ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Rolls-Royce เปิดตัว Black Badge Spectre
Rolls-Royce Motor Cars Bangkok ผู้จำหน่ายรถยนต์ Rolls-Royce (โรลล์ส-รอยศ์) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดตัว Black Badge Spectre (บแลค แบดจ์ สเปคตเรอ) ยนตรกรรมไฟฟ้าที่ทรงพลังที่สุด ในประวัติศาสตร์ของ Rolls-Royce
ฉัตรชัย แก้วผ่องศรี ผู้จัดการทั่วไป Rolls-Royce Motor Cars Bangkok กล่าวว่า Rolls-Royce Black Badge Spectre คือ อัครยนตรกรรมที่ทรงพลังมากสุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ พัฒนาขึ้นจากข้อมูลการขับนับแสนกิโลเมตร จากกลุ่มผู้ครอบครอง Black Badge Rolls-Royce ทำให้รถยนต์คันนี้เป็นเสมือนจุดสูงสุดของตลาดรถยนต์ และวันนี้ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นสำคัญให้แก่ลูกค้าในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ สำหรับการก้าวไปสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของ Rolls-Royce
Black Badge Spectre ได้รับการปรับปรุงเชิงวิศกรรม เพื่อรองรับกับพละกำลังที่สูงขึ้น ด้วยการเพิ่มน้ำหนักของพวงมาลัย เพิ่มความมั่นใจในการควบคุม และรับรู้ถึงสภาพถนนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมปรับแต่งตัวถัง และช่วงล่างพลานาร์ เพื่อลดการโยนตัว และลดอาการหน้าเชิด หรือหน้าทิ่ม ขณะเร่ง หรือเบรคเต็มแรง โดยยังคงรักษาความสะดวกสบายในการโดยสารไว้อย่างครบถ้วน
สะดุดตากับสัดส่วนที่ลงตัวในสไตล์รถยนต์ฟาสต์แบค 2 ประตู สัญลักษณ์นางฟ้าบริเวณหน้ารถ (Spirit of Ecstacy) ชุบโครเมียมรมดำ กระจังหน้าเรืองแสงได้รับแรงบันดาลใจจากเสาของวิหารแพนธีออน (Illuminated Pantheon Grille) เพิ่มลูกเล่นด้วยการพ่นสีด้านใน ประตูยาว 1.5 ม. แบบไร้เสากลาง เชื่อมด้วยเลเซอร์ ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Rolls-Royce ควบคุมด้วยอีเลคทรอนิค ไฟท้ายออกแบบให้ปราศจากสีสันโดยสิ้นเชิง ลงตัวกับสีตัวถังที่มีให้เลือกไม่จำกัด ล้ออลูมินัมฟอร์จขนาด 23 นิ้ว ลายใหม่ 5 ก้าน เลือกได้ทั้งสีดำล้วน หรือกึ่งปัดเงาการตกแต่ง สร้างประสบการณ์ขับที่พิเศษยิ่งขึ้น อาทิ กระจังหน้าแพนธีออนเรืองแสง เพิ่มลูกเล่นด้วยการพ่นสีด้านในได้ตามต้องการของผู้ครอบครอง (Illuminated Pantheon Grille)
ภายในห้องโดยสารประดับลวดลาย Technical Fibre และแดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) มาตรวัดหน้าผู้ขับมีให้เลือก 5 สี คือ Vivid Grellow, Neon Nights, Cyan Fire, Ultraviolet and Synth Wave แดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) บริเวณฝั่งผู้โดยสาร ฉลุเป็นลวดลายของปีกนางฟ้า พร้อมเพิ่มสัญลักษณ์อินฟินิที ล้อมรอบด้วยประกายดาวมากกว่า 5,500 ดวง บนพื้นหลังสีดำเพียโนบแลค สะท้อนความมืดมิดของท้องฟ้ายามค่ำคืน ตกแต่งตามจุดต่างๆ ด้วยลวดลาย Technical Fibre ที่มีส่วนประกอบของเส้นใยคาร์บอน และโลหะ พร้อมขัดแต่งอย่างประณีต ประตูดาว (Starlight Doors) ส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับแผ่นกันรอยกาบบันได พร้อมโลโก Black Badge เรืองแสง ส่วนเบาะคู่หลัง คั่นกลางด้วยสัญลักษณ์อินฟินิที สื่อถึงพลัง และศักยภาพไร้ขีดจำกัด
