รถล่าสุด
Honda Civic 2024 โฉมใหม่ล่าสุด ! ราคา 1,039,000-1,239,000 บาท มาครบทั้ง e:HEV และ Turbo !
Honda Civic จัดเป็นรถยนต์ระดับ ซี-เซกเมนท์ ที่ทำตลาดมายาวนานหลายปีในประเทศไทย กับสายพันธุ์เจเนเรชันมากมายที่โลดแล่นอยู่ในวงการยานยนต์ของบ้านเรา มาถึงรุ่นล่าสุด จัดเป็นทายาทลำดับที่ 11 ของสายพันธุ์ กับรหัสรุ่น คือ FE ตัวถังซีดาน หลังจากทำตลาดมาได้สักระยะก็ได้เวลาปรับโฉมกันหลายส่วน พร้อมทางเลือกเครื่องยนต์แบบไฮบริดเป็นหลัก แต่ยังคงมีรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบเป็นอีกทางเลือก นอกจากหน้าตาแล้วจะมีจุดแตกต่างอีกมากน้อยแค่ไหนมาดูกันเลย
Honda Civic โฉมล่าสุดปี 2024
รุ่น e:HEV RS ราคา 1,239,000 บาท
รุ่น e:HEV EL+ ราคา 1,099,000 บาท
รุ่น EL+ ราคา 1,039,000 บาท
ส่วนบทสรุปสั้นๆ ของความใหม่ใน Honda Civic โฉมล่าสุดมีตามนี้
ใหม่! กระจังหน้า และกันชนหน้าดีไซจ์นสปอร์ทโฉบเฉี่ยว
ใหม่! ไฟท้าย LED รมดำ เสริมความมีเอกลักษณ์ในตัว
ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมล้อแมกขนาด 18 นิ้ว ดีไซจ์นใหม่ สไตล์สปอร์ท
ใหม่! ในรุ่น EL+ เพิ่มขนาดล้อแมกเป็น 17 นิ้ว
ใหม่! สำหรับรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ กับสีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิค)
ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมเบาะที่นั่งลายใหม่ Prime smooth ด้วยวัสดุเบาะหนังกลับ และหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ตกแต่งแผงคอนโซลหน้าและ แผงประตูด้านข้างสีแดงสไตล์สปอร์ท ส่วนรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ มาพร้อมวัสดุเบาะหนังแท้ และหนังสังเคราะห์สีดำ
ใหม่! ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง ในทุกรุ่นย่อย
ใหม่! เบาะที่นั่งด้านหลัง แยกพับแบบ 60:40 ในทุกรุ่นย่อย
ใหม่! เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)
ใหม่! โหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ที่เพิ่มเติมมาในรุ่น e:HEV พร้อมเชื่อมต่อผู้ขับขี่ และรถให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยฟังค์ชัน และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย
ใหม่! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
ใหม่! Google built-in แอพส์ และบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ในทุกรุ่นย่อย
ใหม่! ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ช่อง โดยแบ่งเป็น 2 ช่องด้านหน้า และ 2 ช่องด้านหลัง ในทุกรุ่นย่อย
Honda Civic e:HEV RS ตัวทอพ !
