ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
ไพรม์มัส กรุ๊ป ทุ่มงบ 50 ล้าน เปิดโชว์รูม Deepal
“ไพรม์มัส กรุ๊ป” ต่อยอดความสำเร็จ เสริมความแกร่งกลุ่มธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ทุ่มงบ 50 ล้านบาท ผุด “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” โชว์รูม-ศูนย์บริการครบวงจรใหญ่สุดในไทย รับเศรษฐกิจขยายตัวในอนาคต ชู 3 กลยุทธ์ มัดใจลูกค้าภาคตะวันออก มุ่งเป็นที่ 1 ในใจลูกค้า และขึ้นแท่นผู้นำตลาดรถ EV ประเดิมจัดโปรโมชัน ฟรี ! ดอกเบี้ย ผ่อนนาน 48 เดือน หมดเขต 31 ตค. นี้
ณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธานกลุ่มบริษัท ไพรม์มัส กรุ๊ป และกลุ่มบริษัท TOA Venture Holding (TOAVH) เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากการพัฒนาเทคโนโลยี และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปิดกว้างสำหรับรถยนต์แบรนด์ใหม่ ทำให้มีบริษัทรถยนต์เข้ามาเปิดตลาดในไทยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดตื่นตัว และมีการแข่งขันมากขึ้น
ในฐานะที่ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” เป็นกลุ่มธุรกิจผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ระดับชั้นแนวหน้า จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค และตลาดรถยนต์ในปัจจุบัน ผนวกกับแนวคิดของ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ที่จะมุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่การรักษาสิ่งแวดล้อม จึงเลือกเป็นพันธมิตรกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่มีศักยภาพครอบคลุมทุกด้าน โดยได้รับความไว้วางใจ และเชื่อมั่นจาก Changan (ฉางอัน) แบรนด์รถยนต์ชั้นนำ 1 ใน 4 ของจีน และอีเทอร์นิตี้ แอทวันฯ บริษัทมืออาชีพด้านการดูแลธุรกิจกลุ่มผุ้แทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า Deepal (ดีพอล) แต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ Deepal อย่างเป็นทางการ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่จังหวัดชลบุรี
ขณะที่จังหวังชลบุรี เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงระดับประเทศ และเป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC ทำให้มีการลงทุนเมกะพโรเจคท์จากภาครัฐ-เอกชนจำนวนมาก ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมมีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดรถยนต์โดยรวมของชลบุรีที่มีการขยายตัวมากขึ้น โดยเป็นตลาดใหญ่มียอดจดทะเบียนเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ
ประกอบกับ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” มีความชำนาญ และประสบการณ์การทำตลาดรถยนต์ในเขตพื้นที่ชลบุรี ทั้งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของเรา ทำให้เชื่อมั่นว่า การลงทุนก่อสร้างโชว์รูม และศูนย์บริการ “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” ด้วยเม็ดเงินกว่า 50 ล้าน บนพื้นที่เกือบ 4 ไร่ ที่มีบริการครบวงจร จะช่วยต่อยอดความสำเร็จในการเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ให้ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” และแบรนด์รถยนต์ Deepal ได้อย่างแน่นอน
การพิธีเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการ ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญของ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ในการทำตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และเป็นอีกความท้าทายในการดูแล และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดในทุกมิติ เพราะสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจของเรา ไม่ใช่เพียงการซื้อรถยนต์ แต่รวมถึงการดูแลอย่างจริงใจ และดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของ “ไพรม์มัส กรุ๊ป”
จิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส โมบิลิตี้ จำกัด และบริษัทในเครือ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” เปิดเผยว่า “ไพรม์มัส กรุ๊ป” เป็นกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ระดับชั้นแนวหน้า ที่มุ่งเน้นกลุยทธ์หลักในการบริหารงาน คือ 1. การบริการครบวงจรจบในที่เดียว 2. ทีมงานมืออาชีพ มากประสบการณ์ และ 3. การสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ที่ผ่านบทพิสูจน์ความสำ เร็จจากการเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz (เมร์เซเดส-เบนซ์) ทั้งสาขาเลียบด่วน และสาขาพัทยา ด้วยการเติบโตของยอดจำหน่าย และจำนวนรถยนต์ที่เข้าใช้บริการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี และที่ภาคภูมิใจมากสุด คือ การได้คะแนน CSI สูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยเหตุนี้ เราจึงนำกลยุทธ์แห่งความสำเร็จนี้ มาใช้ในการบริหารงานที่ “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” และสาขาต่างๆ ของ ไพรม์ มัส กรุ๊ป
สำหรับ “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท-อ่างศิลา มีพื้นที่รวมทั้งหมด 6,290 ตรม. นับเป็นโชว์รูม และศูนย์บริการ Deepal ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดไทย โดยด้านหน้าเป็นโชว์รูมจัดแสดงรถ ยนต์ Deepal ทุกรุ่น ทุกแบบ ได้มากกถึง 10 คัน และโซนรับรองลูกค้าที่กว้างขวาง สะดวกสบาย สำหรับรองรับการเข้ารับบริการทั้งด้านการขาย และบริการหลังการขาย โดยบริการอาหารว่าง และเครื่องดื่มที่คัดสรรสำหรับลูกค้าคนสำคัญ พร้อมห้องรับรองลูกค้าแบบ Exclusive ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะ และโซนส่งมอบรถยนต์ในแบบ Private ที่จะร่วมส่งมอบความประทับใจในการเป็นครอบครัวเดียวกันกับ “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี”
ส่วนอาคารด้านหลัง เป็นศูนย์บริการมาตรฐานครบวงจร มีพื้นที่ร่วม 1,000 ตรม. พร้อมช่องซ่อม 8 ช่องซ่อม รองรับรถยนต์เข้ารับบริการได้มากถึง 500 คัน/เดือน โดยมีบริการซ่อมแซม การบำรุงรักษา และการดูแลรถยนต์ Deepal ทุกรุ่น ด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพ มากประสบการณ์ด้านการขาย และบริการหลังการขาย ทั้งผ่านการอบรมทุกหลักสูตรตามมาตรฐานของ Changan นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัยตามมาตรฐานของบริษัทแม่ เพื่อการรองรับงานบริการที่มีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว พร้อมมีบริการรับซ่อมจากบริษัทประกันชั้นนำมากมาย และบริการยกรถเข้าซ่อมฟรี กรณีเกิดอุ บัติเหตุ
จิระพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ทาง “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” มีนโยบายที่จะสร้างศูนย์ซ่อมสี และตัวถังมาตรฐานระดับสูง สำหรับให้บริการรถยนต์ Deepal บริเวณพื้นที่ด้านหลังศูนย์บริการ เพื่อรองรับความต้องการให้แก่ลูกค้าแบบครบวงจร คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการ ประมาณเดือนพฤศจิกายน ศกนี้
