Toyota Alphard/Toyota Vellfire ถือเป็นรถตู้ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดยมีจุดเด่นเรื่องความสะดวกสบาย และดีไซจ์นที่หรูหรา มีฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์ครอบครัว หรือใช้เป็นรถยนต์เพื่อรับ-ส่งผู้โดยสารระดับสูง และแน่นอนว่าการเพิ่มระบบพลัก-อิน ไฮบริด ในรุ่นล่าสุดนี้ ทำให้รถทั้งสองรุ่นตอบโจทย์การใช้งานในยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ Alphard และ Vellfire ได้เปิดตัวเมื่อปี 2023 ในรหัส AH40 มีการเปิดตัวเครื่องยนต์ทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร/เบนซิน 2.5 ลิตร Hybrid และเบนซิน 2.4 ลิตร Turbo ออกมาเป็นทางเลือกมากขึ้น ในครั้งนี้มาพร้อมทางเลือกใหม่ กับระบบขับเคลื่อนแบบพลัก-อิน ไฮบริด Plug-In Hybrid : PHEV ซึ่งผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังที่ทรงพลัง และการประหยัดพลังงานที่ยอดเยี่ยม
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของ Alphard PHEV และ Vellfire PHEV ความแตกต่างมีไม่มากเท่าไรนักกับรุ่นอื่นๆ แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเป็นรุ่นพลัก-อิน ไฮบริด นั่นคือ ตราสัญลักษณ์ PHEV E-Four ที่บริเวณมุมขวาล่างของฝาท้าย และส่วนที่เพิ่มขึ้น คือ ช่องชาร์จไฟฟ้าที่อยู่เหนือซุ้มล้อฝั่งขวาของตัวรถ และล้ออลูมิเนียมสีเงินลายใหม่ ขนาด 19 นิ้ว ส่วนด้านของภายในห้องโดยสารจัดเต็ม เพราะจะเป็นการยกอุปกรณ์มาจากรุ่น Executive Lounge ทั้งเบาะที่นั่งหนังแบบ Nappa เกรดพรีเมียม สามารถปรับเอนได้พร้อมระบบนวด Smart Comfort ปรับได้ 4 รูปแบบ Dream, Relax, Focus และ Enegize มีโต๊ะพับอเนกประสงค์พร้อมกระจกแต่งหน้า จอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมระบบอินโฟเทนเมนท์ ขนาด 14 นิ้ว พวงมาลัยหุ้มหนังสลับไม้เสมือนจริง ฯลฯ
สำหรับไฮไลท์การเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์เบนซินไฮบริดแบบเสียบพลักขนาด 2.5 ลิตร Dynamic Force รหัส A25A-
เทคโนโลยี PHEV ครั้งแรกกับแบทเตอรีแบบ Lithium-ion เพิ่มความจุเป็น 13 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 3 กิโลวัตต์ 0-100 % ภายในเวลา 5 ชั่วโมง 30 นาที และแบบชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง DC ได้สูงสุด 50 กิโลวัตต์ 0-100 % ภายในเวลา 33 นาที ในรุ่น PHEV สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 73 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTC นอกจากนั้นยังรองรับต่อไฟเข้าอุปกรณ์ภายนอก V2H (Vehicle-To-Home) 100โวลท์ สูงสุด 1.5 กิโลวัตต์ สามารถเลือกโหมดไฟฟ้า/ไฮบริดได้แบบอัตโนมัติ หรือปรับเองได้ โดยในรุ่น PHEV มีการเพิ่มปุ่ม Charge Mode เพิ่มเติมเข้ามาให้ สามารถสั่งการให้เครื่องยนต์รถทำงานตลอดเวลาเพื่อปั่นกระแสไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบทเตอรี ก่อนจะสลับไปใช้ EV Mode
ยังมีส่วนของเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับสูง Toyota Safety Sense 3.0 รุ่นใหม่ล่าสุดถูกติดตั้งใน Alphard PHEV และ Vellfire PHEV เพื่อให้การเดินทางปลอดภัยสูงสุด ระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมรถในเลน กล้องรอบทิศทาง 360 องศา ฯลฯ ครบครันเช่นเคย
Toyota Alphard PHEV/Toyota Vellfire PHEV กำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมวางจำหน่ายในตลาดประเทศญี่ปุ่นวันที่ 7 มกราคม 2025 สำหรับราคาจำหน่ายจะเริ่มต้นที่ 10,650,000 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 2,350,000 บาท หรือมากกว่า 3 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษีนำเข้า) ยังคงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยม ที่ตอบโจทย์สำหรับครอบครัว และนักธุรกิจที่มองหายานพาหนะที่ตอบสนองทั้งความสะดวกสบาย และภาพลักษณ์ที่โดดเด่นมากที่สุดรุ่นหนึ่ง สาวกรถตู้ยอดนิยมคันนี้ใครที่อยากครอบครองต้องอดใจรอว่าทาง Toyota Thailand จะมีแผนนำมาทำตลาดหรือไม่นั้นต้องรอติดตาม