เราเริ่มด้วยรุ่นทอพอย่าง Honda Civic e:HEV RS (ฮอนดา ซีวิค อี:เอชอีวี อาร์เอส) แน่นอนว่า การเป็นรุ่นทอพรหัส RS ย่อมมาพร้อมกับความคมเข้มของตัวถังแบบจัดเต็ม จุดเปลี่ยนแปลงแรกที่เราเห็น คือ รูปทรงของกระจังหน้าที่หันมาใช้ตะแกรงแบบรังผึ้ง (เดิมจะเป็นทรงแถบในแนวขวาง) สีดำแวววาว พร้อมโลโก RS สีแดงสด นอกจากนี้รูปทรงของกันชนหน้าก็เน้นสันเหลี่ยมมากกว่าเดิม เห็นจากส่วนมุมของกันชนหน้าถูกเสริมด้วยสันเหลี่ยมในแนวตั้ง ดูดุดันใกล้คล้ายกับรหัสตัวแรงอย่าง Honda Civic Type-R (ฮอนดา ซีวิค ไทพ์-อาร์) แม้สิ่งที่ต้องแลกมา คือ การขาดหายไปของชุดไฟตัดหมอก ซึ่งจากการสอบทางค่ายรถ ได้รับคำอธิบายว่า ไฟหน้าแบบ LED ของ Civic โฉมล่าสุด มีการส่องสว่างที่ครอบคลุมดีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้ไฟตัดหมอกอีกต่อไป
มาดูตัวถังส่วนถัดมา กับอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลง นั่นคือ ล้อแมกขนาด 18 นิ้วลายใหม่ เน้นโทนสีดำ (แต่ไม่ถึงกับดำสนิทเหมือนล้อแมกของ Civic RS เครื่องยนต์เทอร์โบของรุ่นก่อนปรับโฉม) เรามีความคิดว่าดูสปอร์ท และดุดันกว่ามากเมื่อเทียบกับลายของล้อแมกจาก Civic e:HEV RS รุ่นก่อนปรับโฉม (จะเป็นแบบทูโทนสีเงิน และสีดำ) ส่วนยางยังคงเป็นของ Michelin Pilot Sport 4 ขนาด 235/40 R18 การเน้นโทนสีดำของรุ่น RS ยังคงเห็นได้จากส่วนอื่นๆ เช่น กระจกมองข้าง มือเปิดประตูด้านนอก บริเวณขอบของกระจกประตู เสาอากาศแบบครีบฉลาม และหนึ่งในออพชันเฉพาะรุ่น RS นั่นคือ สปอยเลอร์หลัง เรายังสังเกตเพิ่มเติมว่าชุดไฟท้ายก็เป็นแบบรมดำเช่นกัน (แต่เอาเข้าจริง คือ อุปกรณ์ที่ติดตั้งทุกรุ่นย่อย) โดยรวมแล้ว เรามีความรู้สึกว่า Honda Civic e:HEV RS โฉมล่าสุด มีมาดเข้มกว่าเดิม แม้จะใช้เครื่องยนต์แบบไฮบริด แต่ทาง Honda กล้าที่จะเพิ่มความสปอร์ทให้กับซีดานขุมพลังไฮบริดรุ่นนี้แล้ว (แม้จะเป็นรุ่นทอพก็ตาม)
หันมาดูขุมพลังไฮบริด 203 แรงม้า
หลังจากดูรูปทรงภายนอกมาดสปอร์ทของรุ่นทอพ e:HEV RS เราหันมาดูขุมพลังของ Civic โฉมใหม่ล่าสุดกันบ้าง ยังคงเป็นบลอคเดิม นั่นคือ เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 104 กิโลวัตต์/141 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. ส่งกำลังร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รตน. กับแรงบิดสูงสุดถึง 315 นิวทันเมตร/32.1 กก.-ม. ที่ 0-2,000 รตน. เรียกได้ว่ามอเตอร์ไฟฟ้ามีพละกำลัง และแรงบิดสูงสุดไม่น้อยหน้ารถยนต์ไฟฟ้า EV เต็มตัวเลยทีเดียว ผลลัพธ์ คือ กำลังสูงสุดทั้งระบบที่ 203 แรงม้า (เมื่อเทียบกับรถยนต์ร่วมค่ายที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดบลอคเดียวกัน แต่มีการปรับแต่งพละกำลังใหแตกต่างเล็กน้อย โดย Honda Accord e:HEV และ Honda CR-V จะมีกำลังสูงสุดทั้งระบบที่ 207 แรงม้า) นอกจากจุดเด่นในเรื่องพละกำลังแล้ว อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย (จาก Eco Sticker) คือ 25.0 กม./ลิตร นับว่าน่าพอใจไม่น้อย สำหรับเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังระดับนี้ แต่การขับขี่บนถนนจริง สมรรถนะ และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะยังทำได้น่าพอใจตามตัวเลขที่ระบุเอาไว้หรือไม่ เราจะได้ไปลองกันกับการ “ทดลองขับ” หลังจากนี้ รอติดตามชมกันได้