และเพื่อให้ลูกค้าได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และดีไซจ์นที่โดดเด่น สวยงาม ทั้งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ของ Deepal ทาง “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” ได้จัดแสดงรถยนต์ Deepal ให้เลือกชม และสัมผัสอย่างใกล้ชิดครบทุกรุ่น ได้แก่
1. Deepal S07 (ดีพอล เอส 07) รถยนต์เอสยูวีไฟฟ้า 100% โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Deepal S07 Standard Range (สแตนดา์ด เรนจ์) ราคา 1,399,000 บาท และรุ่น Deepal S07 Long Range (ลอง เรนจ์) ราคาจำหน่าย 1,499,000 บาท
2. Deepal L07 (ดีพอล แอล 07) รถสปอร์ท ฟาสต์แบค ที่สวยงาม โฉบเฉี่ยว ทันสมัย การันตีด้วยรางวัลด้านดีไซจ์นระดับโลก Red Dot Long Range ราคาจำหน่าย 1,329,000 บาท
3. Lumin EV City Car (ลูมิน อีวี ซิที คาร์) ยานยนต์ไฟฟ้าสุดคิวท์สำหรับคนในเมือง มีให้เลือกทั้งระบบชาร์จแบบ AC และ DC ในราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 479,000 บาท
พร้อมแคมเปญสุดพิเศษ “Deepal Big Deal” เมื่อจองรถยนต์ Deepal รุ่น S07 และรุ่น L07 รับฟรี ! ดอกเบี้ย 0 % ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมประกันภัยชั้น 1+พรบ. นานสุด 2 ปี และทุกรุ่น รับ Deepal Premium Care มูลค่า 250,000 บาท พิเศษ ! เฉพาะรุ่น L07 รับ Cashback มูลค่า 40,000 บาท
หรือเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ Lumin รับข้อเสนอโปรแกรมช่วยผ่อนนาน 1 ปี มูลค่า 36,000 บาท รับฟรี ! ดอกเบี้ย 0 % ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรี ! ประกันภัยชั้น 1+พรบ. นานสุด 2 ปี พิเศษ ! รับ Cash back มูลค่า 12,500 บาท พร้อมสิทธิ์แลกซื้อเครื่องชาร์จ และค่าติดตั้ง ในราคาพิเศษเพียง 14,999 บาท จากราคาเต็ม 24,999 บาท หมดเขต 31 ตุลาคมศกนี้
และยังมีเซอร์วิศแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้า Deepal ทุกรุ่น รับบริการตรวจเชครถฟรี 41 รายการ เฉพาะที่ศูนย์บริการ ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี และรามคำแหงเท่านั้น ถึงวันที่ 31 ตุลาคม ศกนี้
ทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานกรรมการบริหาร บจก.อีเทอร์นิตี้ แอทวัน
Toyota เปิดตัว Camry ใหม่
Toyota (โตโยตา) เปิดตัว “All-New Camry” (แคมรี) ใหม่ Hybrid Medium Size Sedan ยนตรกรรมที่ก้าวสู่อีกระดับของความสมบูรณ์แบบ
โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ปีนี้ สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยยังคงเผชิญความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดที่หดตัวลง ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว Toyota นับว่าประสบความสำเร็จจากรถรุ่นใหม่ที่เปิดตัวไป และความพยายามของผู้แทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ ทำให้เราสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 38 % สูงสุดในรอบ 13 ปี
ส่วน Camry เปิดตัวสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2536 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากลูกค้าทั้งภายในประเทศ และในต่างประเทศ นับตั้งแต่การเปิดตัวยอดจำหน่ายสะสมในประเทศอยู่ที่กว่า 230,000 คัน (ข้อมูลยอดขายตั้งแต่ปี 2536 ถึงเดือนสิงหาคม 2567) และเราได้ส่งออก Camry มากกว่า 130,000 คัน ไปจำหน่ายยังประเทศอื่นๆ กว่า 10 ประเทศ (ข้อมูลยอดส่งออกตั้งแต่ปี 2550 ถึงเดือนสิงหาคม 2567) ซึ่งช่วยส่งเสริมการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมทั้งการพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์ มาเป็นระยะเวลากว่า 15 ปี อีกทั้งยังเป็นรถโมเดลหลักที่มีความสำคัญในเซกเมนท์รถยนต์นั่งขนาดกลางในประเทศไทย ที่สำคัญ Camry HEV (แคมรี เอชอีวี) ยังเป็นยนตรกรรมที่บุกเบิกตลาดรถยนต์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (XEV) ของประเทศไทย โดย Toyota เริ่มการผลิต และแนะนำ Camry HEV รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดในปี 2552 จากนั้นเป็นต้นมา ยังได้พัฒนายนตรกรรมไฮบริดให้ดียิ่งขึ้นอีกหลายรุ่น เพื่อมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายในรถประเภทนี้
ปัจจุบัน ตลาดรถ XEV มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย สัดส่วนตลาด XEV ในปีนี้ (ข้อมูลถึงเดือนกันยายน 2567) ขยายตัวอยู่ที่ 36 % ของตลาดรวม โดยยอดขายรถยนต์ไฮบริดเติบโตที่ 21 % ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 13 % ทำให้รถยนต์ไฮบริดกลายเป็นรถที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากลูกค้าชาวไทย ปีนี้ Toyota ยังสามารถครองความเป็นผู้นำด้านยอดขายในตลาด XEV ด้วยยอดขาย HEV สูงที่สุดในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากความสำเร็จด้วยยอดขายของ Yaris Cross (ยารีส ครอสส์) ที่เปิดตัวปีที่ผ่านมา เราจึงขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุน Toyota Trusted Hybrid ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สามารถไว้วางใจได้ และเหมาะสมสอดคล้องกับการใช้งานจริงสูงสุด”
ยามาชิตะ กล่าวต่อว่า เพื่อต่อยอดความสำเร็จของรถรุ่นนี้ เราพร้อมแล้วที่จะแนะนำสุดยอดยนตรกรรมแห่งความสมบูรณ์แบบเหนือระดับกับ All-New Camry ที่มาในรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดในทุกไลน์อัพ เพื่อตอบรับความต้องการที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วของรถเครื่องยนต์ไฮบริด HEV ที่มีระดับราคาที่หลากหลาย ผมเชื่อว่า All-New Camry จะสร้างความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของให้แก่ผู้ที่ครอบครองยนตรกรรมรุ่นนี้ ควบคู่ไปกับความสบายใจตลอดการใช้งาน ผ่านเทคโนโลยีไฮบริดของ Toyota ที่มาพร้อมความเหนือกว่า ทั้งนี้ เราตั้งเป้าหมายการขายที่ 10,000 คัน/ปี
ศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กล่าวว่า All-New Camry จะมาพร้อมขุมพลังไฮบริดในทุกรุ่นย่อย ช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำรถยนต์ไฮบริด ที่ได้รับความไว้วางใจในประเทศไทยมายาว นานกว่า 15 ปี และยังมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ด้วยการสื่อสารภายใต้แนวคิด “Toyota Trusted Hybrid” โดยทาง Toyota จะยังมุ่งเน้นสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้รถ Toyota Hybrid อย่างต่อเนื่องทั้ง3 ด้าน
- Toyota Service Technician ช่างผู้ชำนาญการที่ผ่านการฝึกอบรมจากศูนย์การศึกษา และฝึกอบรมโตโยต้า ที่มีมากกว่า 8,000 คน รวมถึงอุปกรณ์การซ่อมที่ได้มาตรฐานสำหรับรถ Hybrid ที่ศูนย์บริการทั่วประเทศ
- ด้านอะไหล่ เรามีความพร้อมให้บริการ เรามีการจัดเตรียมอะไหล่ไว้รองรับนานกว่า 15 ปี และสามารถจัดส่งได้ภายใน 48 ชม.
