ข่าวจากประเทศอังกฤษ ระบุว่า Fiat 500 Hybrid (เฟียต 500 ไฮบริด) จะเริ่มการผลิตในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยส่วนใหญ่แทบไม่ต่างจาก 500e เพียงปรับปรุงห้องโดยสารเล็กน้อย และมาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
Fiat 500 Hybrid จะใช้ฐานการผลิต Mirafiori ในตูริน คาดว่ามีกำลังการผลิตประมาณปีละ 100,000 คัน โดยจะผลิตทั้งรุ่นแฮทช์แบค และรุ่นเปิดประทุน (Cabrio)
ภายนอกแทบไม่ต่างจากรถไฟฟ้า 500e นอกจากกระจังหน้าที่มีช่องรับอากาศสำหรับเครื่องยนต์ ใต้ฝากระโปรงเป็นเครื่องยนต์ Firefly ของ Stellantis (สเตลแลนทิส) ที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และประสิทธิภาพสูง เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ความจุ 1.0 ลิตร ไมล์ด์ไฮบริด
ห้องโดยสารของ Fiat 500 ไม่ต่างจาก 500e มีจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว, แดชบอร์ดเพิ่มช่องเก็บของทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ และมีคันเกียร์ใกล้กับพวงมาลัยเหมือน Fiat 500 รุ่นก่อน
Fiat 500 Hybrid ใหม่ เป็นรถแบบแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรป ที่นำรถไฟฟ้ามาติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน เนื่องจากความท้าทาย 2 ประการของบริษัท
ประการแรก คือ ต้องการเพิ่มยอดการผลิตที่โรงงาน Mirafiori เนื่องจากการชะลอตัวของยอดขายรถแฮทช์แบครุ่น 500e และ Abarth 500e จนทำให้โรงงานต้องหยุดการผลิตหลายครั้งเมื่อปีที่แล้ว
อีกประการหนึ่ง คือ จากการยุติการผลิต Fiat 500 รุ่นเก่า (เป็นยอดขายหลักของรุ่น 500) ซึ่งมีอายุถึง 17 ปี และขัดกับกฎหมายความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ EU ซึ่งการปรับปรุงเพื่อจดทะเบียนใหม่มีค่าใช้จ่ายสูง
การผลิต Fiat 500 Hybrid น่าจะช่วยเพิ่มยอดการผลิตให้โรงงาน Mirafiori มากขึ้น ทั้งเป็นการสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งมีความต้องการใช้รถไฟฟ้าลดลง
ก่อนหน้านี้ Fiat ได้ทุ่มเงินลงทุน 100 ล้านยูโร (ประมาณ 3.8 พันล้านบาท) เพื่อออกแบบพแลทฟอร์มรองรับเทคโนโลยีแบทเตอรีใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ Fiat 500e รุ่นใหม่ มีราคาจับต้องได้ และคาดว่าจะเปิดตัวได้ในปี 2569