ห้องโดยสารโทนแดงๆ มี Google ในตัว
ห้องโดยสารของ Honda Civic e:HEV RS โฉมใหม่ล่าสุด ดูด้วยสายตาในช่วงแรก เหมือนไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่สังเกตดีๆ แล้วจะพบกับจุดที่มีการปรับปรุงหลายส่วนเช่นกัน เบาะนั่งทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ใช้วัสดุหุ้มหนังแท้ แต่มีการผสมวัสดุหนังกลับเข้ามาด้วย (เป็นครั้งแรกของ Civic รุ่นนี้) ให้ความหรูหราขึ้นมาอีกหน่อย แถมลวดลายของเบาะก็แตกต่างจากรุ่นก่อนปรับโฉมเล็กน้อยอีกด้วย รุ่น RS ยังคงเย็บด้ายตัวเบาะเป็นสีแดงสด แต่สังเกตบริเวณวัสดุตะแกรงสำหรับช่องแอร์จะใช้สีแดงเลื่อม ให้ความรู้สึกที่ดูสวยงามไปอีกแบบ นอกจากนี้จอแผงหน้าปัดยังเป็นแบบดิจิทอลเต็มตัว มีขนาด 10.2 นิ้ว แสดงผลร่วมกับจอแสดงผลหลักขนาด 9 นิ้ว การใช้งานที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามา คือ โหมดการขับขี่ (Drive Mode) เพิ่มแบบ Individual เป็นครั้งแรก จากเดิมที่มีโหมด Econ Normal และ Sport ผู้ขับสามารถปรับแต่งการตอบสนองของตัวได้ตามใจชอบมากยิ่งขึ้น ที่น่าสนใจ คือ การเพิ่มระบบ Google Assistance ติดตั้งในตัวรถเลย (ก่อนหน้านี้มีใช้งานกับซีดานรุ่นพี่อย่าง Honda Accord e:HEV) สามารถใช้งานระบบต่างๆ ของ Google จากตัวรถ ไม่ต้องเชื่อมต่อกับมือถือเสมอไป แต่กลับไม่มีซิมคาร์ดฝังมากับชุดฟรอนท์ของตัวรถ (หากต้องการต้องจ่ายเงินเพิ่มกับทางค่ายรถ) และเครื่องเสียงของรุ่น RS เป็นของ Bose พร้อมลำโพงถึง 12 ตำแหน่ง มี Subwoofer มาด้วย ขณะที่การใช้งาน มีทั้งช่องแอร์ด้านหลัง และเบาะหลังพับเก็บได้แบบแยก 60:40 (มีมาให้ในรุ่น e:HEV RS ของรุ่นก่อนปรับโฉม)
มาดูรุ่นรองทอพ e:HEV EL+
ถัดจากรุ่นทอพของ Honda Civic e:HEV RS กับรุ่นรองทอพ นั่นคือ e:HEV EL+ เครื่องยนต์ไฮบริดไม่มีความแตกต่างกัน เราจึงไม่ต้องลงลึกในส่วนนี้ แต่เน้นไปที่ความแตกต่างของรูปทรงภายนอก ภายใน รวมถึงออพชันบางรายการ เริ่มจากรูปทรงภายนอก รุ่น e:HEV EL+ จะมีความเรียบง่ายมากกว่า วัสดุตกแต่งตัวถังเป็นแบบโครเมียมในหลายจุด เช่น ขอบกระจกหน้าต่าง ส่วนล้อแมกจะมีขนาด 17 นิ้ว (ยางของ Yokohama Advan Decibel ขนาด 215/50 R17) อย่างไรก็ตาม กันชนหน้าจะเป็นตะแกรงรังผึ้งสีดำ แต่ไม่ใช่แบบแวววาวเหมือนรุ่น RS พร้อมสันเหลี่ยมของกันชนหน้าแบบใหม่ ยังคงมีมาให้ รวมถึงชุดไฟท้ายแบบรมดำ โดยรวมรูปทรงยังได้ความสปอร์ทมากขึ้น แต่ผสมผสานความเรียบหรูในตัว
