ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Geely บริษัทแม่ของ Volvo (วอลโว) ได้ประกาศว่า รถเครื่องยนต์สันดาปภายในต้องอยู่ต่อไปจนถึงทศวรรษหน้า แม้แต่เอสยูวีที่บริโภคเชื้อเพลิงดุเดือดที่สุดก็จะคงอยู่ต่อไป
Volvo ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะมีการปรับปรุง XC90 (เอกซ์ซี 90) ต่อไปหากลูกค้ายังต้องการอยู่ และในปีหน้าเอสยูวีไซซ์ใหญ่เครื่องยนต์เบนซินจะมีอายุครบ 10 ปี หลังจากการปรับโฉมในปี 2562 และอัพเดทล่าสุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จึงมั่นใจว่าจะยังมี XC90 เครื่องยนต์เบนซิน จอดเคียงข้างเวอร์ชันไฟฟ้าล้วนในโชว์รูมต่อไป
แม้ Volvo XC90 เจเนอเรชันก่อนหน้านี้ก็มีช่วงอายุที่ยาวนาน สามารถวางจำหน่ายนานถึง 14 ปี ตั้งแต่ปี 2545-2559 โดยหยุดจำหน่ายพร้อมกับ XC Classic (เอกซ์ซี คลาสสิค) หรือ XC90 เวอร์ชันจีน เนื่องจากได้รับความนิยมสูง จึงทำให้ช่วงเวลาวางตลาดยาวนานกว่ากำหนด แม้ XC90 รุ่นปัจจุบันยังทำยอดขายติดอันดับที่ 3 รองจากรุ่น XC60 (เอกซ์ซี 60) และ XC40 (เอกซ์ซี 40) ซึ่งมีขนาดเล็ก และราคาย่อมเยากว่า
โฆษกของบริษัทแจ้งว่าการวางตลาดของ XC90 จะไม่กระทบต่อยอดขายของ EX90 เนื่องจากทั้งสองรุ่นมีลูกค้าคนละกลุ่มกัน ทั้งยังตั้งราคาอย่างสมเหตุสมผล โดย XC90 มีราคา 58,695 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.04 ล้านบาท) ส่วน EX90 มีราคาสูงกว่าถึง 23,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 7.8 แสนบาท) ส่วน XC90 พลัก-อิน ไฮบริด มีราคา 73,195 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.54 ล้านบาท) มีระยะเดินทางด้วยไฟฟ้าล้วน 33 ไมล์ (53 กม.) ส่วนรถไฟฟ้าล้วน EX90 ทำระยะเดินทางได้ถึง 310 ไมล์ (499 กม.)
ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า XC90 จะมีเจเนอเรชันที่ 3 หรือไม่ โดยเจเนอเรชันปัจจุบันจะถูกวางขายต่อไปอีกระยะหนึ่ง อาจปรับโฉมเป็นครั้งที่ 3 แทนการเปิดตัวรุ่นใหม่ ดังนั้นการตัดสินใจในอนาคตจะขึ้นอยู่กับยอดขายในอนาคตของระบบพลัก-อิน ไฮบริด และไฟฟ้าล้วน หากทำยอดขายระดับ 90-100 % ของยอดขายทั้งหมดในปี 2573 ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทุ่มทุนมหาศาลในการพัฒนารุ่นเครื่องยนต์เบนซินต่อไป
อย่างไรก็ตาม Volvo ยังต้องการให้ EU ยังคงมาตรการแบนเครื่องยนต์สันดาปภายในในปี 2578 ซึ่งทางบริษัทได้ยุติการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลไปแล้ว แม้เป็นเครื่องยนต์ที่เหมาะสมกับรถขนาดใหญ่ และน้ำหนักมากอย่าง XC90 ก็ตาม