34,664 คัน ลดลง 48.0 % ส่วนแบ่งตลาด 38.7 %
อันดับที่ 3 Ford 7,019 คัน ลดลง 49.3 % ส่วนแบ่งตลาด 7.8 %