บทความ
รถยนต์ไฮบริดยอดนิยม 2024-2025 ราคาไม่เกิน 1 ล้าน !
รวมรถยนต์ไฮบริดยอดนิยมในปี 2024-2025 ที่ให้ทั้งความประหยัด และสมรรถนะที่ดีเยี่ยม ในราคาเอื้อมถึง สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ที่ช่วยประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เราคัดสรรมาแล้วในงบไม่เกิน 1 ล้านบาท !
Nissan Kick e-POWER 2024 (ราคา 779,900 - 979,900 บาท)
Nissan Kicks e-POWER รถยนต์ครอสส์โอเวอร์เอสยูวีขนาดเล็ก มาพร้อมเทคโนโลยี อี-เพาเวอร์ เจเนอเรชัน 2 ที่ผู้ขับจะได้สัมผัสเทคโนโลยีการขับขี่ที่สนุกสนาน เหมือนขับรถยนต์ไฟฟ้า 100%
เครื่องยนต์สันดาปภายในของระบบ e-POWER ได้ถูกกำหนดให้มีการทำงานในรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมที่สุดในการผลิตกระแสไฟฟ้า ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างดียิ่งขึ้น โดยยังคงใช้เครื่องยนต์ HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบแถวเรียง DOHC 12 วาล์ว ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ต่อพ่วงไปยังส่วนประกอบของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่สำคัญๆ อาทิ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ที่ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาด 2.06 kWh มีจำนวน 4 โมดูล 96 เซลล์ ช่วงให้เร่งความเร็วได้ราบรื่น ให้ความเงียบ และการประหยัดน้ำมันที่มีประสิทธิภาพ ด้วยอัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ยถึง 23.8 กม./ลิตร (ตัวเลขการขับขี่ในเมือง 26.3 กม./ลิตร)
Toyota Yaris Cross 2024 (ราคา 789,000 - 899,000 บาท)
เส้นสายของ Toyota Yaris Cross 2024 มาในสไตล์ครอสส์โอเวอร์สมัยใหม่ นั่นคือ การเน้นสันเหลี่ยมรอบคัน แต่ผสมผสานความปราดเปรียว รุ่นทอพ HEV Premium Luxury ติดตั้งล้อแมกขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารมีความกว้างขวางที่ทำได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะเบาะแถวที่ 2 นั่งสบาย ระยะช่วงขามีเพียงพอ และระยะเหนือศีรษะเหลือเฟือตามรูปทรงของตัวรถ ทัศนวิสัยของผู้ขับมีความปลอดโปร่ง มองเห็นโดยรอบผู้ขับได้ดี จอแสดงผลหลักขนาด 10.1 นิ้ว แผงหน้าปัดเป็นจอแบบดิจิทอลขนาด 7 นิ้ว
ขุมพลังของ Toyota Yaris Cross คือ ระบบไฮบริดที่ประกอบด้วย เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร (รหัส 2NR-VEX) กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 5,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 12.3 กก.-ม. ที่ 4,000-4,800 รตน. ส่งกำลังร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 80 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 14.4 กก.-ม. คิดเป็นกำลังสูงสุดทั้งระบบที่ 111 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย (จาก Eco Sticker คือ 26.3 กม./ลิตร)
Honda City e:HEV 2024 (ราคา 729,000 - 799,000 บาท)
Honda City e:HEV 2024 ตัวถังซีดาน มาพร้อมขุมพลังไฮบริด e:HEV เครื่องยนต์รหัส LEB-MMD เบนซิน 4 สูบ Atkinson Cycle DOHC i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร (1,498 ซีซี) กระบอกสูบxช่วงชัก: 73.0x89.5 มม. พละกำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,600-6,400 รตน. แรงบิดสูงสุด 13.0 กก.-ม. หรือ 127 นิวตันเมตร ที่ 4,500-5,000 รตน. รองรับน้ำมันสูงสุด E20 ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว แบทเตอรี Lithium-ion พละกำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 3,500-8,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 25.8 กก.-ม. หรือ 253 นิวตันเมตร ที่ 0-3,000 รตน. ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ให้อัตราการประหยัดน้ำมันถึง 27.8 กม./ลิตร