- และเรายังพร้อมดูแลลูกค้าทั่วประเทศ ด้วยศูนย์บริการกว่า 450 แห่ง
จากความไว้วางใจ และเป็นที่นิยมของลูกค้ามาอย่างยาวนาน ส่งผลให้ราคาขายต่อรถไฮบริดของ Toyota ยังคงมีมูลค่าที่สูง และเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง
All-New Camry มี 3 รุ่นย่อย สีภายนอก 4 สี และสีภายใน 2 สี
สีภายนอก
• สีเงิน Precious Metal ใหม่ • สีเทา Cement Gray Metallic ใหม่
• สีขาว Platinum White Pearl • สีดำ Attitude Black Mica
สีภายใน
• สีน้ำตาล Yellow Brown Interior* ใหม่ • สีดำ Black Interior
ราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
- HEV Smart ราคา 1,475,000 บาท**
- HEV Premium ราคา 1,659,000 บาท**
- HEV Premium Luxury ราคา 1,809,000 บาท**
ตัดสินใจเป็นเจ้าของ All-New Camry วันนี้ รับข้อเสนอสุดพิเศษ !***
ราคาพิเศษช่วงแนะนำ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
- HEV Smart ราคา 1,455,000 บาท**
- HEV Premium ราคา 1,639,000 บาท**
- HEV Premium Luxury ราคา 1,789,000 บาท**
พิเศษ สำหรับลูกค้าที่จอง และรับรถ ตั้งแต่วันที่ 10-31 ตุลาคม 2567***
- ทางเลือกที่ 1: ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.59 % (ดอกเบี้ยคำนวณที่ดาวน์ 25 % ขึ้นไป นาน 48 เดือน) หรือ
- ทางเลือกที่ 2: ฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD
พร้อมรับข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติม
- รับข้อเสนอพิเศษขยายระยะเวลาการคุ้มครอง TCFR Plus+ มูลค่า 47,000 บาท
ขยายระยะรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม. เมื่อเข้าเชคระยะตามกำหนด และขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบทเตอรีไฮบริด 10 ปี และระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
* เป็นตัวเลือกในรุ่น HEV Premium Luxury สีเงิน Precious Metal และสีขาว Platinum White Pearl
** สำหรับสี Platinum White Pearl, Precious Metal และ Cement Gray เพิ่ม 10,000 บาท
*** และรับรถภายใน 31 ธันวาคม 2567 เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
AAS Group ทุ่ม 120 ล้านเปิดโชว์รูม AVATR
AAS Group ลงทุน 120 ล้านบาท จําหน่ายรถ EV ระดับพรีเมียมแบรนด์ AVATR (อวาทาร์) พร้อมเปิดโชวร์ูมใหม่ 2 สาขาที่สยามพารากอน และพระราม 3
อนุวัชร อินทรภูวศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินฟินิท ออโตโมบิล จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ AAS Group เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัท ฉางอาน เซาท์อีสเอเชีย ประ เทศไทย จํากัด ให้เป็นผู้จําหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมแบรนด์ AVATR โดยบริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนจํานวน 120 ล้านบาท พร้อมแผนการเปิดโชว์รูม 2 สาขาในปีแรก
โชว์รูมแห่งแรกตั้งอยู่ที่สยามพารากอน ชั้น 2 ขนาดพื้นที่ 150 ตรม. ซึ่งจะพร้อมให้บริการอย่างเป็นทางการในตุลาคมนี้ ส่วนโชว์รูมที่ 2 จะตั้งอยู่ที่พระราม 3 ขนาดพื้นที่กว่า 1,200 ตรม. พร้อมศูนย์บริ การครบวงจร ซึ่งจะเปิดให้บริการในกลางปีนี้ โดยจะเปิดเป็นโชว์รูมชั่วคราวก่อน ในกลางเดือนตุลาคมนี้เช่นกัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะนําเสนอประสบการณ์การบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าภายใต้แบรนด์ AVATR โดยมีแผนที่จะขยายโชว์รูม และบริการไปทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการให้บริการที่ครอบคลุม และสอดคล้องกับรถรุ่นต่างๆ ที่จะนําเข้ามา และผลิตในประเทศในอนาคต ทั้งในรูปแบบของการลงทุนเอง และการแต่งตั้งตัวแทน โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 2 สา ขาต่อปี
สําหรับเป้ายอดขายของรถยนต์ AVATR 11 (อวาทาร์ 11) ที่เปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้ คาดว่าจะมียอดขายไม่ฝ่ตํ่ากว่า 500 คันในปีแรก โดยในเดือนแรกที่เปิดจําหน่าย บริษัทได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี มียอดจองมากกว่า 100 คันภายในเวลาเพียง 15 วัน และรถยนต์รุ่นนี้จะมาถึง และทยอยส่งมอบให้ลูกค้าตามลําดับการจองตั้งแต่สิ้นเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป
Nissan อัพเวอร์ชัน Nissan Connect Services
เคยไหมที่คุณรีบมากจนลืมว่า ลอครถหรือยัง รถจอดตรงไหน หรือกลัวว่าไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใครหากเกิดอุบัติเหตุ ถ้าใช่ คนยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ ชอบใช้ชีวิตอิสระเต็มที่อย่างคุณ อาจจะต้องการรถยนต์ที่มาพร้อมนวัตกรรมซึ่งเพิ่มความสะดวกสบาย อุ่นใจ และปลอดภัยช่วยให้คุณใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการโดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องเหล่านี้ Nissan Almera รุ่นปี 2024 ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ มาพร้อมกับแอพพลิเคชัน Nissan Connect Services* เวอร์ชันอัพเดท และกุญแจอัจฉริยะที่มีระบบลอค และปลดลอคอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุม หรือสั่งการรถได้จากระยะไกล ได้ง่ายๆ ส่วนฟีเจอร์ SOS ยังให้ความอุ่นใจว่ามีคนคอยให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉินตลอดเวลา
แอพพลิเคชันอัจฉริยะ Nissan Connect Services เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถสื่อสารกับรถยนต์ และสั่งการต่างๆ ได้ผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แอพพลิเคชันนี้จึงมีส่วนสำคัญที่ทำให้ Nissan Almera ซีดานสไตล์สปอร์ทถูกใจใครหลายๆ คน
ถ้าถามว่า Nissan Connect Services ทำอะไรได้บ้าง ข้อแรกผู้ที่ได้ลองขับ Nissan Almera ชื่นชอบ คือ การควบคุมระยะไกลหลากหลายระบบที่กดเลือกได้ในสมาร์ทโฟน เช่น ระบบสตาร์ทเครื่อง ยนต์ระยะไกล ช่วยอุ่นเครื่องยนต์ และเปิดแอร์ให้พร้อมเดินทางได้ทันที โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อน เปิดประตูรถมาเจอแอร์เย็นๆ ทันทีไม่ต้องนั่งรอไล่ลมร้อนหลายนาที ชีวิตจะดีขึ้นได้ในพริบตา ส่วนระบบตรวจสอบสถานะการลอคประตู สั่งลอค หรือปลดลอครถยนต์ระยะไกล สามารถกดดูจากสมาร์ทโฟนได้เช่นกัน ว่าลอครถหรือยัง หรือกดสั่งลอค หรือปลดลอคประตูรถยนต์ได้จากทุกที่ทุกเว ลาผ่านแอพพลิเคชัน ช่วยตัดความกังวล และเพิ่มความสะดวกสำหรับคนแอคทีฟ ต้องทำอะไรหลายอย่างพร้อมๆ กัน
อีกปัญหาที่คนขับรถทุกคนเจอ คือ จำไม่ได้ว่าจอดรถไว้ตรงไหน แอพพลิเคชันนี้ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นมากๆ เพราะสามารถกดระบบสั่งกะพริบไฟหน้า และระบบแตร ระยะไกล ช่วยค้นหารถด้วยไฟกะ พริบ และเสียงแตรสั้นๆ หรือสั่งเฉพาะไฟกะพริบในสถานที่งดใช้เสียงได้ ส่วนระบบค้นหาตำแหน่งรถ (My Car Finder) ช่วยค้นหาตำแหน่งรถยนต์ในพื้นที่ขนาดใหญ่หรือที่ที่ไม่คุ้นเคย และนำทางไปยังรถได้ง่ายๆ ไม่ต้องเดินวนแล้ววนอีก
อีกจุดเด่นของแอพพลิเคชัน Nissan Connect Services คือ ระบบ SOS ที่ Nissan นำมาให้บริการเป็นครั้งแรกในเซกเมนท์นี้ โดยเมื่อประสบเหตุไม่คาดฝัน เกิดอุบัติเหตุ หรือต้องการความช่วยเหลือขณะเดินทาง ผู้ขับขี่สามารถกดปุ่ม SOS ที่แผงหน้าปัด เพื่อขอความช่วยเหลือจากศูนย์ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ทันทีผ่านระบบเครื่องเสียงในรถยนต์
นอกจากนี้ Nissan Almera (นิสสัน อัลเมรา) รุ่นปี 2024 ยังยกระดับความสะดวกสบาย และความปลอดภัยไปพร้อมกัน ด้วยกุญแจอัจฉริยะที่มาพร้อมกับระบบลอค/ปลดลอคอัตโนมัติ เมื่อเข้าใกล้ หรือออกห่างจากตัวรถ เพียงจอดรถ ผู้ขับขี่สามารถเดินไปทำธุระได้เลย เพราะระบบอัจฉริยะของ Nissan จะช่วยลอครถให้โดยอัตโนมัติ และเมื่อผู้ขับขี่เดินกลับมาที่รถ กุญแจอัจฉริยะจะส่งสัญญาณปลดลอคให้เอง สะดวกสบายเมื่อต้องถือของเต็มมือ โดยไม่ต้องกดปุ่มที่ประตู และป้องกันการลืมลอครถ ซึ่งฟีเจอร์นี้จะมีในรุ่น V (วี) และ VL (วีแอล)
คราวนี้ ไม่ว่าคุณจะไปทำธุระ ซื้อของ ไปเที่ยวชิลล์ๆ กับครอบครัว หรือแก๊งเพื่อนในวันว่าง เส้นทางไหนๆ ก็สะดวกสบาย ปลอดภัย และอุ่นใจ เพราะ Nissan Connect Services จะคอยดูแลเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ ให้ และยังสะท้อนการขับขี่แห่งอนาคตที่ผสมผสานการขับขี่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nissan Almera และฟีเจอร์ต่างๆ ได้ที่ https://www.nissan.co.th/vehicles/new-vehicles/new-almera.html หรือติดต่อผู้แทนจำหน่าย Nissan ทั่วประเทศ
- สิทธิพิเศษในการใช้บริการ Nissan Connect Services เป็นระยะเวลา 3 ปี* (ระยะเวลาของการให้บริการจะเริ่มในวันเริ่มต้นการรับประกัน) สำหรับรุ่นรถที่รองรับ และต่ออายุสมาชิกก่อนสิ้นสุดระยะเวลารับบริการ เพื่อรับประโยชน์จากบริการได้อย่างต่อเนื่อง
AAS Group นำเสนอ 3 แบรนด์ยานยนต์ลักชัวรีระดับโลกให้ยลโฉม ณ AAS House Emsphere
AAS Group นำโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Porsche (โพร์เช) ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Bentley (เบนท์ลีย์) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย รวมถึง บริษัท เอเอเอส โมโต คลับ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson (ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน) เดินหน้าจัดแสดง 3 แบรนด์ยานยนต์ระดับลักชัวรี เพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ ณ AAS House ชั้น 2 ศูนย์การค้า Emsphere ที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด "แกลเลอรียนตรกรรม" เพื่อสร้างคอมมูนิทีที่เชื่อมโยงผู้รักในยานยนต์หรูให้สามารถพบปะ และแลกเปลี่ยนประสบการณกันอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังเป็นจุดหมายแห่งการรวมตัวของครอบครัวเอเอเอสฯ อีกด้วย โดยทำการจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2567
เริ่มต้นด้วยยนตรกรรมสัญชาติเยอรมัน Porsche Taycan GTS (โพร์เช ไทย์คาน จีทีเอส) รถสปอร์ทพลังงานไฟฟ้า 100 % สายพันธุ์ GTS จาก Porsche ที่มาพร้อมสมรรถนะเหนือระดับ ด้วยพิสัยการเดินทางสูงสุดกว่า 504 กม. ตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP นับเป็นยนตรกรรมสปอร์ทไฟฟ้าจาก Porsche ที่ทำลายขีดจำกัดระยะทาง 500 กม. และยังเป็นรุ่นที่มีระยะทางวิ่งมากที่สุดในบรรดา Taycan ทั้งหมด อีกทั้งมอบสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเหนือรถสปอร์ทในระดับเดียวกัน ด้วยพละกำลังสูงสุด 598 แรงม้า (440 กิโลวัตต์) จาก Over Boost พร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 850 นิวทันเมตร ทำ ให้การเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. เป็นไปได้ภายในเพียง 3.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กม./ชม. ตอกย้ำภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง และน่าเกรงขามของสายพันธุ์ GTS ด้วยเฉดสี Carmine Red พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของ และรับมอบได้ทันที ด้วยที่สุดแห่งข้อเสนอจากเอเอเอสฯ ผ่อน 0 % นาน 60 เดือน* เพื่อการเป็นเจ้าของ Taycan ที่ง่ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ต่อเนื่องด้วยอัครยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์จากประเทศอังกฤษ Bentley Bentayga Hybrid (เบนท์ลีย์ เบนเทย์กา ไฮบริด) ในเฉดสีน้ำเงิน Sequin Blue โดดเด่นด้วยล้ออัลลอย 5 ก้าน ขนาด 21 นิ้ว และไฟหน้าแบบ Crystal LED ที่สะท้อนความสง่างาม ผสานสมรรถนะเครื่องยนต์รุ่น V6 แบบไฮบริดที่ให้พละกำลังกว่า 443 แรงม้า และแรงบิด 700 นิวทันเมตร สามารถวิ่งด้วยโหมด EV ไกลถึง 40 กม. และทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.9 วินาที มอบทั้งความเร้าใจ และการขับขี่ที่นุ่มนวล พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ Crafting Your Dream Offers ที่สามารถออกแบบแผนการเงินเองได้เพื่อให้การตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์ Bentley เป็นเรื่องง่าย รวมถึงการรับประกันแบทเตอรีไฮบริดนานถึง 8 ปี หรือ 160,000 กม. และบริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. นาน 3 ปีเต็ม พร้อมรับสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี*