Black Badge Spectre เป็นยนตรกรรมที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Rolls-Royce Platform สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา (Architecture of Luxury) รองรับขุมพลังไฟฟ้าอย่างลงตัว อีกทั้งเพิ่มความแข็งแกร่งของสเปศเฟรม 30 % ขับเคลื่อนด้วย 2 มอเตอร์ SSM (Separately Excited Synchronous Motors) ปรับแต่งพิเศษ ทำได้ 659 แรงม้า (HP) แรงบิด 1,075 นิวทันเมตร ขับได้ไกลสุดถึง 530 กม. (WLTP) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.3 วินาที พร้อมโหมด Infinity ที่ปรับเปลี่ยนบุคลิกของรถให้ดุดันเต็มพิกัด ได้แรงบันดาลใจจากคุณสมบัติการปลดปล่อยพลังสำรองในช่วงสั้นๆ ของเครื่องยนต์ Rolls-Royce Merlin ที่ใช้กับเครื่องบินรบหลายรุ่น ช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2
Black Badge Spectre จำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 41.5 ล้านบาท มาพร้อมแพคเกจ Spectre Ownership ดังนี้
• รับประกันคุณภาพจากผู้ผลิตนาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ไม่ครอบคลุมรถยนต์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์)*
• รับประกันคุณภาพแบทเตอรีนาน 15 ปี*
• Rolls-Royce Wall Box 22 กิโลวัตต์ พร้อมติดตั้งฟรี*
• โปรแกรมบำรุงรักษา (Service Inclusive) ครอบคลุมค่าแรงทั้งหมด*
• บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม.*
• ทีมบุคลากรของ Rolls-Royce ในประเทศไทย ผ่านการอบรมพร้อมประกาศนียบัตรด้านการบำรุงรักษา Spectre อย่างเต็มรูปแบบ*
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
.........................................................................................................................
“Fast Auto Show Thailand 2025” พร้อม 2-6 กค. ที่ไบเทค บางนา
คิง ออฟ ออโต้ โปรดักท์ฯ ผู้จัดงานมหกรรมจำหน่ายรถยนต์ครบวงจร “Fast Auto Show Thailand” เดินหน้าความพร้อมงาน “Fast Auto Show Thailand 2025” ผนึกพันธมิตรค่ายรถใหม่หลากแบรนด์ และผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วชั้นนำ ร่วมชูคอนเซพท์ “รถใหม่โปรโดนใจ รถมือสองไมล์แท้รับประกันซื้อคืน” ย้ำ “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” ไม่จำเป็นต้องรอ
พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานจัดงาน “Fast Auto Show Thailand 2025” เปิดเผยว่า Fast Auto Show Thailand 2025 เป็นงานซื้อ-ขายรถยนต์ครบวงจรที่จัดขึ้นในช่วงกลางปี ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 13 ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการตลาดระดับคุณภาพสำหรับพันธมิตร ทั้งค่ายรถใหม่ และผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วชั้นนำ ในการกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อ-ขาย และสร้างโอกาสในการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญของประเทศ ด้วยการผนึกกำลังจัดโปรโมชันที่จูงใจสำหรับรถใหม่ และเงื่อนไขการรับประกันที่เพิ่มความอุ่นใจสำหรับรถยนต์ใช้แล้ว ด้วยคอนเซพท์ “รถใหม่โปรโดนใจ รถมือสองไมล์แท้รับประกันซื้อคืน” เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการจัดการต้นทุนในครัวเรือนให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ ให้ความสะดวก และประหยัดเวลาในการ “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” สามารถเปรียบเทียบคุณภาพ การให้บริการ และราคาที่ตรงใจได้ในงานเดียว ซึ่งปีนี้ได้รับการตอบรับด้วยดีเช่นเคยจากกลุ่มธุรกิจยานยนต์รถใหม่ มาครบทั้งรถสันดาป รถไฟฟ้า และรถพลังงานทางเลือกอื่นๆ ที่มาพร้อมโปรโมชันแบบดุดัน และสำหรับรถยนต์ใช้แล้วคุณภาพดี ปีนี้เรายังเป็นงานแรก และงานเดียวในประเทศไทยที่เพิ่มเติมการการันตีไมล์แท้ของรถยนต์ใช้แล้วทุกคันในงาน หากพบว่าไม่ถูกต้อง รับประกันซื้อคืน 100 % นอกจากนี้ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสุข ภายในงานยังเปิดให้เป็นพื้นที่ Pet Friendly สามารถนำสัตว์เลี้ยงคู่ใจมาร่วมชมงานได้ และจัดแข่งขัน Strider Racing @Fast Auto Show Thailand 2025 สำหรับนักซิ่งรุ่นจิ๋ว วัย 2-4 ปี โดยจะยกสนามแข่งมาตรฐานมาไว้ในฮอลล์ ซึ่งจะเปิดให้ฝึกซ้อมในวันธรรมดา และแข่งขันชิงรางวัล ในวันเสาร์ที่ 5 และวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2568
“Fast Auto Show Thailand 2025” เป็นงานที่ผสานความร่วมมือของ 3 ค่ายสื่อยานยนต์ที่มีประสบการณ์ในงานจัดแสดงรถระดับประเทศมายาวนาน ได้แก่ กรังด์ปรีซ์ฯ-มอเตอร์โชว์, สื่อสากลฯ-Motor Expo และ วี.เอ แอนด์ ซันส์ฯ ที่คร่ำหวอดในวงการรถยนต์ใช้แล้วมากว่า 15 ปี
ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน เผยว่า ปี 2568 เป็นปีที่ท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยต่อเนื่องจากปีที่แล้ว แม้ว่าภาคเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว แต่การที่รถยนต์ใหม่หลากรุ่นจ่อคิวทยอยเปิดตัวต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี เป็นสิ่งยืนยันว่าประเทศไทยยังคงเป็นตลาดสำคัญที่มีศักยภาพ และยัง “เนื้อหอม” เป็นที่หมายปองของต่างชาติในการเป็นฐานผลิต จึงเป็นปีที่น่าจับตาว่า เจ้าตลาดดั้งเดิมแต่ละแบรนด์จะขยับตัวอย่างไร เพื่อรับมือกับการตลาดของรถแบรนด์จีน และการมาของรถพลังงานทางเลือกอื่นๆ ที่รักษ์โลกใกล้เคียงกับรถไฟฟ้า ก็ทำให้ตลาดน่าสนใจยิ่งขึ้น จึงเป็นโอกาสให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้รถยนต์ที่ต้องการในราคาที่สมเหตุสมผลมากขึ้น สำหรับแบรนด์รถใหม่ที่ตอบรับเข้าร่วมในงาน “Fast Auto Show Thailand 2025” ณ เวลานี้รวม 10 แบรนด์ ได้แก่ Isuzu, Toyota, Honda, Mitsubishi, Volvo, Mercedes-Benz, MG, Zeekr, Deepal และ Aion ที่จะมาพร้อมแคมเปญโปรโมชันโดนใจอย่างแน่นอน
อัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ รองประธานจัดงาน กล่าวว่า ผมมักจะโดนถามเสมอว่า ทำไมคนถึงต้องมาซื้อรถมือสองในงาน “Fast Auto Show Thailand” คำตอบง่ายๆ คือ 1. มีรถยนต์สภาพนางฟ้าเลขไมล์น้อยให้เลือกหลากหลายรุ่น ครบทุกเซกเมนท์ 2. ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานต่างเป็นพาร์ทเนอร์กันมานาน มีมาตรฐานที่เชื่อถือได้ 3. รถทุกคันที่เข้างานต้องผ่านการตรวจสอบจากทีมงานมืออาชีพว่าเป็นรถที่เข้าเงื่อนไขเบื้องต้น 5 ข้อ คือ ไม่ไฟไหม้ ไม่จมน้ำ ไม่ตัดต่อ ไม่ชนหนัก และจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายได้ หากผิดเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง รับประกันซื้อคืน 100 % ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยตอกย้ำความมั่นใจของลูกค้าว่าจะได้รถมือสองชั้นดีจากในงาน และสำหรับปีนี้เรายังมี 2 ไฮไลท์สำหรับผู้ที่สนใจรถกลุ่มนี้ คือ เราเป็นงานแรก และงานเดียวในประเทศไทยที่การันตี “ไมล์แท้รับประกันซื้อคืน” เพิ่มขึ้นมา และยังจัดหา “ดอกเบี้ยรถมือสอง และเงื่อนไขที่ดีที่สุดในประเทศไทย” เพื่อให้บริการอีกด้วย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วที่เข้าร่วมงานปีนี้มีจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย DDS คาร์เซ็นเตอร์, ดาศรีนครินทร์, โย รัชดา, เบนซ์ เค้งหงษ์ทอง และ Volvo Selekt Approved Used Cars