Honda City e:HEV Hatchback 2024 (ราคา 729,000 - 799,000 บาท)
จุดเด่นของรุ่นตัวถัง Hatchback คือ พื้นที่ใช้สอยที่มากกว่ารุ่นซีดานอย่างชัดเจน จากการติดตั้งเบาะหลังที่พับได้หลากหลายรูปแบบ มีชื่อเรียกว่า Ultra Seat สามารถพับเบาะรองนั่งขึ้นมาเพื่อบรรทุกของทรงสูง หรือพับพนักพิงหลังลงมาเพื่อบรรทุกของทรงยาว หรือแม้แต่การเอนเบาะหน้าลงมาให้บรรจบกับเบาะหลังพอดี (โดยการถอดพนักพิงศีรษะออก) จะได้ที่นั่งทรงยาว เหยียดขาได้สบาย แน่นอนว่าเป็นอรรถประโยชน์ที่ดีกว่ารุ่นตัวซีดาน และยังรวมถึงบรรดาคู่แข่งระดับเดียวกันด้วย (ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน หรือแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้า)
Honda City e:HEV Hatchback 2024 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ขับเคลื่อนร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 109 แรงม้า มีจุดเด่นที่แรงบิดสูง มีตัวเลขสูงสุดที่ 25.8 กก.-ม. (มากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวบางรุ่นด้วยซ้ำ !) การทำงานของระบบ e:HEV ในเบื้องต้น คือ การขับเคลื่อนส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนเครื่องยนต์สันดาปมีหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้าป้อนให้แก่ระบบ การกดคันเร่งขณะออกตัว รวมถึงการเร่งแซงที่เป็นอัตราเร่งยืดหยุ่น มีการตอบสนองที่ทันใจ ไม่หวือหวา แต่เน้นการส่งกำลังที่ต่อเนื่อง ให้ความรู้สึกใกล้เคียงรถยนต์ไฟฟ้าจริงๆ (หากระบบแบทเตอรีมากพอสามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนได้ที่ความเร็วต่ำ แม้เป็นระยะทางสั้นๆ)
Honda HR-V e:HEV E 2024-2025 (ราคา 899,000 บาท)
Honda HR-V e:HEV E 2024-2025 มาพร้อมกับกระจังหน้าใหม่ สีเดียวกับตัวรถ ทั้งรุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV E ภายในออกแบบคอนโซลกลางใหม่ แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนทั้งส่วนบนและส่วนล่าง โดยมีช่องเก็บของพร้อมถาดอเนกประสงค์ มอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นในการใช้งาน ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ในระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit - IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรีลิเธียม-ไอออน ซึ่งมีน้ำหนักเบา และขนาดกะทัดรัด สามารถเก็บประจุไฟ และช่วยให้การชาร์จไฟเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบทเตอรีโดยอัตโนมัติในขณะขับขี่ มอบการตอบสนองทันใจตั้งแต่ออกตัวกับกำลังสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 131 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 253 นิวทันเมตร/25.8 กก.-ม. ที่ 0-3,500 รตน. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 25.6 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยไอเสียเฉลี่ยเพียง 94 กรัม/กม. สามารถไปได้ไกลกว่า 800 กม. ด้วยน้ำมันเพียง 1 ถัง
* หมายเหตุ: ตัวเลขระยะทางที่แสดงข้างต้น อ้างอิงและไม่เกินจากการคำนวณตาม Eco Sticker (ขึ้นอยู่กับสภาพถนน และพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล) อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
Haval Jolion HEV 2024 (ราคา 799,000 - 999,000 บาท)