ขณะที่ห้องโดยสารมีความใกล้เคียงกัน แต่จอแผงหน้าปัดจะเป็นแบบดิจิทอลแค่ฝั่งซ้ายมือเท่านั้น เบาะนั่งทุกตำแหน่งจะเป็นหนังแท้ ผสมหนังสังเคราะห์ (แน่นอนว่า ไม่มการเย็บด้ายสีแดงแบบเฉพาะรุ่น RS) โหมดการขับขี่แบบ Individual ก็มีเพิ่มมาให้ รวมถึงระบบ Google Assistance มีติดตั้งมาให้เช่นกัน จุดน่าสนใจ คือ เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 มีในรุ่นรองทอพแล้ว รวมถึงช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ออพชันการใช้งานโดยรวมถือว่ามีความครบครันมากกว่าเดิม ในแง่ของการเป็นรุ่นรองทอพ e:HEV EL+ เช่นนี้
รุ่นพื้นฐาน EL+ ยังสำราญกับเทอร์โบ 178 แรงม้า
มาถึงรุ่นพื้นฐาน EL+ ขุมพลังจะเป็นแบบเบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 178 แรงม้า มีใช้งานกันมาตั้งแต่รุ่นก่อนหน้านี้ (รหัส FC และ FK) รูปทรงภายนอกจะใกล้เคียงกับรุ่น e:HEV EL+ แต่ไฟหน้าของรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบจะเป็นแบบ Projector (รุ่นรองทอพเป็นแบบ LED) ล้อแมกมีขนาด 17 นิ้ว ส่วนภายในก็ไม่ต่างกันมาก ยกเว้นเพียงรูปแบบการแสดงผลจะไม่มีสำหรับระบบไฮบริด รวมถึง Drive Mode จะไม่มีแบบ Individual ส่วนระบบใช้งานมีระบบ Google Assistance มาให้ในตัว โดยรวมแล้วแม้เป็นรุ่นพื้นฐาน แต่สำหรับคนที่ยังชื่นชอบซุ่มเสียงของเครื่องยนต์เทอร์โบ และความเร้าใจแบบดั้งเดิม (หรือจะมองถึงการปรับแต่งสมรรถนะเพิ่มเติมก็ทำได้ไม่ยาก) นอกจากนี้ออพชันของระบบความปลอดภัย และการใช้งานหลายส่วนมีติดตั้งทุกรุ่นย่อย ทำให้รุ่นย่อยหนึ่งเดียวกับขุมพลังเทอร์โบยังคงมีความน่าสนใจอยู่
สรุปเบื้องต้น: โฉมใหม่ล่าสุด ยังทำให้ Honda Civic น่าสนใจ
แม้ Honda Civic จะทำตลาดมายาวนานหลายปี แต่ ณ เวลาปัจจุบันกระแสยานยนต์มีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย การนำเสนอเครื่องไฮบริดรหัส e:HEV เป็นทางเลือกหลักดูจะเป็นการมาถูกทางของค่ายสัญชาติญี่ปุ่นที่ยังไม่พร้อมจะหันเหสู่รถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว (Honda e:N1 ก็ทำตลาดสำหรับการเช่าใช้งานเท่านั้น) ถือเป็นการเสริมทัพ e:HEV กับบรรดาพี่ๆ น้องๆ ร่วมค่าย ทั้ง CR-V , Accord และ City (ทั้ง 2 ตัวถัง ซีดาน และแฮทช์แบค) ประสิทธิภาพของระบบไฮบริดที่มีทั้งพละกำลังโดยรวม และการประหยัดเชื้อเพลิงที่น่าพอใจมาก ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ยังต้องใช้งานรถยนต์ขุมพลังสันดาป กับความสะดวกสบาย และความคุ้มเคยด้านการงานโดยรวม พร้อมออพชันที่ทันสมัยกว่าเดิมตามวิถีชีวิตแบบออนไลน์เสมอในยุคปัจจุบัน เท่านี้ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่มากพอ สำหรับการก้าวต่อไปของ Honda Civic ที่มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ และพร้อมเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของรถยนต์กลุ่ม ซี-เซกเมนท์ ไปอีกนาน !
นอกจากนี้ผู้ที่สนใจ สามารถจองสิทธิ์การจอง Honda Civic โฉมล่าสุด ได้ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 1 - 22 สค. นี้ ! โดยมีของสมนาคุณ คือ บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท (และเป็นลูกค้าที่รับรถ ตั้งแต่วันที่ 23 สค. - 31 ตค. 2567)