ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
กรมการขนส่งทางบก จัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย”
กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน จัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ชวนเจ้าของรถตรวจเชคสภาพรถให้พร้อมก่อนเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ฟรี !!! ณ ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐ และเอกชนทั่วประเทศ ตลอดเดือนธันวาคม 2567 นี้
เสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา และเดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก จึงขอแนะนำผู้ขับขี่รถในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ควรตรวจเชคสภาพรถให้มีความพร้อมก่อนเดินทางทุกครั้งเพื่อให้เกิดความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบก ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ และเอกชน จัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” เปิดให้บริการตรวจสภาพความพร้อมของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์เบื้องต้นก่อนออกเดินทาง กว่า 20 รายการ โดยไม่คิดค่าบริการ เช่น การตรวจระบบเบรค, สภาพยาง, การทำงานของเครื่องยนต์, ระดับน้ำมันเครื่อง และความสกปรกของน้ำมันเครื่อง, หม้อน้ำ และรอยรั่ว, ไส้กรองอากาศ, การทำงานของไฟส่องสว่าง และไฟสัญญาณต่างๆ เป็นต้น ซึ่งจะได้รับการดูแลจากช่างผู้ชำนาญงาน ทั้งนี้บางหน่วยงานยังมีบริการตรวจเชคลูกหมากปีกนก, ลูกปืนล้อ, ตรวจถังน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงท่อ และข้อต่อน้ำมันเชื้อเพลิงให้เพิ่มเติม ทั้งยังให้ส่วนลดค่าอะไหล่บางรายการอีกด้วย ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐ และเอกชน ทั่วประเทศ รวมกว่า 2,000 แห่ง ที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567
การร่วมมือกับภาครัฐ และเอกชนในครั้งนี้ มีความมุ่งมั่นเพื่อส่งเสริมให้ผู้ขับขี่ตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนน และเห็นความสำคัญในการตรวจเชคเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ ส่วนควบของรถก่อนออกเดินทางซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาคีเครือข่ายภาครัฐ และเอกชน ได้แก่ สมาคมตรวจสภาพรถเอกชนไทย, สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์, สถาบันยานยนต์, สมาคมการค้าไทย-ยุโรป (TEBA), สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย, บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด, บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ซูซูกิ โมโตเซลส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด, บริษัท บี-ควิก จำกัด, บริษัท ฟอร์ซเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (ศูนย์บริการ AutoQuiks), บริษัท สยามมิชลิน จำกัด, บริษัท ไทร์พลัสส์ จำกัด, บริษัท ออโต้ ฟิต เซนเตอร์ จำกัด, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด, บริษัท คาร์เวิลด์ คลับ จำกัด, บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด และบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมเมื่อทราบว่าต้องขับรถเป็นระยะทางไกลๆ โดยพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง หากมีอาการเหนื่อยล้าระหว่างการเดินทางควรหยุดพักในจุดที่ปลอดภัย ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพิ่มความระมัดระวังเมื่อต้องขับขี่ในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย เพื่อให้การเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 เป็นการเดินทางที่มีความสุข และปลอดภัย
..................................................................................................................