อโณทัย เอี่ยมลำเนา รองประธานจัดงาน ซึ่งดูแลด้านกิจกรรมในงานได้ให้ข้อมูลว่า นอกเหนือจากรถโชว์แล้ว “Fast Auto Show Thailand 2025” ได้จัดสรรพื้นที่โดยคำนึงถึงบรรยากาศแห่งความสุขของผู้ที่เข้ามาชมงาน อาทิ โซนรถตกแต่งพิเศษ สวยเท่ คูล ใช้งานได้จริง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจสำหรับผู้ใช้รถรุ่นใหม่ที่ต้องการสไตล์เป็นของตัวเอง ส่วนไฮไลท์ปีนี้ คือ Fast Auto Show ได้ร่วมกับ Strider Thailand จัดการแข่งขัน Strider Racing @Fast Auto Show Thailand 2025 สนามใหม่ เพื่อการแข่งขันสุดมันสำหรับนักปั่นตัวน้อย เชิญชวนเหล่านักซิ่งรุ่นเยาว์ อายุ 2-4 ปี ลงสมัครประลองความสามารถทั้งแบบปั่น และแบบไถ รวม 14 รุ่น ชิงรางวัลมากมาย มาร่วมลุ้น และเชียร์กัน ในวันเสาร์ที่ 5 และวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่ 10.00-17.00 น. สนใจสมัคร และติดตามรายละเอียดได้ที่ https://form.jotform.com/251512312965453
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีพื้นที่จัดแสดงรถดัดแปลงหลากหลายรูปแบบ เหมาะกับผู้ประกอบการ SME เพื่อจำหน่ายอาหาร และเครื่องดื่ม รวมทั้งให้บริการต่างๆ เป็นการนำเสนอไอเดียให้แก่ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคที่กำลังมองหาโอกาสเริ่มต้นธุรกิจใหม่ หรือต่อยอดธุรกิจ และยังมีบูธของกรุงเทพประกันภัย เพื่อให้คำปรึกษา และนำเสนอประกันภัยรถที่คุ้มค่าสำหรับผู้สนใจ
ในส่วนของกิจกรรม “ซื้อรถ ลุ้นรับ” ในปีนี้ ผู้จองรถ และซื้อรถทุกคันในงาน ไม่เพียงได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่เป็นเก้าอี้นวดไฟฟ้ารุ่น Robo 8989 Massage Chair จาก Amaxs แบรนด์เก้าอี้นวดไฟฟ้า และเครื่องออกกำลังกายที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม ด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพ มูลค่า 279,000 บาท จำนวน 1 รางวัล และของรางวัลอีกมากมายหลังจบงานเท่านั้น แต่ยังได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลประจำวันเป็นสกูเตอร์ไฟฟ้า Segway รุ่น Ninebot KickScooterD18W มูลค่า 16,900 บาท จาก Monowheel จำนวน 5 รางวัล หรือแค่แวะมาชมงาน และร่วมสนุกกับกิจกรรม "แชร์มา รับไป" เพื่อลุ้นรับรางวัลอีกมากมาย ติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook: FAST AUTO SHOW
ทั้งนี้ งาน “Fast Auto Show Thailand 2025” ยังเป็นพื้นที่ Pet Friendly สามารถนำสัตว์เลี้ยงแสนรักที่ได้รับอนุญาตตามข้อกำหนดเข้ามาชมงานได้อีกด้วย
“Fast Auto Show Thailand 2025” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคม ศกนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ 102-103 โดยรวบรวมยนตรกรรมมากคุณภาพหลากหลายแนวมาให้ผู้บริโภคได้เปรียบเทียบความคุ้มค่า ครบทุกเซกเมนท์ “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” ในแบบที่คุ้มค่าเงินสูงสุด ภายใต้คอนเซพท์ “รถใหม่โปรโดนใจ รถมือสองไมล์แท้รับประกันซื้อคืน” ครบจบในงานเดียว เข้าชมฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่าย แถมลุ้นรับโชคตลอด 5 วันเต็ม โดยได้รับการสนับสนุนจาก สิงห์ คอร์เปอเรชั่นฯ, ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ มันวาว และศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร บี-ควิก ติดตามรายละเอียดของงานได้ที่ Facebook: FAST AUTO SHOW
.........................................................................................................................