Haval Jolion HEV 2024 ภายในประกอบด้วยจอแสดงผลหลักขนาด 10.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple Car Play (ผ่านสายเคเบิล) แผงหน้าปัดเป็นแบบิจิทอล ตรงกลางเป็นจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยหุ้มหนังเย็บด้ายสีเทา พร้อมปุ่มมัลทิฟังค์ชัน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ การเปลี่ยนเกียร์แทนที่คันเกียร์ดั้งเดิมด้วยแป้นหมุน ติดตั้งช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เบาะหลังพับแยกได้แบบ 60:40 (ไม่มีที่พักแขนตรงกลาง)
ด้านขุมพลัง Haval Jolion HEV 2024 ใช้ขุมพลังไฮบริด ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ส่งกำลังร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 38.3 กก.-ม. เกียร์อัตโนมัติแบบ DHT เป็นระบบไฮบริดที่เน้นสมรรถนะ (มากกว่าการประหยัดเชื้อเพลิง) พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ได้แก่ Normal , Sport , Eco และ Snow (สำหรับพื้นถนนลื่น) ระบบที่น่าสนใจ คือ ระบบ Intelligent Single Pedal ตัวรถจะชะลอความเร็วลงมาอย่างชัดเจน เมื่อผู้ขับยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง เพื่อใช้แรงหน่วงกลับคืนเป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับระบบไฮบริด เป็นระบบที่คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า
MG3 Hybrid+ 2024-2025 (ราคา 579,900 - 619,900 บาท)
MG3 Hybrid+ 2024-2025 รถแฮทช์แบคไฮบริดทรงกระทัดรัด กระจังหน้าคล้าย MG5 เป็นเอกลักษณ์ของ MG และเพิ่มความดุดันด้วยไฟหน้าแบบใหม่ Hunter Eye Headlamp หรือดวงตานักล่า ที่ดูโฉบเฉี่ยวไม่แพ้คู่แข่งอย่าง Mazda2 ด้านหลังแนว Hot Hatch ดูร้อนแรง ไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากปีกผีเสื้อ ลงตัวกับเส้นสาย และความโค้งมนบนตัวรถ
ภายในห้องโดยสารเพิ่มความหรูหราด้วยการตกแต่งแบบทูโทนขาวสลับดำ ในรุ่น X พร้อมแท่นชาร์จแบบไร้สาย ภายในสีดำเดินด้ายสีส้ม ในรุ่น D เน้นความสปอร์ท ห้องโดยสารด้านหลังมีพื้นที่เหนือศีรษะ (Head room) และพื้นที่วางขา (Leg room) ที่ไม่อึดอัด MG3 Hybrid+ ถือเป็นรถที่กว้างที่สุดในคลาสส์เดียวกัน โดยเฉพาะห้องสัมภาระท้ายจุได้มากถึง 293 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,037 ลิตร
Hybrid+ ของ MG3 เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว DVVT กำลัง 102 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ High-performance Permanent Magnet Synchronous Motors กำลัง 136 แรงม้า ให้ขุมพลังรวมสูงสุดถึง 194 แรงม้า/143 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 250 นิวทันเมตร/25.5 กก.ม. ระบบส่งกำลัง Hybrid Transmission ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ไฟฟ้าแบบ E-AT 3 อัตราทดเกียร์ ปรับการทำงานแบบอัตโนมัติ โหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Normal, Sport
Mitsubishi Xpander HEV 2024 (ราคา 933,000 บาท)
Mitsubishi Xpander HEV 2024 ภายนอกตัวรถโดดเด่นด้วยโลโก HEV ที่กระจังหน้า และฝาประตูท้าย พร้อมด้วยโลโก Hybrid EV ที่ประตูหน้า และการตกแต่งด้วยเส้นสายสีน้ำเงินที่กันชนหน้า กราบข้างประตู กันชนหลัง และล้ออัลลอยแบบทูโทนทั้ง 4 ล้อ สีตัวถังมีให้เลือกหลากหลาย มาพร้อมสีใหม่ล่าสุดที่เพิ่มจากรุ่นก่อน คือ สีขาว White Diamond ภายในห้องโดยสาร โดดเด่นสะดุดตาด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว เบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง 2+3+2
Mitsubishi Xpander HEV 2024 วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC DOHC 16 วาล์ว 1.6 ลิตร ให้กำลัง 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 14.0 กก.-ม. (134 นิวตันเมตร) พร้อมระบบวาล์วแปรผันด้านไอดี ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 22.9 กก.-ม. (255 นิวตันเมตร) ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติชุดใหม่ เป็นเกียร์สำหรับรถ EV