Rolls-Royce เปิดตัว Cullinan Series II
กฤษฎา สวามิภักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป Rolls-Royce Motor Cars Bangkok กล่าวว่า Rolls-Royce Motor Cars Bangkok ให้ความสำคัญกับการนำเสนอประสบการณ์ระดับอุลทราลักชัวรี ให้แก่ลูกค้าคนสำคัญของเรามาแบบครบวงจร ผ่านพนักงานทุกระดับ และทุกภาคส่วน ที่ได้รับการอบรม และพัฒนาศักยภาพในการให้บริการระดับลักชัวรีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่เราได้รังสรรค์ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจสูงสุด ตั้งแต่วันแรกที่รับรถ เสมือนเป็นที่ปรึกษา หรือเพื่อนที่รู้ใจ ตอบโจทย์ความต้องการต่างๆ ได้อย่างละเอียด และพิถีพิถัน พร้อมความมั่นใจกับบริการหลังการขาย ด้วยศูนย์บริการมาตรฐานสากล เช่นเดียวกับโชว์รูม Rolls-Royce Motor Cars ทั่วโลก
หลังจากที่ลูกค้าได้เริ่มทยอยรับรถ Rolls-Royce Cullinan (โรลล์ส-รอยศ์ คัลลิแนน) ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันยอดเยี่ยมในการขับเคลื่อนบนเส้นทางออฟโรด เพื่อนำพาลูกค้าไปในสถานที่ซึ่ง Rolls-Royce ไม่เคยทำได้มาก่อน อย่างไรก็ดี การเป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์ และการขับเคลื่อนแบบ Effortless Everywhere ก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้เจ้าของรถหลายท่าน เลือกใช้ Rolls-Royce Cullinan ในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งกล่าวว่า ไม่มีเอสยูวีหรูรุ่นใด สามารถให้การขับเคลื่อนที่นุ่มนวล และทรงพลังได้เหมือนเครื่องยนต์เบนซิน วี 12 สูบ 6.75 ลิตร ของ Rolls-Royce ซึ่งจุดเด่นทั้งหมดข้างต้น ได้รับการนำมาหลอมรวม เพื่อพัฒนาเป็น Rolls-Royce Cullinan Series II
ทางผู้ผลิตทราบดีว่า กลุ่มลูกค้า Rolls-Royce ส่วนมากมักใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ ทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมถึงกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และมีการเติบโตสูง ทำให้ Rolls-Royce Cullinan เป็นยนตรกรรมซูเพอร์ลักชัวรี ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความโดดเด่นเหนือระดับ พร้อมกับความสามารถที่จะทะยานไปในดินแดนที่เต็มไปด้วยเส้นทางธรรมชาติได้ทันทีที่ต้องการ นอกจากนั้น ผลศึกษายังแสดงให้เห็นว่าลูกค้าปัจจุบันนิยมขับรถด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น ย้อนกลับไปช่วงที่ Cullinan เพิ่งเปิดตัว มีจำนวนเจ้าของรถที่ขับเองไม่ถึง 70 % แต่ปัจจุบัน Cullinan เกือบทั้งหมดขับโดยเจ้าของรถ โดยเหลือสัดส่วนไม่ถึง 10 % ที่ยังคงใช้พนักงานขับรถ เมื่อผสานกับภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ที่มีความกระฉับกระเฉงมากขึ้น รวมถึงโปรแกรม Bespoke ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถตกแต่งรถได้ตามจินตนาการ ส่งผลให้ช่วงอายุโดยเฉลี่ยสำหรับเจ้าของรถยนต์ Cullinan ลดลงจาก 56 ปี เมื่อปี 2553 เหลือเพียง 43 ปี ในปัจจุบัน
