ธุรกิจ
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย)ฯ เปิดตัว All-New Mitsubishi X-Force
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว All-New Mitsubishi XForce HEV (มิตซูบิชิ เอกซ์ฟอร์ศ เอชอีวี) รถยนต์ฟูลล์ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด นำโดย
เรียวอิจิ อินาบะ (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด, มาซาฮิโระ อิโตะ (ที่ 2 จากซ้าย) Chief Product Specialist Mitsubishi Motors Corporation, นาโอกิ อากิตะ (ซ้ายสุด) Program Design Director Mitsubishi Motors Corporation และสาโรจน์ มะอาจเลิศ (ขวาสุด) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลล์ไฮบริด ด้วยการเปิดตัว All-New Mitsubishi XForce HEV สู่ตลาดประเทศไทยเป็นครั้งแรก รถคอมแพคท์เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุด โดดเด่นด้วยดีไซจ์น เร้าใจกับสมรรถนะ ครบครันด้วยความสะดวกสบาย และเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย จากอีกขั้นของการพัฒนา Mitsubishi e:MOTION ที่ผสาน 3 เทคโนโลยี เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สมบูรณ์แบบ เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพที่ยอดเยี่ยม All-New Mitsubishi XForce HEV จะผลิตที่โรงงานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และจัดจำหน่ายผ่านทางเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการกว่า 190 แห่งทั่วประเทศ เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศอินโดนีเซียในเดือนสิงหาคม 2566 ในรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายใน และขยายตลาดสู่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ละตินอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง และภูมิภาคอื่นๆ ในปี 2567 มีความสำคัญในฐานะรถยนต์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกของ Mitsubishi Motors
All-New Mitsubishi XForce HEV จะมาเสริมทัพกลุ่มรถฟูลล์ไฮบริดของ Mitsubishi Motors ต่อยอดความสำเร็จจาก Mitsubishi Xpander HEV (มิตซูบิชิ เอกซ์แพนเดอร์ เอชอีวี) และ Mitsubishi Xpander Cross HEV (มิตซูบิชิ เอกซ์แพนเดอร์ ครอสส์ เอชอีวี) ที่เปิดตัวในประเทศไทย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 รถคอมแพคท์เอสยูวีรุ่นใหม่นี้ เป็นรถที่จะสร้างความน่าดึงดูดใจ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลล์ไฮบริด เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด ซึ่งได้รับการถ่ายทอด และพัฒนาจากระบบขับเคลื่อนแบบพลัก-อิน ไฮบริด (PHEV) โดดเด่นด้วยอัตราการประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอัตราเร่ง พร้อมโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7-Drive Mode) ผสานการทำงานระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control-AYC) แบบ All-Wheel Control ที่จะช่วยคำนวณการส่งกำลังจากระบบขับเคลื่อน และแรงเบรคลงสู่แต่ละล้อ เพื่อให้ล้อทั้งคู่หน้า-คู่หลัง ทำงานอย่างสัมพันธ์กัน ให้ประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาสมดุลของตัวรถขณะเข้าโค้ง
“นี่เป็นครั้งแรกที่ All-New Mitsubishi XForce HEV ได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อนฟูลล์ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุดของเรา และเราภาคภูมิใจ ที่รถรุ่นนี้ ผลิตที่ประเทศไทย ณ โรงงานแหลมฉบัง เราใช้เวลาหลายเดือน ในการทดสอบรวมระยะทางกว่า 100,000 กิโลเมตร ทั่วประเทศ ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพื่อประเมินความทนทาน และสมรรถนะในการขับขี่ ทีมทดสอบได้รวบรวมข้อมูล และความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ซึ่งวิศวกรฝ่ายวิจัย และพัฒนาของเรา ได้นำไปใช้ในการปรับแต่ง