รายละเอียดเพิ่มเติมของ MG3 Hybrid+ >> https://www.autoinfo.co.th/online/564793
หลังจากเปิดตัวมาแล้วกับ MG3 Hybrid+ กับสนนราคาที่ 579,900-619,900 บาท (และตั้งราคาพิเศษสำหรับ 1,000 คันแรกที่ 559,900-599,900 บาท !) กับวางตำแหน่งแฮทช์แบคระดับ B-Segment ที่มีความโดดเด่นด้านราคา และออพชันที่จัดเต็มเกินตัว แฮทช์แบคไอบริดจาก MG คันนี้จะมีความคุ้มค่าแค่ไหน เรามาเทียบคร่าวๆ กับรถยต์ระดับเดียวกันในหลายแง่มุม (บทความนี้ไม่รวมรถยนต์ในกลุ่ม Eco Car รวมถึงครอสส์โอเวอร์)
1. B-Segment สไตล์แฮทช์แบค ราคา 5-6 แสนบาท
การเปรียบเทียบประเด็นแรก เราใช้ราคาเป็นตัวตั้ง กับช่วงราคาที่ 5-6 แสนบาท ทาง MG3 Hybrid+ มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด กำลังสูงสุดทั้งระบบ 194 แรงม้า และออพชันระบบความปลอดภัยครบครัน (ในรุ่นทอพ X) ราคา 579,900-619,900 บาท คู่แข่งในระดับราคาดังกล่าว คือ Honda City Hatchback โฉมล่าสุด เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ราคา 599,000-749,000 บาท มาพร้อมระบบ Honda Sensing ที่รวมระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น
จุดได้เปรียบของ MG3 Hybrid+
- ราคาโดยรวมย่อมเยากว่า
- พละกำลังมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
- ระบบความปลอดภัย (ในรุ่นทอพ X) บางรายการมีมากกว่า เช่น กล้องมองภาพรอบคัน และระบบเตือนจุดอับสายตา
- ประหยัดเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยดีกว่าที่ 26.2 กม./ลิตร (City Hatchback คือ 23.3 กม./ลิตร)
จุดสังเกตของ MG3 Hybrid+
- ระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ทันสมัย มีในรุ่นทอพ X เท่านั้น
- มิติตัวถังมีขนาดเล็กกว่า Honda City Hatchback (ยกเว้นความกว้าง)
- ความอเนกประสงค์ของการใช้งานเบาะด้านหลัง City Hatchback ยังได้เปรียบกว่า (รูปแบบการพับเบาะมีความหลากหลาย)
- จำนวนศูนย์บริการโดยรวมทาง Honda ยังแพร่หลายกว่า
2. B-Segment สไตล์แฮทช์แบค และใช้เครื่องยนต์ไฮบริด
ประเด็นถัดมา คือ การพิจารณาในแง่ของการใช้เครื่องยนต์ไฮบริด และอยู่ในกลุ่มของ B-Segment ทาง MG3 Hybrid+ คือ ระบบไฮบริดที่ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 102 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 136 แรงม้า (กำลังสูงสุดทั้งระบบที่ 194 แรงม้า) แรงบิดสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้า คือ 25.5 กก.-ม. ส่วนคู่แข่งในแง่นี้ ยังคงเป็น Honda City Hatchback e:HEV ขุมพลังไฮบริด คือ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 98 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 109 แรงม้า (กำลังสูงสุดทั้งระบบไม่ได้ระบุชัดเจน แต่อยู่ที่ประมาณ 122-123 แรงม้า) แรงบิดสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้า คือ 25.8 กก.-ม. มาพร้อม Honda Sensing ทุกรุ่นย่อย ราคา 729,000-799,000 บาท