การเน้นใช้งานในเมืองใหญ่ และการที่ลูกค้านิยมขับเองมากขึ้น ทำให้รูปลักษณ์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ของ Rolls-Royce Cullinan Series II สะท้อนความระยิบระยับของแสงไฟจากตึกระฟ้าในเมืองใหญ่ เห็นได้ชัดจากเดย์ไทม์ รันนิง ไลท์ที่เพิ่มความยาวในแนวดิ่ง เพิ่มความโดดเด่นให้แก่ Cullinan Series II ทั้งในเวลากลางวัน และกลางคืน
ด้านหน้าของ Cullinan Series II เน้นเส้นสายเหลี่ยมสัน และขอบมุมที่คมกริบ ส่งผลให้รูปลักษณ์โดยรวมมีความโดดเด่น และชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะที่เส้นสายกันชนหน้าดูคล้ายอักษร V แบบตื้น ลากจากจุดต่ำสุดของเดย์ไทม์ รันนิง ไลท์ ไปถึงจุดกึ่งกลางของด้านหน้า สะท้อนเส้นสายของเรือยอชท์ทรงสปอร์ท ส่วนด้านล่างเป็นช่องระบายอากาศที่ออกแบบให้มีครีบเอนออกไปด้านข้าง ส่งผลให้รถดูเตี้ยเมื่อมองจากด้านหน้า นอกจากนั้น ก็มีกระจังหน้าแพนธิออนแบบเรืองแสงติดตั้งบริเวณจุดกึ่งกลาง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Cullinan ได้รับการติดตั้งกระจังหน้าเรืองแสง โดยปรับแต่งให้ดูเตี้ยลง ประกบบน-ล่างด้วยคิ้วโครเมียมแบบใหม่ ได้รับแรงบัลดาลใจจากรุ่นสูงสุดอย่าง Phantom Series II (แฟนทอม ซีรีส์ ทู)
ขณะที่เส้นสายด้านหน้ามีความเป็นเหลี่ยมสัน ผู้ผลิตก็ได้เพิ่มลูกเล่นในด้านท้าย เป็นเส้นสายเล็กๆ แต่ชัดเจน ลากจากใต้ไฟท้ายลงไปหาจุดกึ่งกลางของฝาปิดดุมล้อที่มีสัญลักษณ์ RR บริเวณล้อคู่หลัง ช่วยเพิ่มความปราดเปรียวให้แก่รถ และสะท้อนการขับเคลื่อนไม่หยุดนิ่ง เพิ่มเติมรายละเอียดด้วยกันชนท้ายสีดำเงา ตัดกันกับพื้นถนน สร้างความโดดเด่นให้มุมมองด้านท้าย
ยิ่งไปกว่านั้น นับเป็นครั้งแรกสำหรับ Cullinan ที่ล้อ และยางได้รับการเพิ่มขนาดเป็น 23 นิ้ว ซึ่งล้อแต่ละวงได้รับการขึ้นรูปจากก้อนอลูมิเนียม มาพร้อมลาย 7 ก้าน ที่สามารถเลือกแบบปัดเงาบางส่วน หรือทั้งหมดได้ตามต้องการ
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ Rolls-Royce Cullinan Series II ก็พบกับที่สุดแห่งความหรูหรา ที่ผ่านการเพิ่มเติมรายละเอียดให้เลอค่าเหนือระดับ เริ่มจากความเงางามของแดชบอร์ดที่ผลิตจากกระจกทั้งชิ้น สะท้อนงานฝีมือสุดประณีต เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างลงตัว