และพัฒนารถรุ่นนี้ให้ดียิ่งขึ้น ขั้นตอนสุดท้าย คือ การทดสอบความทนทานของรถ และปรับแต่งระบบกันสะเทือนที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานบนสภาพถนนที่หลากหลาย สำหรับ Mitsubishi Motors เราให้ความสำคัญสูงสุดกับคุณภาพ และประสบการณ์การขับขี่ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า All-New Mitsubishi XForce HEV จะเป็นโมเดลที่สร้างความตื่นเต้น และประทับใจ พร้อมกับได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย” เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
คุณสมบัติเด่นของ All-New Mitsubishi XForce HEV แบ่งเป็น 4 แกนสำคัญ ประกอบด้วย
ดีไซจ์น
• รูปลักษณ์ภายนอก ออกแบบภายใต้คอนเซพท์ "Silky and Solid" แนวคิดการออกแบบใหม่ เรียบหรู แต่ทรงพลัง สะท้อนผ่านรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว โดดเด่น เปรียบสมือนไอคอนิคแห่งยุค ด้วยไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้าย LED สี Smoked จัดเรียงเป็นรูปตัวที เสริมให้เห็นถึงความกว้าง และความรู้สึกมั่นคงของตัวรถ
• ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 18 นิ้ว คำนึงถึงแอโรไดนามิค เสริมด้วยซุ้มล้อที่เลือกใช้วัสดุ และสีที่ตัดกับสีรถ
• รูปลักษณ์ภายใน ออกแบบโดยใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ประณีตในทุกรายละเอียดตามแนวคิด “Horizontal Axis” มอบทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม ภายในห้องโดยสารสีทูโทน พร้อมการตกแต่งด้วยผ้าแบบพิเศษกันน้ำ และคราบสิ่งสกปรก มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ
สมรรถนะ
• All-New Mitsubishi XForce HEV มาพร้อม Mitsubishi e:MOTION ซึ่งเป็นการผสาน 3 เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดของ Mitsubishi ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนฟูลล์ไฮบริด เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ และระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง (AYC)
• ระบบขับเคลื่อนฟูลล์ไฮบริด ทำงานผ่านมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง และแบทเตอรีประสิทธิภาพสูง ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร DOHC 16 วาล์ว MIVEC เป็นการพัฒนาต่อยอดจากรถฟูลล์ไฮบริดรุ่นแรก สู่ระบบที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เพื่อให้มีประสิทธิภาพการส่งกำลังที่ดียิ่งขึ้น มาพร้อมกับระบบส่งกำลัง 2-Speed Transaxle ใหม่ ปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติตามการขับขี่ และสภาพถนน ให้อัตราเร่งที่ดี และนุ่มนวล อีกทั้งยังเพิ่มกลไกตัดการเชื่อมต่อของมอเตอร์ ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน ส่งผลให้รถมีอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 24.4 กม./ลิตร
• โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7-Drive Mode) ประกอบด้วย โหมด Normal (ถนนทั่วไป) Wet (ถนนเปียก) Gravel (ถนนลูกรัง) Tarmac (ถนนลาดยาง) Mud (ถนนโคลน) และอีก 2 ทางเลือกพลังงานทั้ง Charge (โหมดการชาร์จ) และ EV Priority (โหมดพลังงานไฟฟ้า 100 %) โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนโหมดการขับขี่ด้วยตนเองตามสภาพถนน สภาพภูมิอากาศ หรือรูปแบบการใช้งานที่ต้องการ
• ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง หรือ AYC (Active Yaw Control) เทคโนโลยีจากรถแข่งแรลลีของ Mitsubishi ทำงานโดยคำนวณการส่งกำลังลงที่ล้อซ้าย-ขวา ให้หมุนสัมพันธ์กัน ขณะที่รถเข้าโค้ง เพื่อสร้างสมดุลให้แก่ตัวรถ ทำให้สามารถขับผ่านทางโค้งได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย และมั่นใจในทุกสถานการณ์
• และช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ ให้เหมาะกับทุกสภาพถนน ผ่านการทดสอบมาแล้วกว่า 100,000 กม.
