ข่าวจากประเทศอังกฤษ ระบุว่า Renault Rafale E-Tech ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี พลัก-อิน ไฮบริด วางตลาดแล้ว โดยรุ่นสูงสุดตั้งราคาไว้ที่ 45,695 ปอนด์ (ประมาณ 2.9 ล้านบาท) แพงกว่าระดับเดียวกันของรุ่นไฮบริด 3,500 ปอนด์ (ประมาณ 1.52 แสนบาท) ที่วางตลาดเมื่อช่วงต้นปี
รุ่นเปิดตัวใหม่ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Renault Rafale E-Tech 4WD 300hp มีพละกำลังสูงกว่ารุ่นมาตรฐาน ด้วยขุมพลังพลัก-อิน ไฮบริด ที่สามารถเดินทางด้วยไฟฟ้าล้วน 65 ไมล์ (ประมาณ 105 กม.) โดยแชสซีส์ของ Rafale E-Tech เป็นผลงานออกแบบของทีมวิศวกรชุดเดียวกับที่ออกแบบรถสปอร์ท A110 และรถไฟฟ้าแฮทช์แบค A290
Renault Rafale E-Tech ใช้เครื่องยนต์ต้นกำลังเหมือนรุ่นไฮบริด เป็นด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทอร์โบ ความจุ 1.2 ลิตร ให้กำลัง 109 กิโลวัตต์/148 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวทันเมตร/23.4 กก.ม. และทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ชุด โดยมอเตอร์ตัวแรก ให้กำลัง 50 กิโลวัตต์/69 แรงม้า ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อหน้า มอเตอร์ตัวที่ 2 ให้กำลัง 98 กิโลวัตต์/134 แรงม้า ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อหลัง และมอเตอร์ตัวที่ 3 ให้กำลัง 25 กิโลวัตต์/34 แรงม้า ติดตั้งอยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับระบบส่งกำลัง ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟ ทำให้มีกำลังสุทธิ 217 กิโลวัตต์/296 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.4 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นไฮบริด ขับเคลื่อนล้อหน้าถึง 2.5 วินาที
Renault Rafale E-Tech ใช้แบทเตอรีขนาด 22 กิโลวัตต์ชั่วโมง หากใช้โหมด EV สามารถเดินทางด้วยความเร็ว 84 ไมล์/ชม. (ประมาณ 135 กม./ชม.) ได้ไกลถึง 65 ไมล์ (ประมาณ 105 กม.) มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 24.0 กม./ลิตร มาตรฐาน WLTP และมีค่า CO2 ต่ำเพียง 12 กรัม/กม. จึงทำให้ Rafale E-Tech PHEV เป็นรุ่นที่ได้รับเงินชดเชยภาษี BIK ที่ 8 % ที่ประเทศอังกฤษ
Renault Rafale E-Tech มีให้เลือก 2 ระดับการตกแต่ง ได้แก่ Techno Esprit Alpine และ Atelier Alpine มีอุปกรณ์มาตรฐาน คือ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว, ชุดไฟหน้าเมทริกซ์ แอลอีดี, จอแสดงผลฝั่งคนขับขนาด 12.3 นิ้ว, จอสัมผัสกลางขนาด 12 นิ้ว, เฮดอัพดิสเพลย์ รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play และ Android Auto แบบไร้สาย, เบาะนั่งหน้าเพิ่มอุณหภูมิ, ระบบเลี้ยว 4 ล้อ "4Control Advanced" และเทคโนโลยีระบบช่วยการขับขี่ขั้นสูง