ติดตั้งมาตรวัดดิจิทอลหน้าผู้ขับ รวมถึงจอแสดงผลกลางแดชบอร์ด Central Information Display ได้รับการออกแบบใหม่ให้ส่องสว่างตลอดเวลา แสดงถึงความล้ำสมัยของระบบควบคุม สปิริทอันทันสมัย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งมาตรวัดดิจิทอลใน Rolls-Royce เครื่องยนต์เบนซิน วี 12 สูบ อย่าง Cullinan หลังเริ่มใช้กับยนตรกรรมไฟฟ้าล้วน Spectre (สเปคเตอร์) เป็นรุ่นแรก และเป็นเสมือนการเชื่อมโยงเพื่อก้าวไปสู่โลกดิจิทอลเต็มตัว โดยลูกค้าสามารถกำหนดสีของมาตรวัดดิจิทอล ให้แมทช์กับสีของห้องโดยสาร หรือตัวถังได้ตามต้องการ
ครบครันเรื่องความบันเทิง และการเชื่อมต่อกับโลกอินเตอร์เนท จาก Wi-Fi Hotspot ภายในรถผู้โดยสารด้านหลังสามารถเชื่อมต่อกับจออินโฟเทนเมนท์ทั้ง 2 ตัว ได้อย่างอิสระ พร้อมเพลิดเพลินไปกับระบบเครื่องเสียง Bespoke Audio 18 ลำโพง พร้อมแอมพลิฟายเออร์ 18 แชนแนล 1,400 วัตต์ ที่ใช้ประโยชน์จากช่องว่างในโครงสร้างตัวถังอลูมิเนียม ให้เกิดความถี่เสียงที่ละเอียด และไพเราะ ทำให้รถทั้งคันเป็นเสมือนซับวูเฟอร์ขนาดยักษ์ ทว่า หากลูกค้าต้องการความเป็นส่วนตัว ก็เป็นครั้งแรกสำหรับ Cullinan ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อบลูทูธทุกประเภทได้อย่างอิสระ
นอกจากนั้น ผู้ครอบครอง Rolls-Royce Cullinan ยังได้รับสิทธิ์เข้าถึงแอพลิเคชันสุดเอกซ์คลูซีฟ Whispers บนสมาร์ทโฟน ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า อาทิ การส่งโลเคชันเข้าสู่ระบบนำทางของรถ, ติดตามตำแหน่งรถจากระยะไกล และการสั่งเปิด-ปิดประตูรถ เป็นต้น
แดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) เริ่มใช้ครั้งแรกกับรุ่น Ghost (โกสต์) ตามด้วยรุ่น Spectre และปัจจุบันได้นำมาติดตั้งเป็นครั้งแรกใน Rolls-Royce Cullinan โดยใช้เทคนิคการฉลุด้วยเลเซอร์ที่ในตำแหน่ง และองศาที่ต่างกัน รวมกว่า 7,000 ตำแหน่ง เพื่อให้แสงสว่างด้านหลังเล็ดลอดออกมา เกิดเป็นลวดลายคำว่า Cullinan พร้อมภาพจำลองของตึกระฟ้ายามค่ำคืน หรือหากลูกค้าต้องการสร้างคำ หรือภาพอื่นๆ ก็สามารถสั่งได้ ถัดมาด้านขวากันเป็นอีกไฮไลท์สำคัญ คือ Spirit of Ecstasy Clock Cabinet หรือนาฬิกาแบบใหม่ ที่มาพร้อมนางฟ้าเรืองแสง ผลิตจากสเตนเลสส์ทั้งชิ้นดูสวยงาม และหรูหราขั้นสูงสุด เมื่อผู้โดยสารเปิดประตูรถ มาตรวัดหน้าผู้ขับจะสว่างขึ้น ตามด้วยจอแสดงผลตรงกลาง, แดชบอร์ดเรืองแสง ก่อนนำสายตาสู่นางฟ้าบริเวณฐานนาฬิกา เกิดเป็นการแสดงแสงสีแบบไฮ-คลาสส์ เป็นผลจากการพัฒนากว่า 4 ปี
Rolls-Royce Cullinan คือ อัครยนตรกรรมที่สร้างตำนานบทใหม่ให้แก่ผู้ผลิต รังสรรค์ขึ้นบนบรรทัดฐานของลูกค้าระดับซูเพอร์ลักชัวรียุคใหม่ ที่ต้องการความโดดเด่น และไม่ซ้ำใคร ทำให้ Cullinan Series II เป็นการพัฒนาตามแนวคิดดังกล่าวร่วมกับลูกค้าให้เหนือชั้นอีกระดับ ผสานรายละเอียดสุดประณีต ตามแบบฉบับของอัครยนตรกรรม Rolls-Royce อย่างชัดเจน
..................................................................................................................
Toyota ชวนคนไทยฉุกคิด ! “ลดเปลี่ยนโลก”
"ประเทศไทยในอนาคต เราอาจต้องกินปลากะพงทอดที่ตัวเล็กลง" คำกล่าวที่ดูไม่น่าเชื่อ แต่มีข้อมูลสนับสนุนจากงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าภาวะโลกร้อนส่งผลให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น และนั่นนำไปสู่การที่ปลาทั่วโลกมีขนาดเล็กลง นักวิทยาศาสตร์พบว่าอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส ทำให้ปลาเล็กลงถึง 14-24 % ภายในอนาคต ผลกระทบนี้ไม่เพียงกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล แต่ยังส่งผลต่อการประมง และการดำรงชีวิตของคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่เพียงแต่ขนาดของปลา วิกฤตสิ่งแวดล้อมยังคุกคามสถานที่ธรรมชาติ แม่น้ำที่เคยอุดมสมบูรณ์อาจแห้งขอด ป่าเขาที่เคยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวอาจกลายเป็นพื้นที่แห้งแล้ง และผลผลิตทางเกษตรที่ลดลงจากการขาดแคลนน้ำ นี่คือ ภาพของอนาคตที่คนไทยอาจต้องเผชิญ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทันเวลา
และเพื่อสร้างความตระหนักรู้ Toyota (โตโยตา) เปิดตัวหนังโฆษณา “ยินดีต้อนรับสู่อนาคตประเทศไทย | Experience Fu ture Thailand” โดยนำเสนอภาพจำลองอนาคตที่ดี และเลวร้ายในรูปแบบวีดีโอพโรโมทสถานที่ท่องเที่ยว เป้าหมาย คือ การกระตุ้นให้คนไทยตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ต่อไปนี้เราต้องอยู่ในอนาคตแบบนี้เหรอ ?” ความโดดเด่นของโฆษณาชิ้นนี้ คือ การอ้างอิงข้อมูลทางวิชาการที่แม่นยำ เพื่อให้การจำลองอนาคตใกล้เคียงกับความจริงที่สุด
โครงการ “ลดเปลี่ยนโลก กับโตโยต้า” ก้าวเล็กๆ เพื่อโลกที่ยิ่งใหญ่ โดย Toyota ยังชวนคนไทยร่วมมือกันในกิจกรรม “ลดเปลี่ยนโลก” ที่เน้นการลดการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานอย่างประหยัด การเดินทางที่ลดการปล่อยมลพิษ หรือการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่ทำได้ทุกวัน ภายใต้แนวคิด “ยิ่งลดมาก ยิ่งช่วยโลกได้มาก”
Toyota เชื่อมั่นว่าทุกการกระทำ คือ พลังเปลี่ยนโลก เพราะอนาคตที่ดีเริ่มต้นจากการกระทำเล็กๆ ของพวกเราทุกคน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประเทศไทยที่ดีกว่า หยุดวิกฤตโลกร้อน และสร้างความยั่งยืนให้แก่โลกได้แล้ววันนี้
..................................................................................................................
Triumph แนะนำ Icon Edition 6 รุ่นใหม่
Triumph เปิดตัว Icon Edition รถจักรยานยนต์โมเดิร์นคลาสสิคคอลเลคชันใหม่ ที่ได้นำตราสัญลักษณ์ หรือโลโกระดับตำนานของ Triumph ในปี 1907 กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง บนรถจักรยานยนต์ Triumph โมเดิร์นคลาสสิคทั้งหมด 6 รุ่น ประกอบด้วย Bonneville T100 Icon Edition (บอนเนวิลล์ ที 100 ไอคอน เอดิชัน) Bonneville T120 Icon Edition (บอนเนวิลล์ ที 120 ไอคอน เอดิชัน) Scrambler 900 Icon Edition (สแกรมบเลอร์ 900 ไอคอน เอดิชัน) Scrambler 1200 X Icon Edition (สแกรมบเลอร์ 1200 เอกซ์ ไอคอน เอดิชัน) Bonneville Bobber Icon Edition (บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ ไอคอน เอดิชัน) และ Bonneville Speedmaster Icon Edition (บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์ ไอคอน เอดิชัน)
