รถล่าสุด
รวมรถเด่นจาก BMW และ MINI ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 หรือ Thailand International Motor Expo 2024
BMW X3 M50 xDrive และ X3 20d xDrive M Sport Pro
ราคา: รอการประกาศอย่างเป็นทางการ
BMW X3 (บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 3) กลับมาอีกครั้งในเจเนอเรชันที่ 4 เพื่อสานต่อความสำเร็จในฐานะรถยนต์อเนกประสงค์มากความสามารถที่ลูกค้า BMW ในประเทศไทยต่างไว้วางใจ โดยในรุ่นล่าสุดนี้ มาพร้อมกับดีไซจ์นที่ให้อารมณ์สปอร์ทยิ่งขึ้นและสง่างามกว่าเดิม พร้อมเสริมทั้งประสิทธิภาพและความคล่องตัวให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ลูกค้าในไทยยังจะได้สัมผัสกับ X3 ที่มีประสิทธิภาพระดับ M Performance เป็นครั้งแรก กับการเปิดตัว BMW X3 M50 xDrive
ทรวดทรงด้านข้างของBMW X3 ใหม่ โดดเด่นด้วยสเกิร์ท และแนวหลังคาที่ทอดยาวไปด้านท้ายรถ ซุ้มล้อหลังขนาดใหญ่ส่งให้ช่วงท้ายรถดูกว้างขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่กระจกหลังถูกล้อมกรอบด้วยสปอยเลอร์บนหลังคาและที่บังลมด้านข้าง BMW X3 20d xDrive M Sport Pro ใหม่ ซ่อนปลายท่อไอเสียไว้ในกันชนท้าย มาพร้อมล้อแมก M ขนาด 20 นิ้วในดีไซจ์น Double spoke แบบสลับสี ส่วน BMW X3 M50 xDrive ขับเน้นความสปอร์ทอย่างเต็มพิกัดด้วยชุดท่อไอเสียคู่ทั้งด้านซ้าย และขวา พร้อมล้อแมก M ขนาด 21 นิ้ว ลาย Star spoke แบบสลับสี
ภายในห้องโดยสาร BMW X3 ใหม่ ผสานความสารพัดประโยชน์ในแบบ SAV ตัวจริง เข้ากับความกว้างขวาง โอ่อ่า และบรรยากาศสุดพรีเมียม โดยในส่วนของที่นั่งคนขับยังคงเน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางด้วยองค์ประกอบครบครัน ทั้งจอโค้ง BMW Curved Display ระบบควบคุมมัลทิฟังค์ชัน BMW Interaction Bar พวงมาลัยแบบตัดขอบล่าง และคันเกียร์ที่มาในดีไซจ์นใหม่ ส่วนไฟในห้องโดยสารก็ได้รับการออกแบบมาในโทนสีที่ตัดกันอย่างลงตัวบนพื้นผิวคอนโซลหน้ารถ และบานประตู โดยจัดวางเป็นกรอบรอบปุ่มควบคุมฟังค์ชันต่าง ๆ ช่องแอร์ และมือจับประตู ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระก็กว้างขวางสมกับความอเนกประสงค์ของตระกูล X3 ด้วยความจุสัมภาระสูงสุด 1,700 ลิตร เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าถึง 570 ลิตร ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้สัมผัสความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ด้วยเบาะนั่งสไตล์สปอร์ทที่ปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า และหุ้มด้วยวัสดุ Veganza ในรุ่น X3 20d xDrive M Sport Pro ส่วนรุ่นใหญ่อย่าง X3 M50 xDrive ถือเป็นครั้งแรกที่นำหนัง BMW Individual leather Merino มาใช้กับเบาะในรุ่น X3 เช่นเดียวกับแผงควบคุมด้านหน้าในชุดแต่ง Luxury ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในรุ่นนี้ด้วยพื้นผิวแบบถักจากวัสดุรีไซเคิลในลุคสุดเรียบหรู