10 ถนนกรุงเทพฯ จับจริง เพิ่มความเข้มงวด ลดอุบัติเหตุ
หลังจากที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกนโยบาย “โครงการถนนปลอดภัย” โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้กำหนดให้ 10 ถนนเส้นหลักในกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่กวดขันวินัยจราจรเข้มข้น 100 % เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุจราจร และสร้างความปลอดภัยให้แก่ทุกคนที่ใช้รถใช้ถนน
10 ถนนเส้นหลัก ในกรุงเทพฯ จับจริง !
1. ถนนวิภาวดีรังสิต (พื้นที่ บก.จร.)
2. ถนนนครราชสีมา (พื้นที่ สน.สามเสน, สน.นางเลิ้ง)
3. ถนนพหลโยธิน (พื้นที่ สน.ดอนเมือง, สน.สายไหม, สน.บางเขน, สน.พหลโยธิน, สน.บางซื่อ)
4. ถนนเจ้าคุณทหาร (พื้นที่ สน.ฉลองกรุง)
5. ถนนนวมินทร์ (พื้นที่ สน.ลาดพร้าว)
6. ถนนสาทรเหนือ (พื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ)
7. ถนนสาทร (พื้นที่ สน.ยานนาวา)
8. ถนนราชวิถี (พื้นที่ สน.บางพลัด)
9. ถนนกรุงธนบุรี (พื้นที่ สน.สำเหร่)
10. ถนนบางขุนเทียนชายทะเล (พื้นที่ สน.ท่าข้าม)
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า หากพบการกระทำผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจะกวดขันดำเนินคดีอย่างเข้มงวดทุกกรณี โดยบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ สร้างความปลอดภัยให้ผู้ใช้ถนน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้กล้องตรวจจับ-ป้ายเตือนชัดเจน โดยขอความร่วมมือประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ขับขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัย ทั้งผู้ขับขี่ และผู้ซ้อนโดยสาร รวมถึงเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ และไม่ฝ่าไฟแดง/ไม่ย้อนศร
.........................................................................................................................
Mercedes-Benz ร่วมทดสอบระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง
Mercedes-Benz ประเทศไทย ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์รถยนต์ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก ส่งยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury 3 รุ่น ได้แก่ EQS 450+ AMG Premium (อีคิวเอส 450 พลัส เอเอมจี พรีเมียม), EQS 450 4Matic SUV AMG Dynamic (อีคิวเอส 450 4 เมทิค เอสยูวี เอเอมจี ไดนามิค) และ S 350 D Exclusive (เอส 350 ดี เอกซ์คลูซีฟ) ร่วมการทดสอบการใช้งานของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง หรือ ADAS (Advanced Driver Assistance System) ในงานสัปดาห์ความปลอดภัยทางถนน (Road Safety Week) ที่จัดโดยคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชีย และแปซิฟิค (UNESCAP) เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ (UNCC) โดยมีวัตถุประสงค์หลักของงาน คือ การส่งเสริม และยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนนให้แก่ประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
สำหรับรุ่นที่เข้ารับการทดสอบอย่าง EQS 450+ AMG Premium, EQS 450 4Matic SUV AMG Dynamic และ S 350 D Exclusive ถือเป็นยนตรกรรมที่ติดตั้งระบบความปลอดภัยระดับสูงจาก Mercedes-Benz (เมร์เซเดส-เบนซ์) ไว้อย่างครบครัน โดยเฉพาะระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบ Driving Assistance Package ที่ครอบคลุมทั้งระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า และควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist Distronic) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) ระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ (Active Brake Assist) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist) โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist) และอีกหลายระบบที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้ผู้ขับขี่รถยนต์ Mercedes-Benz มีความมั่นใจในการขับขี่อย่างปลอดภัยในทุกเส้นทาง
.........................................................................................................................
“แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม” ทางเลือกใหม่ของคนกรุงเทพฯ
ในยุคที่ปัญหาขยะกลายเป็นโจทย์ท้าทายของเมืองใหญ่ “การคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง” จึงเป็นคำตอบสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคนเมืองสู่สังคมสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โครงการ “แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม” ได้ถือกำเนิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง กรุงเทพมหานคร, มูลนิธิมือวิเศษ และ PTT Station (พีทีที สเตชัน) โดย บริษัท ปตท.นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR, GC YOUเทิร์น พแลทฟอร์มบริหารจัดการพลาสติคใช้แล้ว โดยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC และบริษัท เวสท์บาย เดลิเวอรี่ จำกัด เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง ปฏิวัติระบบการจัดการขยะรีไซเคิล และปลุกจิตสำนึกใหม่ให้แก่สังคมไทย “จับมือกันสร้างเมืองสีเขียว เริ่มจากการไม่เทรวม”
โครงการ “แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม” จะเพิ่มความสะดวกในการคัดแยกขยะให้แก่คนกรุงเทพฯ โดยการจัดตั้ง “จุดรับวัสดุรีไซเคิล” จำนวน 10 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ภายในสถานีบริการ PTT Station เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมวัสดุรีไซเคิล 8 ประเภท ที่สามารถส่งกลับคืนเข้าสู่ระบบรีไซเคิล และอัพไซเคิลเพื่อให้กลับมาสร้างประโยชน์ ปริมาณวัสดุรีไซเคิลสามารถสะสมเป็นแต้ม และนำมาแลกของรางวัล หรือเงิน หรือบริจาคเข้ามูลนิธิมือวิเศษ เพื่อนำไปทำสาธารณประโยชน์เพื่อคนเมืองได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเป็นการเชื่อมโยงข้อมูล API ของผู้ร่วมโครงการเข้ากับ BKK Waste Pay Application สามารถใช้ลดหย่อนค่าเก็บขยะของ กทม. ตอบสนองสนับสนุนต่อนโยบาย “ไม่เทรวม” ช่วยลดขยะฝังกลบของ กทม. และช่วยโลกลดแกสเรือนกระจกอีกด้วย
แสนยากร อุ่นมีศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึง ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชนในการสนับสนุนนโยบายไม่เทรวม การจัดการขยะอย่างเป็นระบบ คือ หนึ่งในหัวใจของการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน และนโยบาย "ไม่เทรวม" ของกรุงเทพฯ คือ แนวทางที่เราผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยโครงการ "แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม" เป็นตัวอย่างของความร่วมมือที่ชัดเจนระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน ที่มาร่วมกันสร้างระบบจัดการขยะที่ทำได้จริง ใกล้บ้าน ใช้งานง่าย และมีประโยชน์ชัดเจน ทั้งในแง่สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของคนเมือง นี่คือการเริ่มต้นสำคัญของการเปลี่ยนพฤติกรรม และสร้างสังคมไม่เทรวมที่ยั่งยืน
สถิตพงษ์ เงางาม ผู้จัดการฝ่ายบริหารสถานีบริการส่วนกลาง บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า PTT Station ตระหนักถึงปัญหาการบริหารจัดการขยะที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมของประเทศไทย จึงมีแนวคิดที่จะจัดระบบการบริหารจัดการขยะในสถานี เพื่อลดปริมาณขยะ และเล็งเห็นคุณค่าของขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ผ่านการคัดแยก และจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับโครงการ "แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม" ในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง PTT Station กับชุมชน ถือเป็นโอกาสดีในการยกระดับการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมกันแยกขยะ และนำส่งวัสดุรีไซเคิลที่สถานีบริการ PTT Station ทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณขยะฝังกลบในกรุงเทพฯ ลดค่าใช้จ่ายในการเก็บขยะ และสร้างรายได้ให้แก่ผู้ที่เข้าร่วมโครงการอีกด้วย ทั้งนี้ PTT Station มุ่งมั่นที่จะเติมเต็มความสุขให้แก่ผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยได้สนับสนุนโครงการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมร่วมกับชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการ และสร้างความตระหนักรู้ในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้วัสดุรีไซเคิลภายในสถานีบริการ การสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด และถังขยะ แยก แลก ยิ้ม ซึ่งทำให้ PTT Station สามารถสร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาด และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
ดร.อิทธิกร ศรีจันบาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวสท์บาย เดลิเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า เวสท์บาย เดลิเวอรี่ฯ ยังได้บูรณาการเทคโนโลยีด้านการจัดการลอจิสติคส์ เช่น ระบบติดตาม และควบคุมการเดินรถรับซื้อ รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง เพื่อเพิ่มมูลค่า และประสิทธิภาพในการรีไซเคิล นอกจากนี้ เรายังได้ริเริ่มโครงการ WasteBuy Recycle Station ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ PTT Station เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มาใช้บริการเติมน้ำมัน ให้สามารถนำขยะรีไซเคิลจากบ้าน ที่ทำงาน หรือชุมชนใกล้เคียง มาร่วมโครงการ เพื่อนำไปแลกเป็นเงินสดที่สามารถใช้เติมน้ำมันได้โดยตรง และสามารถสะสมแต้มได้ในอัตรา 1 กิโลกรัม = 1 แต้ม เพื่อแลกรับของพรีเมียม หรือบริจาคเข้าสู่มูลนิธิมือวิเศษ เพื่อนำไปต่อยอดเป็นกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ ความมุ่งมั่นของ เวสท์บาย เดลิเวอรี่ฯ คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทอลมาสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงง่าย เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน และการจัดการขยะอย่างยั่งยืนในกรุงเทพฯ เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน
กิจชัย เฉลิมสุขสันต์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาดและการขาย กลุ่มลูกค้าแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวถึงความมุ่งมั่นในมุมของการจัดการพลาสติคใช้แล้ว “GC YOUเทิร์น คือ พแลทฟอร์มที่ช่วยจัดการให้พลาสติคที่ใช้แล้วจะไม่สูญเปล่า เราเชื่อในพลังของการเริ่มต้นเล็กๆ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงใหญ่ให้แก่ชุมชน และสิ่งแวดล้อม หากทุกคนช่วยกันแยกทิ้งอย่างถูกวิธี ตั้งแต่ต้นทาง พลาสติคสามารถเทิร์นกลับมาสร้างประโยชน์ได้ใหม่ โดย GC YOUเทิร์น จะนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล และอัพไซเคิลที่ถูกต้อง และได้มาตรฐาน ลดเส้นทางสู่หลุมฝังกลบอย่างเป็นรูปธรรม
8 ประเภทวัสดุรีไซเคิลร่วม “แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม”
1. กระดาษรวม
2. กระดาษขาวดำ
3. กล่อง UHT
4. กระป๋องอลูมิเนียม
5. กระป๋องสังกะสี
6. ขวดแก้ว
7. ขวดพลาสติคใส PET
8. ขวดพลาสติคขุ่น HDPE
ขั้นตอนร่วมโครงการ “แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม”
1. เพิ่มเพื่อนใน Line@ WasteBuy Delivery และลงทะเบียน
2. แยกขยะตามประเภทใส่ถุงโครงการ หรือถุงส่วนตัว
3. นำส่งที่จุดรับ PTT Station ใกล้บ้าน
4. แจ้งเบอร์โทรเพื่อรับ QR Code
5. พนักงานรับถุง และชั่งน้ำหนัก
6. รับแต้มสะสม และเงินโอนเข้าระบบภายในเย็นวันเดียวกัน
7. แลกแต้มผ่านแอพพลิเคชันได้เลย
รีไซเคิลได้ครบทั้งขยะ และถุงแยกขยะรักษ์โลก ใช้ซ้ำ และรีไซเคิลได้
“ถุงแยกขยะรีไซเคิล” ที่ออกแบบเป็นพิเศษภายใต้แนวคิด Eco-Design ผลิตจากเม็ดพลาสติครีไซเคิล InnoEco rHDPE 30 % โดย GC ซึ่งมีคุณสมบัติแข็งแรง ใช้ซ้ำได้ และสามารถรีไซเคิลต่อได้อีก ช่วยลดการปล่อยแกสเรือนประจกได้ถึง 20 % เมื่อเทียบกับถุงที่ผลิตจากเม็ดพลาสติค HDPE ทั่วไป
เชิญชวนคนกรุงเทพฯ มาร่วม “แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม” พบกับจุดรับวัสดุรีไซเคิลได้แล้ววันนี้ที่ PTT Station สาขาบริษัท ปิโตรเลียม อเวนิว แจ้งวัฒนะ จำกัด เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. และในวันที่ 25 มิถุนายน 2568 นี้ พร้อมให้บริการเพิ่มเติมอีก 9 สาขา ได้แก่ 1. สาขาบางบอน 2. สาขาบรมราชชนนี ขาเข้า 3. สาขาบริษัท ปิโตรเลียม (ทวีวัฒนา) จำกัด 4. สาขาบริษัท ปิโตรเลียมน้ำมัน (รามอินทรา กม.3 ขาเข้า) จำกัด 5. สาขาบริษัท ปิโตรเลียม (อุดมสุข) จำกัด 6. สาขาพระราม 2 (ขาออก) 7. สาขามีนบุรี 8. สาขาสรรพาวุธ-บางนา 9. สาขาหนองแขม
.........................................................................................................................
CUB House เปิดตัว New Honda Monkey สีใหม่
CUB House by Honda ปลุกกระแสความสนุกบนท้องถนนอีกครั้ง เปิดตัว New Honda Monkey (ฮอนดา มังคี) ใหม่ สีใหม่ Moonlit Silver (สีเงิน-เหลือง) ที่มาพร้อมคอนเซพท์โดนใจสายสตรีท "Beware Naughty Hits! ระวัง…ความซนพุ่งเข้าตา!" ถ่ายทอดความซนที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของ Honda Monkey ได้อย่างเต็มพิกัด
New Honda Monkey Moonlit Silver มาในโทนสีสันสะดุดตาไม่ซ้ำใคร ด้วยตัวถังน้ำมันสีเงินโมโนโทน เงางามสะท้อนความพรีเมียมด้วยวัสดุเหล็กทั้งชิ้น จับคู่กับเฟรมสีเหลืองสดที่ตัดกันอย่างลงตัว อีกทั้งยังคงเอกลักษณ์ด้วยไฟหน้าทรงกลม พร้อมหน้าปัด Digital Meter ที่เซอร์พไรส์ด้วยกราฟิคหน้าลิงโผล่มาทักทายเมื่อบิดสวิทช์ และเบาะหนัง Classic Black ที่เสริมความทเรนดีทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะสายสปอร์ท หรือแฟชัน ก็สามารถขับขี่ได้แบบไม่ซ้ำใคร
New Honda Monkey Moonlit Silver มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 125 ซีซี สูบเดี่ยว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ระบบหัวฉีด PGM-FI และเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ที่ให้ทั้งความแรง และความประหยัด เสริมความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบชอคอับหน้าหัวกลับขนาด 31 มม. และชอคอับหลังคู่ที่ให้สัมผัสนุ่มนวล รองรับการขับขี่ในเมืองได้อย่างมั่นใจ คงความสนุกในแบบฉบับ Monkey ที่ทั้งขับขี่ง่าย และขนาดกะทัดรัด
สำหรับสาวก Monkey ที่ต้องการเป็นเจ้าของ New Honda Monkey Moonlit Silver (สีเงิน-เหลือง) พร้อมวางจำหน่ายในราคาแนะนำ 99,700 บาท สามารถสัมผัสรถคันจริงด้วยตัวเองได้แล้ววันนี้ที่ CUB House ทั้ง 16 สาขาทั่วประเทศ