สำหรับกลุ่มรถจักรยานยนต์ Triumph Icon Edition ได้รับการเสริมสไตล์ และรายละเอียดด้วยธีมสีใหม่สุดโดดเด่น ผสมผสานระหว่างสี Sapphire Black และสี Aluminium Silver โดยแต่ละรุ่นมาพร้อมการลงสีด้วยมือ และคัสตอมโลโก ช่วยเติมเต็มความเป็นต้นแบบสไตล์ดั้งเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบ รังสรรค์อย่างพิถีพิถันเพื่อให้มีพื้นผิวที่ไร้ที่ติ รวมทั้งโลโก Triumph สีทอง และกราฟิครุ่น Icon พิเศษบนถังน้ำมัน และแผงด้านข้าง ช่วยเสริมให้รถแต่ละคันดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ในขณะที่ความเข้ากันของแต่ละสี ล้วนช่วยส่งเสริมรูปโฉมของตัวรถ เพื่อให้มั่นใจว่ารถทุกคันจะเป็นรถที่น่าประทับใจไม่แพ้ความเร้าใจ ครั้งนี้จะพาไปยลโฉมความงามของทั้ง 6 รุ่น ซึ่งทุกรุ่นพร้อมให้ทุกคนได้จับจองเป็นเจ้าของ
เริ่มต้นด้วย Bonneville T100 Icon Edition ราคา 489,000 บาท ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งความคลาสสิคของอังกฤษออกมาได้อย่างลงตัว โดยมาพร้อมกับการตกแต่งด้วยสี Aluminium Silver เสริมด้วยสี Sapphire Black บนถังน้ำมันเชื้อเพลิง และแผงด้านข้าง ทำให้เกิดเป็นสไตล์ย้อนยุคที่เรียบง่าย ลายเส้นสีดำบนตัวถังรถที่วาดขึ้นด้วยมือ และตราสัญลักษณ์ หรือโลโก Triumph ระดับตำนานในปี 1907 สีทองอร่าม ช่วยเติมเต็มรูปลักษณ์ให้สมบูรณ์แบบ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสไตล์เหนือกาลเวลาที่มาพร้อมความสามารถที่ทันสมัย ด้วยเครื่องยนต์ Bonneville สูบคู่ขนาด 900 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 65 แรงม้า ที่ 7,400 รตน. และมอบแรงบิดสูงสุด 80 นิวทันเมตร ที่ 3,750 รตน. รวมถึงมอบระบบกันสะเทือนหน้าสเปคสูง ร่วมกับระบบกันสะเทือนหลังคู่ พร้อมล้อแบบ 32 ก้าน สไตล์คลาสสิค ช่วยเพิ่มความรู้สึกคล่องตัว และการควบคุมที่ง่ายดาย
ต่อด้วย Bonneville T120 Icon Edition ราคา 615,000 บาท อันโดดเด่น มอบการขับขี่ที่เร้าใจ โดยผสมผสานความเป็นตำนาน และสมรรถนะเข้าไว้ด้วยกันกับถังน้ำมันเชื้อเพลิงสี Sapphire Black จับคู่กับรายละเอียดที่เป็นสีเงิน และเส้นสีทองที่วาดด้วยมือ พร้อมตราสัญลักษณ์ หรือโลโก Triumph ระดับตำนานในปี 1907 สีทองอร่ามบนถังน้ำมันเชื้อเพลิง ช่วยเพิ่มความมีระดับไปอีกขั้น เสริมสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้โดดเด่นยิ่งขึ้นบนท้องถนน ในขณะที่คุณสมบัติระดับพรีเมียมที่ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยี และสมรรถนะอันทันสมัย อาทิ ระบบกันสะเทือนหน้าขนาด 41 มม. ระบบกันสะเทือนคู่หลังแบบปรับพรีโหลดได้ และคาลิเพอร์เบรคคู่หน้า Brembo พร้อมระบบ ABS เครื่องยนต์สูบคู่ 1,200 ซีซี ได้รับการปรับแต่งมาโดยเฉพาะ เพื่อมอบแรงบิดสูงตั้งแต่รอบต่ำจนถึงรอบกลาง มอบสมรรถนะที่เร้าใจตลอดการใช้งาน โดยให้แรงบิดสูงสุด 105 นิวทันเมตร ที่รอบต่ำเพียง 3,500 รตน. และมอบพละกำลังสูงสุด 80 แรงม้า ที่ 6,550 รตน.