BMW X3 20d xDrive M Sport Pro ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์ / 197 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แบบทันใจในเวลา 7.7 วินาที ส่วนตัวแรง X3 M50 xDrive ซึ่งเป็น X3 ที่มีสมรรถนะ M Performance เป็นรุ่นแรกในตลาดไทย ยกระดับความตื่นเต้นทั้งบนท้องถนน และเส้นทางออฟโรดไปอีกขั้นด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบ เทคโนโลยี TwinPower Turbo ความจุ 3.0 ลิตร ส่งกำลังสูงสุด 293 กิโลวัตต์ / 398 แรงม้า สู่ล้อทั้งสี่ผ่านเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 จังหวะ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ BMW xDrive ทั้งหมดนี้ทำให้BMW X3 M50 xDrive ใหม่ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ได้ในเวลาเพียง 4.6 วินาที นอกจากนี้ BMW X3 ใหม่ ทั้งสองรุ่น ยังพร้อมเติมความแรง ให้การตอบสนองที่ฉับไวยิ่งกว่าเมื่อกดคันเร่งด้วยระบบ Sport Boost โดยทั้งสองรุ่นนำระบบ mild hybrid 48V มาทำงานคู่กับเครื่องยนต์หลักเพื่อให้ส่งกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและประหยัดน้ำมันมากขึ้นไปพร้อมกัน
BMW M5 ใหม่
ราคา: 12,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพคเกจ BSI Standard)
BMW M5 ใหม่ พร้อมเบรคเซรามิก
ราคา: 13,699,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพคเกจ BSI Standard)
BMW M5 (บีเอมดับเบิลยู เอม 5) ใหม่ กลับมาสืบสานตำนานแห่งสมรรถนะ 40 ปีเต็มด้วยรุ่นล่าสุดในเจเนอเรชันที่ 7 ที่นำระบบส่งกำลังแบบไฮบริดมาปรับใช้เป็นครั้งแรกในรถซีดานตัวแรงในตำนานรุ่นนี้ ด้วยขุมพลังเทคโนโลยี M HYBRID ที่พัฒนาขึ้นสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ ดึงสมรรถนะจากเครื่องยนต์ทรงกำลัง V8 ขนาด 4.4 ลิตร เทคโนโลยี M TwinPower Turbo ส่งกำลังได้สูงสุดถึง 430 กิโลวัตต์ / 585 แรงม้า มาจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์ / 197 แรงม้า และเกียร์ M Steptronic 8 จังหวะ ผลลัพธ์ที่ออกมาคือพละกำลังมหาศาล รวมกว่า 535 กิโลวัตต์ / 727 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,000 นิวทันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.5 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ถูกจำกัดไว้ที่ 305 กม./ชม.พร้อม M Driver’s Package (สามารถปลดล็อกความเร็วสูงสุดได้ที่ศูนย์บริการBMW หลังจากขับขี่ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2,000 กม.) ด้วยเทคโนโลยีแชสซีขั้นสูงที่ปรับแต่งมาให้เข้ากับสมรรถนะของตัวรถโดยเฉพาะ BMW M5 ใหม่ จึงเร็ว แรง และนิ่งกว่าคู่แข่งในเซกเมนต์นี้อย่างชัดเจน พร้อมยกระดับสมรรถนะในแบบ M สู่มิติใหม่
นอกจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถส่งกำลังได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทำงานผสานกันอย่างชาญฉลาดกับเครื่องยนต์สันดาปแล้ว ระบบส่งกำลัง M HYBRID ยังนำเทคโนโลยีสุดล้ำจากรถแข่งแบบ endurance ของBMWมาปรับใช้เพื่อให้ตัวรถตอบสนองต่อทุกสัมผัสคันเร่งได้ในพริบตา ส่วนระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ทก็ผ่านการปรับแต่งมาอย่างประณีตเพื่อมอบเสียงเครื่องยนต์ที่ทรงพลังสมกับสมรรถนะ ทั้งยังสะดุดตาด้วยปลายท่อไอเสียในสี Black Chrome ขนาด 100 มม. ในโหมดการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วน BMW M5 ใหม่ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 140 กม./ชม. และยังมอบเสียงเครื่องยนต์ที่เพลินหูได้ไม่แพ้โหมดขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ ผ่านระบบ BMW IconicSounds Electric ที่ส่งเสียงตอบสนองทุกการควบคุม