ในแง่ของพละกำลังจากระบบไฮบริด ทาง MG3 Hybrid+ มีความได้เปรียบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กับตัวเลขทั้งระบบที่ 194 แรงม้า อย่างไรก็ตามทาง Honda City Hatchback e:HEV ยังมีจุดได้เปรียบที่แรงบิดสูงสุดมากกว่าเล็กน้อย และการประหยัดเชื้อเพลิงเฉลี่ยถึง 27.8 กม./ลิตร และมีระบบ Honda Sensing มาเต็มที่ (ทุกรุ่นย่อย)
จุดได้เปรียบของ MG3 Hybrid+
- ระบบไฮบริดที่มีพละกำลังมากกว่า
- การขับเคลื่อนหลักเป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้าตลอดเวลา (ระบบ e:HEV จะใช้เครื่องยนต์เบนซินขับเคลื่อน เมื่อใช้ความเร็วสูงคงที่)
- ระบบไฮบริดที่มีราคาย่อมเยากว่า นั่นคือ 579,900-619,900 บาท และ 729,000-799,000 บาท
จุดสังเกตของ MG3 Hybrid+
- การประหยัดเชื้อเพลิงยังด้อยกว่า Honda City Hatchback e:HEV
- มิติตัวถังมีขนาดเล็กกว่า Honda City Hatchback e:HEV (ยกเว้นความกว้าง)
- ความอเนกประสงค์ของการใช้งานเบาะด้านหลัง City Hatchback e:HEV ยังได้เปรียบกว่า (รูปแบบการพับเบาะมีความหลากหลาย)
- ระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ของ MG3 Hybrid+ มีเฉพาะรุ่นทอพ
- จำนวนศูนย์บริการโดยรวมทาง Honda ยังแพร่หลายกว่า
3. B-Segment สไตล์แฮทช์แบค และใช้เครื่องยนต์ BEV (รถยนต์ไฟฟ้า)
ในปัจจุบัน รถยนต์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือ รถยนต์ไฟฟ้าระดับ B-Segment และตัวถังแฮทช์แบค หนึ่งในนั้น คือ BYD Dolphin มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 95-204 แรงม้า (ตามแต่รุ่นย่อย) กับราคาของรุ่นประกอบในประเทศ คือ 569,900-709,900 บาท พร้อมออพชันที่น่าสนใจ แม้จะใช้ขุมกำลังที่มีรูปแบบแตกต่างกัน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ก็มีไม่น้อยเช่นกัน
จุดได้เปรียบของ MG3 Hybrid+
- ระยะทำการสูงสุดที่มากกว่า หากคำนวณเบื้องต้นจากอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย MG3 Hybrid+ สามารถแล่นได้ 800 กม. ขึ้นไป (เมื่อเติมน้ำมันเต็มถัง) ขณะที่ระยะทำการสูงสุดของ BYD Dolphin คือ 435-490 กม. (มาตรฐาน NEDC)
- กำลังสูงสุดของ MG3 Hybrid+ คือ 194 แรงม้า ทุกรุ่นย่อย ในจุดนี้จะมีความได้เปรียบ BYD Dolphin ในแต่ละรุ่นย่อย โดยรุ่น Standard Range คือ 95 แรงม้า ทาง MG ยังได้เปรียบ และรุ่น Extended Range คือ 204 แรงม้า ถือว่ามีความสูสีกัน
- ราคาโดยรวมของ MG3 Hybrid+ ยังย่อมเยากว่า
จุดสังเกตของ MG3 Hybrid+
- มิติตัวถังโดยรวมยังมีขนาดเล็กกว่า BYD Dolphin
- ค่าใช้จ่ายของการชาร์จไฟฟ้าโดยรวมยังมีราคาถูกกว่าราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
- ราคาของรถยนต์ไฟฟ้ายังมีความผันผวน
การมาถึงของ MG3 Hybrid+ ช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับกลุ่มผู้สนใจรถยนต์ระดับ B-Segment กับจุดเด่น คือ ความคล่องตัวของตัวรถ แต่น่าสนใจยิ่งขึ้นกับราคาที่ย่อมเยา แม้ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดพละกำลังสูง (194 แรงม้า) และจุดเด่นด้านการประหยัดนำมันเชื้อเพลิง ติดตั้งออพชันมาครบครัน นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ทั้งในแง่ของ B-Segment เครื่องยนต์สันดาป รวมถึงระบบไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย