ธุรกิจ
Chery ประกาศนโยบายรุกไทยเต็มสูบ
Omoda & Jaecoo (โอโมดา แอนด์ เจคู) และ Chery (เชอรี) ภายใต้บริษัท Chery Automoble ผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก ประกาศวิสัยทัศน์นำประเทศไทยตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก เปิดตัวเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ หัวหอกสำคัญในการทำตลาดปีนี้พร้อมประกาศความเคลื่อนไหวเชิงรุกของ Chery และ Omoda & Jaecoo ในไทย เตรียมเปิดสายการผลิตโรงงานไทยไตรมาส 3 พร้อมประกาศเปิดตัวรถใหม่ปีนี้ และประกาศความร่วมมือกับรัฐบาลไทย เพื่อร่วมกันพัฒนาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติไทย โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย สู่การเป็นกลางการผลิต EV ในภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนประเทศเข้าสู่ยุคใหม่แห่งพลังงานสะอาด และนวัตกรรมยานยนต์อย่างยั่งยืน
เฉิน ซุนชิง รองประธาน Chery International กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญของ Chery และ Omoda & Jaecoo ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การประกาศความพร้อม และแผนการลงทุนในครั้งนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่เรามีต่อตลาดไทย และเป็นก้าวสำคัญในวิสัยทัศน์ระยะยาวเพื่อสร้างฐานการผลิตที่แข็งแกร่งในภูมิภาค เรามีความพร้อมในทุกมิติ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม และเทคโนโลยีล้ำหน้า การพัฒนาด้านการขาย และการบริการหลังการขายโดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนการพัฒนาฐานการผลิตในไทยที่ทันสมัยระดับโลก เรามั่นใจอย่างยิ่งว่ากลยุทธ์ธุรกิจของ Chery และ Omoda & Jaecoo จะตอบความต้องการของผู้บริโภศไทย และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน
พร้อมเปิดตัวเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ ที่มาพร้อมสมรรถนะ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพพลังงานระดับสูงสุด เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่แห่งพลังงานสะอาดด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีไฮบริด CHS (CHERY Hybrid System)/SHIS (Super Hybrid System) ล้ำสมัย โดดเด่น 4 ด้านหลัก
1. ประสิทธิภาพพลังงานสูงสุด : เครื่องยนต์ไฮบริดเฉพาะทาง 1.5T GDI ให้ประสิทธิภาพทางความร้อนสูงถึง 44.5 % สูงที่สุดในอุตสาหกรรม
2. พลังขับเคลื่อนระดับโลก : ระบบส่งกำลัง DHT 230/280 สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 280 กิโลวัตต์ และรอบเครื่องถึง 24,000 รตน.
3. ความปลอดภัยเหนือมาตรฐาน : ระบบตัดพลังงานฉุกเฉินภายใน 2 มิลลิวินาที และการปกป้องในทุกสภาพอากาศ รวมถึงการลุยน้ำลึกถึง 700 มม.
4. ความสามารถรอบด้าน (AIl Scenario): ระบบริหารพลังงานล่วงหน้า (Predictive Energy Management) ลดการใช้พลังงานลง 15 % และสามารถกู้คืนพลังงานจากเบรคได้ถึง 80 %
พร้อมกันนี้ Omoda & Jaecoo เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยี SHS (Super Hybrid System), เครื่องยนต์ BEV (Battery Electric Vehicle), HEV (Hybrid Electric Vehicle) และ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยมีกำหนดเปิดตัว Jaecoo 5 EV (เจคู 5 อีวี) และ Jaecoo 6T EV (เจคู 6 ที อีวี) ภายในในโตรมาส 3 ตามมาด้วย Omoda C7 SHS (โอโมดา ซี 7 เอสเอชเอส) และ Omoda C9 SHS (โอโมดา ซี 9 เอสเอชเอส) ในไตรมาส 4 ของปีนี้ และเพื่อสร้างการรับรู้ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมากขึ้น Omoda & Jaecoo เตรียมเปิดตัว Brand Ambassador ของ Jaecoo หรือ Mr.J เร็วๆ นี้
ขณะเดียวกัน ยังได้ปรับราคา Omoda C5 EV Long Range รุ่นใหม่ โดยยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะ และฟังค์ชันเดิมอย่างครบถ้วน ได้แก่ Omoda C5 EV Long Range Dynamic ราคา 649,000 บาท และราคา Omoda C5 EV Long Range Max 699,000 บาท และยังมีโปรโมชันดาวน์เริ่มต้น 8,888 บาท ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี*
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. 5 ปี*
- โฮมชาร์เจอร์พร้อมติดตั้ง (เฉพาะ Omoda C5 EV Long Range Max)"
- การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กม.*
สำหรับ Jaecoo 6 EV 4WD มีโปรโมชันพิเศษภายในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้เท่านั้น โดยมอบส่วนลดสูงสุดมูลค่ากว่า 150,000บาท สำหรับสี Forest Green และ Lunar Silver*
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี*
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. 5 ปี*
-โฮมชาร์เจอร์พร้อมติดตั้ง*
-การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กม.*