พละกำลังมหาศาลจากเครื่องยนต์ของ BMW M5 ใหม่ ถูกส่งลงสู่พื้นถนนผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive พร้อมการปรับแต่งให้เน้นส่งกำลังไปที่ล้อหลัง ผู้ขับขี่ยังสามารถเปิดใช้งานโหมด 2WD เพื่อส่งกำลังไปที่ล้อหลังเท่านั้น พร้อมปิดระบบ DSC (Dynamic Stability Control) เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ฉับไวและเร้าใจที่สุด นอกจากนี้ พวงมาลัยแบบ M Servotronic ระบบบังคับเลี้ยวแบบสี่ล้อ Integral Active Steering และช่วงล่าง Adaptive M ที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะสำหรับสมรรถนะระดับ M ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถกำหนดลักษณะการขับขี่ของ BMW M5 ใหม่ ได้ในทุกมิติ และเลือกได้ระหว่างการเสริมความสะดวกสบายหรือสมรรถนะให้เข้ากับความต้องการในแต่ละทริพ
BMW M4 CS ใหม่
ราคา: 14,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
ไลน์อัพ BMW M ในประเทศไทย ยังต้อนรับน้องใหม่ตัวแรงอย่าง BMW M4 CS (บีเอมดับเบิลยู เอม 4 ซีเอส) ซึ่งถือเป็นรุ่นพิเศษที่ยกระดับสมรรถนะของ BMW M4 คูเป ให้ส่งมอบความแรงในระดับรถแข่ง ที่แฝงอยู่ในรถสปอร์ทแบบ 4 ที่นั่ง โดย M4 CS ใหม่ เป็นรุ่นอยู่ระหว่างรุ่น M4 Competition Coupe และ M4 CSL ทั้งยังผ่านการพิสูจน์ความเร็วมาแล้วจากสนาม Nürburgring Nordschleife อันเลื่องชื่อ ด้วยเวลารอบเพียง 7 นาที 21.989 วินาที
เพียงแรกเห็น ทุกคนต้องสัมผัสได้ถึงความสปอร์ทในสไตล์รถแข่งของBMW M4 CS ใหม่ ที่ดูโฉบเฉี่ยวสมกับเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงอันทรงพลังที่ซ่อนอยู่ภายใน เครื่องยนต์กำลังสูงขนาด 3.0 ลิตรพร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo ในเวอร์ชันที่พัฒนาขึ้นสำหรับ BMW M3 และ M4 โดยเฉพาะ และยังเป็นเครื่องยนต์ที่เป็นรากฐานของการพัฒนารถแข่งจากBMW M4 GT3 จึงได้รับเทคโนโลยีสุดล้ำจาก BMW M มาอย่างเต็มตัว พร้อมเผชิญกับโจทย์ที่ท้าทายระดับเดียวกับการลงสนามแข่ง ด้วยพละกำลัง 405 กิโลวัตต์ / 551 แรงม้า ซึ่งสูงกว่าในรุ่น M4 Competition Coupe อยู่ 15 กิโลวัตต์ / 20 แรงม้า ด้วยการปรับจูนเฉพาะระบบ M TwinPower Turbo เท่านั้น ส่วนแรงบิดสูงสุดที่ 650 นิวทันเมตร ส่งกำลังได้ต่อเนื่องยิ่งขึ้นที่รอบเครื่องตั้งแต่ 2,750 ไปจนถึง 5,950 รตน.การตอบสนองที่ฉับไวและรอบเครื่องยนต์ที่สูงช่วยให้BMW M4 CS มีอัตราเร่งในระดับแถวหน้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.ได้ใน 3.4 วินาที และใช้เวลาเพียง 11.1 วินาทีเพื่อเร่งความเร็วจาก 0-200 กม./ชม. โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 302 กม./ชม.