ระบบความปลอดภัย
• เทคโนโลยีความปลอดภัย Diamond Sense จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ หรือ ADAS ที่จะตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวรถแบบ 360 องศา ทำงานอย่างแม่นยำผ่านการทำงานของกล้อง เรดาห์ และเซนเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น
- กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นกะระยะ และระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว (MAM with MOD)
- ระบบเตือนเมื่อรถด้านหน้าออกตัว หรือเคลื่อนที่ไปด้านหน้า (LCDN)
- ระบบเตือนจุดอับสายตา และระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (BSW with LCA)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM)
- ระบบลอคความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติถึงจุดหยุดนิ่ง (ACC)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)
- ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA)
ระบบเบรค ABS ระบบกระจายแรงเบรค ระบบเสริมแรงเบรค และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ยกระดับการเดินทางของคุณ ให้รู้สึกผ่อนคลายในแบบพรีเมียมด้วย
• ห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน พื้นที่เหนือศีรษะ พื้นที่หัวไหล่ และพื้นที่วางขาที่กว้าง ทำให้สามารถเดินทางได้พร้อมกันถึง 5 คน โดยไม่รู้สึกอึดอัด เบาะนั่งตอนหลังสามารถพับปรับแบบ 40:20:40 และปรับเอนได้ถึง 8 ระดับ พร้อมด้วยวัสดุหุ้มเบาะ “Heat Guard” ที่ช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงแดด
• ไดนามิค ซาวน์ด ยามาฮา พรีเมียม (Dynamic Sound Yamaha Premium Sound System) เครื่องเสียง และระบบเสียงคุณภาพ พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง ซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกับ Yamaha Corporation ให้เสียงใส คมชัดในทุกมิติ ให้คุณเพลิดเพลินกับเพลงโปรดได้เสมือนฟังดนตรีแบบแยกชิ้น
• ระบบฟอกอากาศ nanoeTM X ที่จะช่วยสร้างอากาศบริสุทธิ์ และยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย สร้างความสดชื่นตลอดการเดินทาง
• ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Light) บริเวณคอนโซลหน้า และแผงประตูด้านหน้า
All-New Mitsubishi XForce HEV มีจำหน่าย 3 รุ่นย่อย ได้แก่
• รุ่น Ignite ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท
มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาวมุก White Diamond, สีเงิน Blade Silver และสีเทา Graphite Grey
• รุ่น Ultimate ราคาเริ่มต้น 1,039,000 บาท
มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวมุก White Diamond หลังคาดำ, สีเงิน Blade Silver, สีเทา Graphite Gray และสีดำ Jet Black Mica
• รุ่น Ultimate X ราคาเริ่มต้น 1,089,000 บาท
มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวมุก White Diamond หลังคาดำ, สีเทา Graphite Gray หลังคาดำ, สีเหลือง Energetic Yellow หลังคาดำ, สีแดง Spirit Red หลังคาดำ และสีดำ Jet Black Mica
All-New Mitsubishi XForce HEV มาพร้อมการรับประกันระบบไฮบริด เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันแบทเตอรีไฮบริด นาน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
พิเศษสำหรับลูกค้าที่ตัดสินใจเป็นเจ้าของ All-New Mitsubishi XForce HEV โดยจองภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 และรับรถภายใน 31 กรกฎาคม 2568 จะได้รับสิทธิพิเศษภายใต้แคมเปญ “Early Bird Offers เฉพาะช่วงเปิดตัวเท่านั้น” โดยลูกค้าจะได้รับบัตรของขวัญที่พักโรงแรม และรีสอร์ทในเครือเซนทารา มูลค่า 10,000 บาท และรับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง เป็นเวลา 1 ปี พร้อมการรับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 100,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน) ฟรีค่าแรงเชคระยะนาน 5 ปี หรือ 100,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)
พร้อมทั้งข้อเสนอพิเศษที่สามารถเลือกรับอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 0.99 % (เมื่อดาวน์ 25 % และผ่อนชำระ 48 เดือน) กับสถาบันการเงินที่กำหนด และสามารถเลือกรับแพคเกจบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กม. พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี และสำหรับลูกค้าครอบครัว Mitsubishi หรือลูกค้าเก่า Mitsubishi รับส่วนลดเพิ่มสูงสุดถึง 30,000 บาท ผ่านแอพพลิเคชัน M-Drive