Suzuki Ertiga Smart Hybrid 2024 (ราคา 699,000 - 765,000 บาท)
Suzuki Ertiga Smart Hybrid มีการปรับโฉมเล็กน้อย โดยมีจุดเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือ กระจังหน้าที่ใช้ลวดลายแบบใหม่ และส่วนท้ายรถจะเพิ่มขอบโครเมียมพาดยาว บริเวณเหนือโลโกของค่ายรถ และตราสัญลักษณ์บ่งบอกว่า นี่คือ รุ่น Hybrid ซึ่งจะเป็นขุมพลังที่ใช้กับ Ertiga ทุกรุ่นนับจากนี้ไป ส่วนล้อแมกยังคงใช้ขนาด 15 นิ้วเหมือนเดิม
ภายในห้องโดยสารมีการใช้เบาะผ้าทั้ง 7 ตำแหน่ง แต่เปลี่ยนลวดลายแบบทูโทนใหม่ เพิ่มการตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้โทนสีดำ แท่นชาร์จแบทเตอรีมือถือแบบไร้สาย (เดิมมีติดตั้งใน XL7 เท่านั้น) ขณะที่ความอเนกประสงค์ยังคงจัดเต็ม และหลากหลาย เนื่องจากแบทเตอรีมีขนาดเล็ก ติดตั้งข้างใต้เบาะด้านข้างผู้ขับ ไม่กินเนื้อที่ของการโดยสาร และการขนสัมภาระแต่อย่างใด การพับเบาะสามารถทำได้เหมือนรุ่นปกติ
Suzuki Ertiga Smart Hybrid มีระบบไฮบริดขนาดเล็กที่ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 14.1 กก.-ม. ที่ 4,400 รตน. เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ (เหมือนกับรุ่นปกติทุกประการ) มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังสูงสุดที่ 3.1 แรงม้า (2.3 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 5.1 กก.-ม. กับแบทเตอรีแบบลิเธียม-ไอออน ขนาดกะทัดรัด (ความจุ 6 แอมพ์ชั่วโมง 12 โวลท์) Ertiga Hybrid มีการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย (ตามข้อมูลของอีโคสติคเกอร์) ที่ 17.9 กม./ลิตร ประหยัดกว่า Ertiga รุ่นเดิม (มีตัวเลขที่ 15.9 กม./ลิตร) รุ่นปกติถึง 13 % จากการจำแนกสภาวะการขับขี่ ในตัวเมือง รุ่น Hybrid ทำได้ที่ 15.9 กม./ลิตร ส่วนรุ่นปกติ คือ 12.7 กม./ลิตร (รุ่น Hybrid ประหยัดกว่าถึง 25 %) ส่วนการขับขี่นอกเมือง หรือทางไกล รุ่น Hybrid คือ 19.2 กม./ลิตร และรุ่นปกติ คือ 18.5 กม./ลิตร (รุ่น Hybrid ประหยัดกว่าที่ 4 %)
Suzuki XL7 Hybrid 2024 (ราคา 799,000 บาท)
ภายในห้องโดยสารของ Suzuki XL7 Hybrid มาพร้อมเบาะนั่งหุ้มผ้าตกแต่งด้วยหนัง แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ช่องวางเครื่องดื่มมากถึง 8 ตำแหน่ง โดยเบาะนั่งแถว 2 สามารถแยกพับอิสระแบบ 60:40 เลื่อนเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารได้กว้างขวาง ส่วนเบาะนั่งแถว 3 แยกพับอิสระแบบ 50:50 ซึ่งเมื่อพับเบาะแถว 2 และ 3 ราบกับพื้นห้องโดยสาร จะเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย จาก 550 ลิตร เป็น 803 ลิตร ขนสัมภาระตามไลฟ์สไตล์ได้อย่างเต็มที่
ประหยัดน้ำมันด้วยเทคโนโลยี Hybrid เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร พละกำลัง 105 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รตน. ทำงานร่วมกับ Integrated Starter Generator (ISG) Hybrid และแบทเตอรี Lithium-ion 10Ah 12V จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า
ระบบ Hybrid ของ Suzuki Motor ISG (Integrated Starter Generator) ถูกออกแบบมาให้เสริมแรงบิดสูงถึง 50 นิวตันเมตร หรือกว่า 36 % ของแรงบิดเครื่องยนต์ โดยจะเข้ามาช่วยเสริมพละกำลังในช่วงของการออกตัวและเร่งแซง ช่วยให้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังช่วยเสริมให้ระบบ Idling Stop ทำงานได้ดียิ่งขึ้น จึงกลายเป็นรถยนต์เอนกประสงค์ที่มีอัตราการประ หยัดน้ำมันถึง 19.2 กม/ลิตร (ตามมาตรฐาน Eco Sticker)