BMW 320d M Sport ใหม่
ราคา: 2,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพคเกจ BSI Standard)
BMW 320d M Sport (บีเอมดับเบิลยู 320 ดี เอม สปอร์ท) ใหม่ ปรับโฉมห้องโดยสารเพื่อเติมทั้งบรรยากาศความสปอร์ท และความสะดวกสบายให้เข้มข้น ครบครันกว่าเดิม ตั้งแต่พวงมาลัยหนังสไตล์ M แบบตัดขอบล่าง ชุดแต่งแผงคอนโซลหน้าแบบ Luxury ที่แต่งด้วยผิวอะลูมิเนียมด้าน ไปจนถึงปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศใหม่ที่ใช้ปรับทิศทางลมได้ทั้งช่องแอร์กลาง ช่องฝั่งคนขับ และฝั่งผู้โดยสาร
BMW 320d M Sport ใหม่ เลือกใช้ขุมพลังดีเซลที่ลูกค้าไทยต่างไว้วางใจ กับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เทคโนโลยี TwinPower Turbo ให้พละกำลัง 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวทันเมตรที่ 1,750-2,500 รตน. ทำงานผสานกับระบบเกียร์ Sport Steptronic 8 จังหวะ ช่วยให้ BMW 320d M Sport ใหม่ ทำเวลาจาก 0-100 กม./ชม.ได้อยู่ที่ 7 วินาที
MINI Countryman S ALL4 Classic และ Hightrim
ราคา: ประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567
MINI Countryman S ALL4 (มีนี คันทรีแมน เอส ออลล์ 4) ใหม่ มีดีไซจ์นสวยสะอาดตาเช่นเดียวกับคันทรีแมน รุ่นพลังงานไฟฟ้าที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม โดยยังคงความโดดเด่นด้วยโครงสร้างตัวรถที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมินิ แต่เติมสีสันให้แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าด้วยตัวเลือกสีใหม่ น้ำเงิน Slate Blue ตัดกับหลังคาสีดำ Jet Black โดยในรุ่น Classic เลือกใช้ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว ดีไซจ์น Asteroid Spoke และรุ่น Hightrim มาพร้อมกับล้อแมกขนาด 19 นิ้วแบบทูโทน ดีไซจ์น Kaleido Spoke
ด้านเครื่องยนต์ และสมรรถนะ MINI Countryman S ALL4 ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี TwinPower Turbo ที่แฟนๆ MINI รู้จักและคุ้นเคย ส่งกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ / 204 แรงม้า และแรงบิด 300 นิวทันเมตร ลงสู่ล้อทั้งสี่ผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 ทั้งรุ่น Classic และ Hightrim มอบสมรรถนะและความคล่องตัวระดับเดียวกัน ด้วยอัตราการเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.ที่ 7.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 228 กม./ชม.
สำหรับชุดแต่งภายนอก ทั้งรุ่น Classic และ Hightrim ติดตั้งไฟหน้า LED พร้อมระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติมาให้ทั้งคู่ เช่นเดียวกับฝาครอบกระจกข้างสีดำ และราวหลังคาสำหรับขนสัมภาระบนหลังคารถ รุ่น Hightrim โดดเด่นกว่าด้วยบรรยากาศที่แตกต่างในห้องโดยสาร เปิดรับสภาพแวดล้อมภายนอกผ่านหลังคากระจกแบบพาโนรามิค ส่วนรุ่น Classic ก็ยังสวยสะดุดตาทั่วทั้งห้องโดยสาร ด้วยพวงมาลัยแบบสปอร์ท เบาะนั่งคนขับแบบ active seat เบาะหลังปรับได้ แท่นชาร์จไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟน และหน้าจอ OLED ทรงกลมขนาดใหญ่ที่เป็นหัวใจของการออกแบบห้องโดยสารใน MINI เจเนอเรชันนี้ ทั้งยังเป็นประตูสู่ฟังค์ชันอำนวยความสะดวกมากมายจาก MINI Connected อีกด้วย
ส่วนรุ่น Hightrim ยกระดับความหรูหราภายในไปอีกขั้น ด้วยเบาะนั่งสไตล์สปอร์ทแบบ John Cooper Works เพดานห้องโดยสารมาดขรึมในสีดำ Anthracite และระบบเสียงเซอร์ราวด์จาก Harman Kardon ส่วนวัสดุ รุ่น Classic เลือกหุ้มเบาะนั่งด้วยผ้าและหนังเทียม Vescin สีดำตัดน้ำเงิน และรุ่น Hightrim ใช้หนังเทียม Vescin ล้วนในโทนสีน้ำตาล Vintage Brown และดำ Dark Petro
l