ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่ง ของผู้ผลิตรถยนต์ในสังกัดของกลุ่มบริษัทรถยนต์ STELLANTIS NV (สเตลแลนทิส เอนวี) ที่นำผลงานมาเล่าสู่กันฟังในเดือนนี้ เป็นผลงานของบริษัท DS AUTOMOBILES ซึ่งเพิ่งแยกกิจการออกจากบริษัทแม่ คือ AUTOMOBILES CITROEN เมื่อปี 2014 นี่เอง
ตามข้อมูลเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2025 ในเมืองแม่คือฝรั่งเศส DS AUTOMOBIOLES มีรถให้เลือกใช้รวม 5 อนุกรม คือ DS 3 (เดแอส 3) DS 4 (เดแอส 4) DS NO.4 (เดแอส นือเมโร 4) DS 7 (เดแอส 7) และ DS NO.8 (เดแอส นือเมโร 8)
DS 3 เป็นรถเก๋งแฮทช์แบค 5 ประตู 5 ที่นั่ง ขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด ที่อยู่ในสายการผลิตมายาวนานตั้งแต่ปี 2209 คือ ตั้งแต่ยังไม่มีการแยกตัว รถที่จำหน่ายปัจจุบันเป็นรถรุ่นที่ 2 เปิดตัว และเริ่มการจำหน่ายเมื่อปี 2018 มีทั้งรถเบนซินพร้อมระบบ MILD HYBRID หรือไฮบริดแบบอ่อน และรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ใช้ชิ้นส่วนร่วมกันกับรถร่วมค่ายร่วมเครืออีกหลายแบบ เช่น CITROEN C3 (ซีตรอง เซ 3) และ PEUGEOT 208 (เปอโฌต์ 208)
DS 4 เป็นรถเก๋งแฮทช์แบค 5 ประตู 5 ที่นั่ง ขนาดเล็กกะทัดรัด อยู่ในสายการผลิตมายาวนานตั้งแต่ปี 2010 รถรุ่นปัจจุบันซึ่งเป็นรุ่นที่ 2 เพิ่งได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ “ยกหน้า” พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น DS NO.4 เมื่อต้นปี 2025 นี่เอง
DS 7 หรือที่เดิมเคยใช้ชื่อ DS 7 CROSSBACK (เดแอส 7 ครอสส์แบค) เป็น COMPACT CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัด ที่เริ่มการผลิตเมื่อปี 2017 และขณะนี้มีรถให้เลือก 2 แบบ คือ รถดีเซลกับรถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ระบบขับเคลื่อนก็เลือกได้ 2 แบบ คือ ขับล้อหน้า กับขับทุกล้อ
ส่วน DS NO.8 เป็นรถอนุกรมใหม่ล่าสุด เปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคม 2024 และเพิ่งเริ่มการผลิตที่โรงงานของ FIAT (เฟียต) ในเมือง MELFI ของอิตาลี เมื่อเดือนเมษายน 2025 นี่เอง
เป็น MID-SIZE LUXURY CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ระดับหรูขนาดกลาง และรถอนุกรมแรกของค่ายนี้ที่ใช้ตัวย่อ NO. (อ่านว่า “นัมเบอร์” ในภาษาอังกฤษ และอ่านว่า “นือเมโร” ในภาษาฝรั่งเศส) เป็นชื่อรุ่น
ตัวถัง 5 ประตู ท้ายลาด ยาว 4.820 ม. กว้าง 1.900 ม. และสูง 1.580 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 2.900 ม. มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำสุด 0.24 ออกแบบพัฒนาโดยทีมงานซึ่งมี THOMAS DUHAMEL นักออกแบบชาวฝรั่งเศสเป็นผู้นำ รูปทรงองค์เอว และรายละเอียดของตัวถังภายนอก เห็นได้ชัดว่าแตกต่างอย่างมากจากรถร่วมค่ายอนุกรมอื่น การพิถีพิถันในบางจุด ตัวอย่างเช่น ที่จับเปิดประตูซึ่งซ่อนอยู่ในตัวถังอย่างแนบเนียน และไร้การสะดุดลม ฯลฯ ส่งผลในทางบวกต่อคุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ และช่วยเพิ่มระยะการเดินทางได้มากถึง 60 กม.
รถที่เริ่มจำหน่ายแล้วในเมืองน้ำหอม แบ่งการตกแต่ง/ติดตั้งอุปกรณ์ที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า TRIM เป็น 2 ระดับ กำกับด้วยรหัส PALLAS กับ ETOILE และมีการตกแต่งแบบพิเศษอีก 1 ระดับ คือ JULES VERNE COLLECTION ซึ่งตั้งชื่อเพื่อเป็นที่ระลึกแก่นักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อดัง ซึ่งมีอายุระหว่างปี 1828-1905
เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งมีระบบขับให้เลือก 3 แบบ คือ (1) FWD (2) FWD LONG RANGE (3) AWD LONGE RANGE
FWD หรือระบบขับล้อหน้า ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 169 กิโลวัตต์/230 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีขนาดความจุใช้งาน 74 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะเดินทาง 572 กม. และมีอัตราสิ้นเปลืองพลังไฟฟ้าเฉลี่ย 12.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. หรือ 7.8 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTP รถที่ติดตั้งระบบนี้สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม.
FWD LONG RANGE หรือระบบขับล้อหน้า ระยะเดินทางยาว ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 180 กิโลวัตต์/245 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีขนาดความจุใช้งาน 97.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะเดินทาง 750 กม. และมีอัตราสิ้นเปลืองพลังไฟฟ้าเฉลี่ย 12.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. หรือ 7.8 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง เท่ากันกับระบบแรก ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลามากกว่ากันนิดนึง คือ 7.8 วินาที ความเร็วสูงสุดก็เท่ากันกับระบบแรก คือ 190 กม./ชม.
AWD LONG RANGE หรือระบบขับทุกล้อ ระยะเดินทางยาว ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด กำลังรวม 257 กิโลวัตต์/350 แรงม้า และแบทเตอรีขนาดความจุ 97.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง เท่ากันกับระบบที่ 2 มีระยะเดินทาง 686 กม.และมีอัตราสิ้นเปลืองพลังไฟฟ้าเฉลี่ย 14.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. หรือ 7.0 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้เร็วมาก คือแค่ 5.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม.
มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในระบบขับทั้ง 3 แบบนี้ เป็นสินค้าซึ่งผลิตในฝรั่งเศส ส่วนแบทเตอรี NMC หรือ NICKEL-MANGANESE-COBALT ที่ใช้ ก็เป็นสินค้าผลิตในฝรั่งเศสเช่นกัน
รถโมเดลพื้นฐาน คือ DS NO.8 PALLAS FWD 230 HP ค่าตัวในฝรั่งเศสเริ่มต้นที่ 59,500 ยูโร หรือประมาณ 2.26 ล้านบาทไทย