ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Mercedes-Benz กลับมาคว้าอันดับ 1-2 ของโลกอีกครั้ง หลังจากเคยทำได้มากแล้วในปี 1954 ทีม Mercedes ส่งรถแข่ง W196 Stromlinienwagen เข้าร่วมการแข่งขันจีพีครั้งแรกที่ประเทศฝรั่งเศส และเข้าเส้นชัยอันดับที่ 1-2
จนปัจจุบันใน 71 ปีต่อมา Mercedes ครองอันดับที่ 1-2 อีกครั้ง โดยติดอันดับรถประมูลที่มีราคาแพงที่สุดสองอันดับแรก ล่าสุดในการประมูลรถแข่ง Stromlinienwagen หมายเลขแชสซิส 00009/54 จบราคาประมูลที่ 51.2 ล้านยูโร หรือ 1,788 ล้านบาท จากการประมูลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เมื่อปี 1965 Mercedes มอบรถแข่ง Stromlinienwagen หมายเลขแชสซิส 00009/54 ให้พิพิธภัณฑ์อเมริกัน จนต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในนามของพิพิธภัณฑ์อินเดียนามอเตอร์สพีดเวย์ ต้องการประมูลรถเพื่อหาทุนบูรณะรถ โดย RM Sotheby จัดประมูลที่พิพิธภัณฑ์ Mercedes-Benz ในชตุทท์การ์ท เมื่อจบการประมูลครั้งนี้ รถแข่ง Mercedes คว้าอันดับ 2 ของรถประมูลราคาแพงที่สุดในโลก โดยเป็นรอง Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe ซึ่งจบราคาประมูลที่ 143 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,006 ล้านบาท) เมื่อปี 2565
รถแข่งหมายเลขแชสซิส 00009 เริ่มการทดสอบในเดือนธันวาคม 1954 ในรูปแบบของรถแข่งล้อเปิด และลงแข่งครั้งแรกในฤดูกาล 1955 ที่สนามอาร์เจนตินา ซึ่งไม่ใช้คลาสส์ F1 โดย Juan Manuel Fangio เป็นผู้ขับรถแข่งรหัส W196 เครื่องยนต์ M196 ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
รถแข่ง W196 หมายเลขแชสซิส 00009 จบเส้นทางการแข่งขันที่ประเทศอิตาลี ในเดือนกันยายน ปี 1955 โดย "ท่านเซอร์" Stirling Moss ลงแข่งด้วยบอดีล้อปิด ที่มีความลู่ลม และสมรรถนะสูง แต่ต้องจบการแข่งขันในรอบที่ 27 จากปัญหาเครื่องยนต์ หลังจากทำสถิติความเร็วต่อรอบสูงสุดที่ 134 ไมล์/ชม. หรือ 215.65 กม./ชม.
Mercedes ผลิตตัวรถแบบลู่ลม หรือ Streamliner Bodies จากวัสดุแมกนีเซียม มีน้ำหนักเพียง 88 ปอนด์ (40 กก.) โดยผลิตจำนวนจำกัด สำหรับใช้ในการแข่งขันความเร็วสูง ช่วงฤดูกาล 1954-1955 รถแข่งหมายเลขแชสซิส 00009 เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ความเร็ว และขับโดยนักแข่งระดับไอคอน จึงไม่น่าแปลกใจที่สามารถติดอันดับรถประมูลราคาสูงได้
บทความแนะนำ