ขณะเดียวกัน Jaecoo 7 SHS ที่พิสูจน์ความสามารถด้วยสถิติการขับขี่ระยะทางไกลถึง 1,433 กม. ด้วยน้ำมันเพียง 1 ถัง และการชาร์จแบทเตอรีเพียง 1 ครั้ง ซึ่งถือเป็นระยะทางขับขี่ที่ไกลที่สุดในประเทศไทย และติดอันดับ 5 ของโลกจากการแข่งขันระดับนานาชาติ Jaecoo 7 SHS Global Super Hybrid Marathon นอกจากนั้น Jaecoo ได้จัดแคมเปญ ECO Bonus มอบส่วนลดพิเศษ 10,000 บาท สำหรับลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาป (ICE) หรือไฮบริด (HEV) พร้อมฟรีค่าบำรุงรักษารถ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) เป็นระยะเวลา 2 ปี หรือ 30,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) 2 ปี หรือ 30,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) 2 ปี ฟรี Home Charger และสายชาร์จ V-2-L สำหรับผู้จอง และรับรถภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น
สำหรับ Chery พร้อมเปิดตัวรถใหม่ เริ่มเจาะตลาดด้วยไลน์อัพรถรุ่น Tiggo ซึ่งเน้น Comfortable Space และ Sale and Reliable เป็นหัวใจหลัก ด้วยการดึงจุดเด่นของห้องโดยสารอเนกประสงค์สามารถรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบรวมไปถึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยแบบเหนือมาตรฐานด้วยอุปกรณ์ และระบบช่วยขับขี่ระดับสูง โดยวางแผนเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น เช่น Chery Tiggo 8, Chery V23 (ICAR V23), Chery Tiggo Cross และ Chery Tiggo 7
เดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศไทย ให้ครบ 30 แห่ง ในประเทศไทยเพื่อให้บริการลูกค้าอย่างครอบคลุม มุ่งมั่นสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด และมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย กระจายตัวในทุกภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ 3 แห่ง ภาศกลาง 4 แห่ง ภาคใต้ 4 แห่ง ภาคตะวันออกเอียงเหนือ 4 แห่ง และในเขตกรุงเทพฯ และปริมมณฑลอีกถึง 15 แห่ง สะท้อนความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการดูแลลูกค้าตลอดเส้นทางการใช้งานอย่างมืออาชีพ และทั่วถึงภายในปีนี้
ซุนชิง กล่าวเพิ่มเติมว่า Chery และ Omoda & Jaecoo ในส่วนของโรงงานที่ประเทศไทย ที่มีการลงทุนไปทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท พร้อมเริ่มเดินสายการผลิตที่โรงงานในไตรมาส 3 2568 ด้วยเป้าหมายกำลังการผลิต 80,000 คัน/ปี ภายในปี 2571 โดยเริ่มการผลิต Jaecoo 6 EV เป็นรุ่นแรกเพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิต ส่งออกในเอเชีย โรงงานแห่งนี้จะเน้นการผลิตแบบ Completely Knocked Down (CKD) พร้อมติดตั้งหุ่นยนต์เชื่อมอลูมิเนียมที่แม่นยำ นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีแผนการลงทุนในการผลิตยานยนต์เพิ่มเติม ทั้งขยายกำลังการผลิต และโมเดลไฟฟ้าไฮบริด (HEV) รถยนต์รุ่นอื่นๆ ของ Chery Group และการจัดตั้งโรงพ่นสีภายในปี 2570 รวมถึงการให้ความสำคัญในการจัดจ้างงานสำหรับการทำงานในโรงงานโดยเริ่มต้นจะเป็นแรงงานไทย 150 คน สำหรับการทำงางานกะเดียว และจะขยายโจงาน และอัตราการจ้างแรงงานไทยเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 นี้
ฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)ฯ กล่าวว่า การเดินสายการผลิตที่โรงงานระยองนับเป็นก้าวสำคัญที่ไม่เพียงแสดงถึงความมุ่งมั่นในการลงทุนระยะยาวในประเทศไทย แต่ยังเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของเราในศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค การเริ่มต้นด้วย Jaecoo 6 EV คือ การนำเสนอนวัตกรรมระดับโลกสู่ตลาดไทย
และเราตั้งใจที่จะผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยกับความเชี่ยวชาญของบุคลากรไทย เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศ และภูมิภาค นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางอันยาวไกล และเรามุ่งมั่นที่จะเติบโดไปพร้อมกับอุตสาหกรรมยานยนตไฟฟ้าของไทยอย่างยั่งยืน
สำหรับแผนการผลิตที่สำคัญอีกอย่าง ซึ่งเร็วๆ นี้ Chery Automobile ผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลกและ Omoda & Jaecoo ร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กระทรวงพาณิชย์ Chery King Gen เตรียมพัฒนารถต้นแบบ สัญชาติไทย ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 3 ประเภท 1 รถตู้ รถเชิงพาณิชย์ 2 กระบะ 3 เอสยูวี โดยจะทำการผลิตที่โรงงานจังหวัดระยอง โดยตั้งเป้าคอนเทนท์ไว้มากกว่า 50 %
การผลิตแบรนด์สัญชาติไทยครั้งนี้ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคอาเซียน โดยความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นพัฒนาแบรนด์ EV แห่งชาติของไทย ส่งเสริมขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี EV ภายในประเทศ และสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศให้เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลก โดยมุ่งเน้นการจำหน่ายในประเทศไทศไทย โดยชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยี EV และราคาที่เข้าถึงได้สำหรับผู้บริโภคไทย เพื่อสนับสนุนให้คนไทยสามารถเปลี่ยนมาใช้รถยนต์พลังงานใฟฟ้าได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ โครงการยังใช้ข้อได้เปรียบด้านภาษีในฐานะรถยนต์สัญชาติไทยเพื่อสร้างระบบราคาที่เหมาะสม พร้อมกระตุ้นห่วงโซ่การผลิตภายในประเทศ ตั้งแต่การจัดหาชิ้นส่วน การจ้างงาน ไปจนถึงการพัฒนาเครือข่ายบริการหลังการขายให้ครอบคลุงยิ่งขึ้น