ปิดท้ายด้วยจักรยานยนต์สุดหรูสัญชาติอเมริกัน ที่มาพร้อมความเท่ระดับตำนานอย่าง All-New Road Glide 2024 (ออลล์-นิว โรด กไลด์ 2024) มาพร้อมกับแฟริงแบบชาร์คโนสอันเป็นเอกลักษณ์ ช่วยลดแรงลม และเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight VVT 121 ขนาด 1,923 ซีซี ที่ให้พละกำลังสูงสุด 105 แรงม้า (78 กิโลวัตต์) และแรงบิด 168 นิวทันเมตร ทำให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความสนุก และสมรรถนะอันยอดเยี่ยม รวมไปถึง Heritage Classic 2024 (เฮอริเทจ คลาสสิค) ที่นำเสนอความงามในสไตล์วินเทจ ผสานเข้ากับความทันสมัยของเทคโนโลยี มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 114 ขนาด 1,868 ซีซี ที่ให้พละกำลังสูงสุด 93 แรงม้า (69 กิโลวัตต์) และแรงบิด 155 นิวทันเมตร พร้อมระบบกันสะเทือนที่ปรับปรุงใหม่ ทำให้การขับขี่นุ่มนวล และควบคุมได้อย่างง่ายดาย จักรยานยนต์รุ่นนี้จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางไกล และการผจญภัย พร้อมรับส่วนลดอะไหล่แต่ง มูลค่าสูงสุด 140,000 บาท เมื่อเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์ รุ่น Cruiser ที่ร่วมรายการ*
สำหรับผู้ที่สนใจ และต้องการเป็นเจ้าของยานยนต์เหล่านี้ที่ AAS House จะได้รับข้อเสนอสุดเอกซ์คลูซีฟ อาทิ สิทธิ์ในการจอดรถฟรี 1 ปีที่ ศูนย์การค้า Emsphere และ Emporium** อีกทั้งของขวัญสุดพรีเมียมจากทางแบรนด์ อีกด้วย* "AAS The Name You Can Trust"
*เงื่อนไปเป็นไปตามที่ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด และบริษัท เอเอเอส โมโต คลับ จำกัด กำหนด
**เงื่อนไปเป็นไปตามที่ ศูนย์การค้า Emsphere และ Emporium กำหนด
Geely EX5 เอสยูวีไฟฟ้าพร้อมท้าชิงเบอร์ 1 พบกันในงาน Motor Expo 2024 !
เป็นที่แน่นอนแล้วว่าแบรนด์จากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่อย่าง Geely Automobile Holdings เตรียมพร้อมสำหรับการทำตลาดรถเอสยูวีไฟฟ้าในไทย กับไฮไลท์ใหม่รุ่นล่าสุดในรุ่นพวงมาลัยขวาเป็นที่แรกของโลก
โฟคัสเข้าสู่ตลาดเมืองไทย
Geely (จีลี) เปิดตัวรถเอสยูวีพลังไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่าง Geely EX5 (จีลี อีเอกซ์ 5) เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2024 ในงานแสดงสินค้านานาชาติที่ฟรังค์ฟวร์ท ประเทศเยอรมนี โดยเป็นรถไฟฟ้าสไตล์เอสยูวี เน้นการออกแบบที่เรียกว่า “Ripple Aesthetics” เป็นการรวบรวมแนวคิดการออกแบบอันเรียบง่าย และคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก ซึ่งปรัชญาการออกแบบรถอเนกประสงค์เน้นความกระชับ เรียบง่าย และสง่างาม ให้แก่ผู้ใช้ทั่วโลกเข้าถึงประสบการณ์การขับขี่ที่ดี
โดยจะเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญที่ตั้งใจจะเจาะตลาดต่างประเทศ ทั้งนอร์เวย์ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย รวมไปถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย นำเสนอรถที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้เป็นอีกหนึ่งบริษัทใหญ่จากจีนที่พร้อมต่อกรกับคู่แข่งรายสำคัญในตลาดรถไฟฟ้าระดับโลก
เอสยูวีน้องใหม่ สุดในทุกรายละเอียด
Geely EX5 มีมิติความยาว 4,615 มม. กว้าง 1,901 มม. สูง 1,670 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,750 มม. ถือเป็นรถที่มีขนาดใหญ่สุดในมาตรฐานกลุ่มเอสยูวีไฟฟ้าที่ขายในไทย งานดีไซจ์นภายนอกเน้นรูปทรงเพรียวบาง กระจังหน้าแบบ Matrix Light แบบปิดทึบตามสไตล์รถยนต์ไฟฟ้า พร้อมไฟหน้าแบบ LED และไฟ DRL C-Shaped รวมในชิ้นเดียว แนวเส้นไฟ LED ขนาดเล็กตัว C สไตล์ Tiger Face ลากมาถึงดีไซจ์นเส้นสายด้านข้างอย่างสวยงาม แยกระดับตัวถังเป็นชั้น มือเปิดประตูภายนอกรถแบบซ่อน Hidden Electric Door Handle ส่วนไฟท้าย LED เป็นแบบเชื่อมติดตลอดแนวยาวติดตราโลโกตัวอักษร Geely มาพร้อมสปอยเลอร์หลังคา และราวหลังคาเสริมความมีมิติ หลังคากระจกไฟฟ้า Panoramic Glassroof เพิ่มความโปร่งสบาย ล้ออัลลอยลายลู่ลม Aero Wheel แบบ 5 ก้าน มีให้เลือกทั้งขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R18 และขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/50 R19 เน้นในเรื่องทางอากาศพลศาสตร์ ช่วยเสริมประสิทธิภาพการขับขี่โดยรวมให้ดียิ่งขึ้น โดย EX5 มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอยู่ที่ 0.269 CD ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ลู่ลมในระดับชั้นนำของรถเอสยูวี
สีภายนอก มีให้เลือกกันจุใจถึง 8 สี ได้แก่ สีขาว Dawn White, สีเทา Morning Mist Grey, สีดำ Midnight Black, สีเงิน Streamer Silver, สีฟ้า Polar Night Blue, สีเขียว Azure Green, สีชมพู Evening Cherry Pink และสีแดง Sunshine Red
ไฮไลท์ที่เป็นหัวใจสำคัญ คือ โครงสร้างการออกแบบตัวรถ ได้มีการออกแบบสร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรม GEA (Geely Electric Architecture) ที่ Geely พัฒนามาโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้ได้ทั้งประ สิทธิภาพด้านการจัดการพลังงาน ความสมบูรณ์ของโครงสร้าง พัฒนามาจากพแลทฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ทำให้ตัวรถมีสถาปัตยกรรมประสบการณ์ที่ยั่งยืน รูปแบบสามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งแบบ PHEV, EREV รวมถึง BEV สามารถผสานคุณสมบัติกันอย่างลงตัว