ด้าน Scrambler 900 Icon Edition ราคา 496,000 บาท มาพร้อมกับสี Sapphire Black และสี Aluminium Silver ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย เน้นย้ำถึงจุดยืนของการขับขี่ที่โดดเด่น สีถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่สดใส แถบสีอลูมิเนียมสีเงินพร้อมกราฟิคไอคอนเฉพาะ และตราสัญลักษณ์ หรือโลโก Triumph สีทองอันเป็นเอกลักษณ์ประจำปี 1907 ที่สร้างความแตกต่างอย่างโดดเด่นที่เข้ากันกับบังโคลนสี Sapphire Black ในขณะที่ลายเส้นบนตัวถังที่วาดด้วยมือ ช่วยเสริมให้รูปลักษณ์ของรถดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการขับขี่ในเมือง และออฟโรด โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ Bonneville สูบคู่ขนาด 900 ซีซี แรงบิดสูง ขณะที่คันเร่งไฟฟ้า Ride-by-wire ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย ล้อซี่ลวดสีดำด้านหน้าขนาด 19 นิ้ว และด้านหลัง 17 นิ้ว รวมถึงความสูงของเบาะนั่งที่ต่ำเพียง 790 มม. ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ทั้งหมดนี้ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย และมอบความสนุกสนานสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน
ส่วน Scrambler 1200 X Icon Edition ราคา 627,000 บาท มาพร้อมถังน้ำมันสุดโดดเด่นด้วยสี Aluminium Silver และสี Sapphire Black ที่ตัดกัน ช่วยเสริมให้ถังน้ำมันมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น และดูแข็งแกร่ง ถังน้ำมันเชื้อเพลิงอลูมิเนียมขัดเงา และเส้นที่วาดด้วยมือ ซึ่งล้อมรอบแถบสีดำคู่ของถังน้ำมันเชื้อเพลิง และช่องเว้าบริเวณเข่า ผสานเข้ากับตราสัญลักษณ์ หรือโลโก Triumph สีทองของปี 1907 และโลโก Icon สุดพิเศษช่วยเพิ่มความโดดเด่นยิ่งขึ้น ในขณะที่เครื่องยนต์ Bonneville สูบคู่ขนาด 1,200 ซีซี มอบพละกำลัง และแรงบิดสูง ล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว ที่พร้อมสำหรับการขับขี่แบบออฟโรด ผสานเข้ากับคุณภาพ และการตกแต่งระดับพรีเมียมของ Triumph แล้วทำให้เป็นรถที่เข้าถึงได้ง่ายอย่างน่าทึ่ง ด้วยความสูงของเบาะนั่งที่ 820 มม. และสามารถปรับลดลงเหลือ 795 มม. เมื่อใช้เบาะนั่งแบบต่ำที่เป็นอุปกรณ์เสริม
ขณะที่รถจักรยานยนต์ Triumph Bonneville Bobber Icon Edition ราคา 653,000 บาท มาพร้อมภาพลักษณ์ที่เรียบง่าย โดยใช้สีดำเป็นหลัก ตกแต่งด้วยสีเงิน และตราสัญลักษณ์ หรือโลโก Triumph ปี 1907 สีทองบนถังน้ำมันเชื้อเพลิง ดึงดูดทุกสายตาให้มองไปยังล้อหน้าที่ใหญ่ขนาด 16 นิ้ว และระบบกันสะเทือนหน้าขนาด 47 มม. ผสมผสานกันเพื่อสร้างรูปลักษณ์ของ Bonneville Bobber ที่ดึงดูดสายตา และโดดเด่นในทุกการขับขี่ นอกจากนี้ ยังมอบแรงบิดที่เหลือเชื่อถึง 106 นิวทันเมตร ที่ 4,000 รตน. ในขณะที่คลัทช์ระบบผ่อนแรงช่วยให้ขับขี่ราบรื่นขึ้น ทำให้ Bobber เป็นรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่ง่าย และมอบความสะดวกสบายอย่างแท้จริง