ภายในห้องโดยสารของ Geely EX5 นำเสนอปรัชญาการออกแบบที่เรียบง่าย Minimalist Design Philosophy โดดเด่นด้วยทริมการตกแต่งภายในวัสดุที่หรูหรา มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว Cloud White สีน้ำตาล Neon Rainbow และสีน้ำเงินเข้ม Dusk Blue พวงมาลัยแบบมัลทิฟังค์ชัน 2 ก้าน แผงคอนโซลกลางเป็นชั้นเชื่อมต่อติดกับคอนโซลหน้า ด้านล่างจะเป็นช่องวางของ พร้อมช่อง USB-C/HDMI และช่อง Power Outlet รวมถึงแท่นชาร์จไร้สาย Wireless Charging ให้กำลังไฟสูงสุด 50 วัตต์ ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับได้สูงสุด 256 สี และมาตรวัดแบบ Full Digital ขนาด 10.2 นิ้ว พร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.4 นิ้ว ชัดแบบ 2.5K HD ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ประสิทธิภาพสูงด้วยชิพประมวลผล Dragon Eagle-1 ระดับ 7 นาโนเมตร ที่รวมการเชื่อมต่อ และความบันเทิงไว้ในที่เดียว ด้วยระบบปฏิบัติการ Flyme Auto Operating System HMI จาก MEIZU รวมทั้งยังรองรับการอัพเดท OTA (Over-The-Air)
ส่วนเบาะนั่งโดยสารให้ความสะดวกสบายขั้นสุด มากับเบาะที่นั่งคู่หน้าแบบ Marshmallow ที่มีการออกแบบถึง 6 ชั้น สามารถปรับระดับได้ 6 ทิศทางแบบไฟฟ้า พร้อมระบบปรับอุ่นเบาะ และเป่าลมเย็น 3 ระดับ สำหรับเบาะหน้า และเบาะหลัง และระบบเบาะนวด 8 จุด ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า พร้อมที่รองน่อง เบาะแถว 2 รองรับการปรับ 2 ระดับ สามารถพับได้แบบ 60:40 มีพื้น ที่ด้านท้ายขนาด 1,877 ลิตร กรณีพับเบาะ และกรณีไม่พับเบาะอยู่ที่ 461 ลิตร
คุณสมบัติพิเศษของภายในห้องโดยสาร EX5 คือ สามารถยืดหยุ่นรองรับอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้ามากขึ้น กับแนวคิดการจัดเก็บของแบบ Half More ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บของได้มากถึง 50 % หรือมีพื้นที่เก็บของถึง 33 ช่อง เมื่อเทียบกับรถเอสยูวีรุ่นอื่นๆ ในตลาด เช่น ที่เก็บของใต้ที่นั่งด้านหลัง และช่องระบายอากาศด้านหลัง เป็นต้น
ในด้านระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ ภายในรถมาพร้อมระบบ Flyme Auto และ Flyme Sound ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อเพลงได้ราบรื่น และคุณภาพเสียงที่เหนือชั้น ช่วยยกระดับประสบการณ์อันเพลิด เพลินภายในรถสำหรับทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ด้วยเครื่องเสียงคุณภาพ 16 ลำโพง ของ Wanos พร้อมตัวขยายเสียง Amplifier แบบแยกจากลำโพง ให้กำลังขับสูงสุด 1,000 วัตต์ อีกทั้งติดดั้งลำ โพงไว้ที่พนักพิงศีรษะเบาะคู่หน้า เสริมมิติเสียงแบบ Panorama รอบคัน
สำหรับเทคโนโลยีการขับเคลื่อนนั้นไม่เป็นสองรองใครแน่นอน Geely EX5 มาพร้อมไฮไลท์ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าอัจฉริยะ 11-in-1 Intelligent Electric Drive System ที่มีส่วนประกอบหลัก 11 ชิ้นร่วมกันทำงานในชุดเดียว ซึ่งมอบประสิทธิภาพ และสมรรถนะที่เหนือกว่าระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าทั่วไป ด้วยเทคโนโลยีการรวมแบทเตอรี CTB (Cell-to-Body) ทำให้ตัวรถสามารถรองรับน้ำหนักเพลาหน้าต่อเพลาหลังได้แบบอัตราส่วนทองคำ 50:50 ช่วยให้จุดศูนย์กลางของรถต่ำลง
รวมถึงเทคโนโลยีแบทเตอรีที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ ช่วยให้มั่นใจถึงความปลอดภัย ความทนทานสูงสุด และประสิทธิภาพการปกป้องอันเหนือชั้น ภายใต้การทดสอบสภาวะความเสียหายที่รุนแรง ใช้งานได้กว่า 50 ปี แบทเตอรีของ Geely EX5 ใช้แบบลิเธียม ไอรอน ฟอสเฟท LFP (Lithium Iron Phosphate batteries) ในชื่อว่า “Aegis Short Blade Battery" รุ่นล่าสุดจาก Geely โดยจะมีให้เลือก 2 ความจุ ได้แก่ แบทเตอรีขนาด 49.52 กิโลวัตต์ชั่วโมง และ 60.22 กิโลวัตต์ชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ที่ให้กำลัง 215 แรงม้า (PS) แรงบิด 320 นิวทันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 175 กม./ชม. สามารถชาร์จไฟฟ้าวิ่งไกลสูงสุด 415-505 กม. ตามมาตรฐาน NEDC พร้อมรองรับการชาร์จ Type 2/CCS Combo กระแสสลับ AC จาก 10-100 % ภายใน 9 ชม. กระแสตรง DC จาก 10-80 % ภายใน 17 นาที
นอกจากนี้ EX5 ยังมีระบบความปลอดภัยใส่มาเต็มพิกัด มาพร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง กล้องรอบคัน 360 องศา พร้อมระบบ Transparent Chassis มองเห็นสภาพใต้ท้องรถ และยังมีระบบกล้อง ADAS 5 ตัว ทำงานร่วมกันกับเซนเซอร์ Ultrasonic 12 ตัว ช่วยเหลือการขับขี่อัตโนมัติได้จนถึงระดับ 2 Autonomous Level 2 เช่น ระบบควบคุมความเร็วแปรผันแบบ ACC (Full-Speed Adap tive Cruise Control), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ ICC (Intelligent Cruise Control Assist), ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW (Forward Collision Warning), ระบบเบรคอัต โนมัติ Active Braking System, ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัจฉริยะ IHBC (Intelligent High and Low Beam Switching), ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง LKA (Lane Keeping Assist), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ELKA (Lane Keeping Emergency Assist), ระบบอ่านป้ายจราจร TSI (Traffic Sign Recogni tion), ระบบช่วยผู้ขับขี่ควบคุมบังคับรถในสถานการณ์คับขันต่างๆ TAA (Large Vehicle Intelligent Avoidance) ฯลฯ
พร้อมท้าชิงเบอร์ 1 ตลาด B-SUV
สำหรับ Geely EX5 จะเป็นรถที่เข้ามาเผชิญกับคู่แข่งอันดุเดือดในกลุ่มรถ B-SUV อย่าง BYD Atto 3 (บีวายดี อัตโต 3), Neta X (เนทา เอกซ์), Omoda C5 EV (โอโมดา ซี 5 อีวี), GAC Aion Y Plus (จีเอซี ไอออน วาย พลัส) และ MG ZS EV (เอมจี เซดเอส อีวี) ในแง่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกสู่ตลาดโลกของ Geely แสดงให้เห็นแล้วถึงความสามารถทางเทคโนโลยีของบริษัทที่เติบโตก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตนวัตกรรม คุณภาพงานประกอบ และชิ้นส่วนแบทเตอรีเองนั้น ทำให้มีศักยภาพเป็นอย่างมากว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ อย่าง Geely EX5 จะได้เทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าในราคาที่เหมาะสม อีกทั้งสมรรถนะไม่แพ้คู่แข่งในตลาด
ในไม่ช้าเราจะได้เห็น Geely EX5 ในเวอร์ชันพวงมาลัยขวาที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนตุลาคม 2024 ที่จะถึงนี้ คาดการณ์ราคาอาจจะใกล้เคียงคู่แข่งในช่วง 9 แสน-1.1 ล้านบาท หากใครที่กำลังรอชมคันจริง ภายในงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41" หรือ Motor Expo 2024 คุณจะได้พบกับคุณภาพอีกระดับของรถยนต์ไฟฟ้าจากยักษ์ใหญ่จีน ที่พร้อมจะเป็นผู้ท้าชิงเบอร์ 1 ในสงครามตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอันดุเดือด
F1 in Schools Thailand National Finals 2024 ก้าวแรกสู่ทีม F1
F1 in Schools (เอฟ 1 อิน สคูลส์) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ก่อตั้งขึ้นในประเทศอังกฤษเมื่อ 24 ปีที่แล้ว F1 in Schools มีการดำเนินงานใน 60 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่ประเทศออสเตรเลีย ประเทศจีน สิงคโปร์ คูเวต แอฟริกาใต้ สหรัฐอเมริกา และเมกซิโก ที่มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้วิชาด้าน STEM นั่นคือ S: Science วิทยาศาสตร์, T: Technology เทคโนโลยี, E: Engineering วิศวกรรมศาสตร์ และ M: Mathematic คณิตศาสตร์ กับการแข่งขันระดับโลกนี้เปิดโอกาสให้นักเรียนอายุ 9-19 ปีเข้าร่วมความท้าทายหลายสาขาวิชาที่พวกเขาต้องใช้ซอฟท์แวร์ CAD/CAM ระดับมืออาชีพ ในการออกแบบ วิเคราะห์ ผลิต ทดสอบ และแข่งรถยนต์ขนาดจิ๋วที่ขับเคลื่อนด้วยลมอัดจากบลอคโมเดลใกล้เคียงกับรถแข่ง Formula 1 นักเรียนระดับนานาชาติหลายคนได้มีโอกาสทำงานกับทีม F1 โดยมีพื้นฐานมาจากความสำเร็จใน F1 in Schools
สำหรับการแข่งขัน F1 in Schools Thailand National Finals 2024 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-29 กย. ที่ผ่านมา ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 3 ทรู ดิจิทัล พาร์ค ฝั่งตะวันตก (West) ได้เสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์พร้อมกับการประกาศผู้ชนะเมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมี ภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ ดร.จักรพรรดิ "จอห์น" พิทักษ์ธารารวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท 1 แอคชั่น เอ็ดดูเคชั่น จำกัด ประธานมูลนิธิ แก้วจักรพรรดิ และ Official In-Country Delivery Partner, F1 in Schools ร่วมเปิดงาน
งานนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญในแวดวงการศึกษาด้าน STEM ในประเทศไทย โดยมีทีมจากทั่วประเทศไทย และรับเชิญจากต่างชาติ รวมกว่า 30 ทีม เข้าร่วมแข่งขันในการออกแบบ และสร้างรถแข่งจำ ลองที่ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต
โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก ภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นประธานในพิธี พร้อมกล่าวเปิดงาน “การแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นและพิเศษสำหรับเยาวชนไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการศึกษาในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการศึกษาที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ และการทำงานเป็นทีม ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ สพฐ. ที่จะส่งเสริมการศึกษาขั้นพื้นฐานตั้งแต่ระดับประถมศึกษาไปจนถึงระดับมัธยมศึกษา รวมถึงขับเคลื่อนแนวคิดการเรียนรู้เชิงรุกในเชิงองค์รวมที่กระทรวงศึกษาธิการกำลังดำเนินการอยู่ และเชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการขยายการศึกษาด้านสเตม (STEM) ในประเทศไทย และสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนจำนวนมาก เพื่อต่อยอดให้เยาวชนได้แสดงความสามารถและก้าวสู่เวทีระดับโลกต่อไป”
ดร.จักรพรรดิ "จอห์น" พิทักษ์ธารารวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท 1 แอคชั่น เอ็ดดูเคชั่น จำกัด ประธานมูลนิธิ แก้วจักรพรรดิ และ Official In-Country Delivery Partner, F1 in Schools กล่าวว่า “การแข่งขันปีนี้มีการเน้นย้ำเรื่องความยั่งยืน โดยวัสดุทั้งหมดที่ใช้ในการแข่งขัน รวมถึงรถแข่ง และถ้วยรางวัล ล้วนทำจากวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติอย่าง PLA เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความยั่งยืนในงานวิศวกรรม และการผลิต งานนี้ไม่เพียงเฉลิมฉลองความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่มอบโอกาสเท่าเทียมให้กับเยาวชนทุกคนในการแสดงความสามารถ และเติบโต โดยไม่คำนึงถึงพื้นฐาน หรือความถนัดที่แตกต่างกัน ทุกคนสามารถเรียนรู้และเติบโตในสนามแข่งขันนี้ การแข่งขัน F1 in Schools Thailand National Finals 2024 ในปีนี้จะไม่เพียงเป็นการเฉลิมฉลองความเร็ว และนวัตกรรม แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับเยาวชนไทย และโลกใบนี้”
ในโอกาสนี้ ยังได้รับเกียรติจาก William McKeown, Head of Scrutineering F1 in Schools ร่วมด้วย พศิน ลาทูรัส รองประธานกรรมการบริหารแบรนด์ "นารายา" แชมพ์ Ferrari Challenge Asia Champion 2013 และ SPA 24hrs Champion 2015 และ Pierre Moussy, CEO & Co Founders-DXM Solutions เข้าร่วมพิธีมอบรางวัลให้กับทีมเยาวชนที่ชนะเลิศการแข่งขัน F1 in Schools Thailand National Finals 2024
ผลการแข่งขันชิงชนะเลิศ F1 in Schools Thailand National Finals 2024
รางวัล Knockout (Development Only) ได้แก่ ทีม Frogger
รางวัล Fastest Wheel Change (Special category) ได้แก่ ทีม SVT
รางวัล Best Engineered Car Including Scrutineering ได้แก่ ทีม Moonlight Racing
รางวัล Best Pit Display (Entry)
รางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีม Sugarraze
รางวัลที่ 2 ได้แก่ ทีม Aerion
รางวัลที่ 3 ได้แก่ ทีม Thunderstruck
รางวัล Best Pit Display (Development)
รางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีม SVT
รางวัลที่ 2 ได้แก่ ทีม Axiom
รางวัลที่ 3 ได้แก่ ทีม Hollowpoint
รางวัล Best Team Identity (Entry)
รางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีม Hotshot Racing
รางวัลที่ 2 ได้แก่ ทีม Lucky All-Star
รางวัลที่ 3 ได้แก่ ทีม Serenity
รางวัล Best Team Identity (Development)
รางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีม SVT
รางวัลที่ 2 ได้แก่ ทีม Mach Motorsports
รางวัลที่ 3 ได้แก่ ทีม Firebolt Racing
รางวัล Fastest Reaction Time (Entry Category) ได้แก่ ทีม Hotshot Racing
รางวัล Fastest Reaction Time (Development Category) ได้แก่ ทีม Hollowpoint
รางวัล Best Design Portfolio (Entry)
รางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีม Sugarraze
รางวัลที่ 2 ได้แก่ ทีม Firebolt
รางวัลที่ 3 ได้แก่ ทีม Ammonite
รางวัล Best Enterprise Portfolio (Development)
รางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีม Starpoint Racing
รางวัลที่ 2 ได้แก่ ทีม Axiom
รางวัลที่ 3 ได้แก่ ทีม Frogger
รางวัล Best Engineering Portfolio (Development)
รางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีม Axiom
รางวัลที่ 2 ได้แก่ ทีม Starpoint Racing
รางวัลที่ 3 ได้แก่ ทีม SVT
รางวัล Best Verbal (Entry)
รางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีม Sugarraze
รางวัลที่ 2 ได้แก่ ทีม Ammonite
รางวัลที่ 3 ได้แก่ ทีม Hotshot Racing
รางวัล Best Verbal (Development)
รางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีม SVT
รางวัลที่ 2 ได้แก่ ทีม Starpoint
รางวัลที่ 3 ได้แก่ ทีม Axiom
รางวัล F1 in Schools Resilience Award ได้แก่ Jhan-In Jirasanchai จากทีม Forza Grande
รางวัล Overall Guest Champion ได้แก่ ทีม Alvas จาก มาเก๊า (Macau)
รางวัล Special Guest Recognition ได้แก่ ทีม Prism จาก ฮ่องกง (Hong Kong)
รางวัล Overall (Entry Category)
รางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีม Sugarraze
รางวัลที่ 2 ได้แก่ ทีม Hotshot Racing
รางวัลที่ 3 ได้แก่ ทีม Ammonite
รางวัล Overall (Development Category)
รางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีม STARPOINT Racing
รางวัลที่ 2 ได้แก่ ทีม AXIOM
รางวัลที่ 3 ได้แก่ ทีม SVT
ด้วยความสำเร็จ และความสนใจที่ได้รับในปีนี้ คาดว่าการแข่งขัน F1 in Schools Thailand National Finals จะมีการจัดขึ้นอีกครั้งในปีถัดไป โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเยาวชนให้มีโอกาสได้แสดงความสามารถ และประสบการณ์ใหม่ๆ ในด้านวิศวกรรม และนวัตกรรม ทั้งนี้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และกระตุ้นให้เยาวชนไทยเติบโตเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมที่ยั่งยืนในอนาคต และหากได้รับการสนับ สนุนจากทั้งภาครัฐ และเอกชน จะยิ่งทำให้การแข่งขันมีมาตรฐานสูง และสามารถเข้าถึงเยาวชนได้อย่างกว้างขวาง
ปัจจุบัน F1 in Schools Thailand มีอยู่ 3 สาขา คือ KX Tower สาทร (Knowledge Exchange Center-KX) , เซียร์ รังสิต และลาดกระบัง 54 วิลลา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ F1 in Schools Thailand สามารถติดต่อได้ที่ เบอร์โทร: 0632583580 Line ID: @625izzcx อีเมล์: info@f1inschools.co Facebook: F1inSchoolsThailand Page IG: f1inschoolsthailand
FAST Auto Show Thailand แจกรางวัลแก่ผู้โชคดี
พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานจัดงาน “FAST Auto Show Thailand 2024” งานแสดง และซื้อ-ขายรถยนต์ครบวงจร ร่วมส่งมอบรางวัลใหญ่ “รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AJ EV (เอเจ อีวี)” จำนวน 2 รางวัล พร้อมชุดผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ Meguiar’s มูลค่ารวมกว่า 177,490 บาท ให้แก่ผู้โชคดีที่ได้สิทธิ์ “ซื้อรถลุ้นรถ” จากการจอง หรือซื้อรถ ทั้งรถใหม่ป้ายแดง และรถยนต์ใช้แล้วภายในงาน “FAST Auto Show Thailand 2024” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3-7 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมี ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงานฝ่ายรถใหม่ อัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ รองประธานจัดงานฝ่ายรถใช้แล้ว และพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา รองประธานจัดงานฝ่ายรถตกแต่ง โมดิฟาย และกิจกรรมอีสปอร์ท มาร่วมแสดงความยินดี และส่งมอบรางวัลใหญ่ให้แก่ผู้โชคดีทั้ง 2 ท่าน ได้แก่
รางวัลรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AJ EV รุ่น Saber Tiger (เซเบอร์ ไทเกอร์) มูลค่า 95,900 บาท จํานวน 1 คัน พร้อมชุดผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ Meguiar’s มูลค่า 3,845 บาท ได้แก่ นนลณีย์ สุวรรณพงษ์
รางวัลรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AJ EV รุ่น Mine Plus (ไมน์ พลัส) มูลค่า 73,900 บาท จํานวน 1 คัน พร้อมชุดผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ Meguiar’s มูลค่า 3,845 บาท ได้แก่ ทักษิณา เกษมสันต์ ณ อยุธยา
หมายเหตุ
“ซื้อรถลุ้นรถ” ผู้จองรถ หรือซื้อรถทุกกลุ่มภายในงานจะได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AJ EV รุ่น Saber Tiger มูลค่า 95,900บาท จํานวน 1 คัน และรุ่น Mine Plus มูลค่า 73,900 บาท จํานวน 1 คัน รวม 2 รางวัลพร้อมชุดผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ Meguiar’s มูลค่า 3,845 บาท จับรางวัลหลังจบงาน