ปิดท้ายด้วย Bonneville Speedmaster Icon Edition ราคา 653,000 บาท โดดเด่นด้วยสไตล์คัสตอมสไตล์อังกฤษที่ผสมผสานกับความเรียบง่าย ตั้งแต่เครื่องยนต์สูบคู่ 1,200 ซีซี ที่นุ่มนวลไปจนถึงการขับขี่แบบครูเซอร์ที่แสนสบาย โดยตัวรถ และบังโคลนได้รับการตกแต่งด้วยสีเงิน นอกจากนี้ ตรงกลางของถังน้ำมันเชื้อเพลิงด้านบนยังได้รับการตกแต่งด้วยแถบสี Sapphire Black พร้อมตกแต่งด้วยตราสัญลักษณ์ หรือโลโก Triumph สีทองย้อนยุคปี 1907 และกราฟิค Icon สุดพิเศษ ที่ขอบของถังน้ำมันเชื้อเพลิงได้รับการตกแต่งด้วยเส้นขอบสีดำที่วาดด้วยมือ ช่วยมอบความสวยงาม และทำให้รถรุ่นนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่แบบสบายๆ ในระยะไกล ที่มอบทั้งความสะดวกสบาย และสไตล์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะมีคนซ้อนหรือไม่ก็ตาม
นอกจากนี้ รถจักรยานยนต์ Triumph Icon Edition ทั้ง 6 รุ่น ยังมอบความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ 3-Year Worry Free มั่นใจในคุณภาพ อุ่นใจไร้กังวล พร้อมข้อเสนอทางการเงิน มูลค่ารวมสูงสุดกว่า 51,000 บาท ภายใน 31 ธันวาคมนี้เท่านั้น ตลอดจนมอบความคุ้มค่าของช่วงเวลาการเข้ารับบริการเชคระยะที่สูงถึง 16,000 กิโลเมตร หรือ 12 เดือน โดยผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูม Triumph ทั่วประเทศ
..................................................................................................................
Mercedes-Benz พลิกโฉมรถแวนขุมพลังไฟฟ้า 100 %
Mercedes-Benz (เมร์เซเดส-เบนซ์) ประกาศความพร้อมสำหรับการเปิดตัวพแลทฟอร์ม VAN.EA (Van Electric Architecture) ในปี 2569 ชูความโดดเด่นของพแลทฟอร์มที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรถแวนพลังงานไฟฟ้า 100 % โดยเฉพาะ โดยถูกพัฒนาให้มีโครงสร้างแบบแยกส่วน (Modular) และรองรับการปรับขนาดได้หลากหลายรูปแบบ (Scalable) พร้อมเผยโฉมรถแวนต้นแบบที่สร้างขึ้นจากพแลทฟอร์ม VAN.EA พร้อมกันทั่วโลก ในปี 2568 ตอกย้ำการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์สู่ยุคใหม่ของรถแวนพลังงานไฟฟ้า 100 % อย่างเต็มรูปแบบ
VAN.EA เป็นพแลทฟอร์มสำหรับรถแวนส่วนบุคคลในกลุ่มลักชัวรี ที่มีความแตกต่างกับรถเชิงพาณิชย์ในกลุ่มพรีเมียมอย่างสิ้นเชิง และในอนาคต โมเดลรถแวนส่วนบุคคลของ Mercedes-Benz จะถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ตั้งแต่กลุ่มลูกค้าที่ใช้งานแบบครอบครัว ไปจนถึงกลุ่มที่ใช้รถแวนในรูปแบบ VIP Shuttle ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางเทียบเท่ารถลีมูซีน โดยตั้งใจที่จะขยายไลน์อัพโมเดลรถแวนในระดับ Top-End Luxury พร้อมนำเสนอเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนใคร
รถแวนต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 100 % ของ Mercedes-Benz ที่กำลังจะเผยโฉมให้เห็นพร้อมกันทั่วโลกในช่วงต้นปีหน้า จะสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ Mercedes-Benz ในการออกแบบยนตรกรรมที่มาพร้อมความหรูหรา และความสง่างามในทุกมิติ โดยที่ยังคงความโดดเด่นของรถแวนในเรื่องพื้นที่ห้องโดยสาร และความอเนกประสงค์ที่สามารถครอบคลุมการใช้งานของลูกค้าในทุกรูปแบบ