บทความ
Mazda ตอกย้ำเอกลักษณ์ยนตรกรรมที่สร้างความสำเร็จทั่วโลก
เมื่อเอ่ยถึงแบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่มีเรื่องราวความเป็นมามากกว่า 100 ปี ผ่านร้อน ผ่านหนาว และฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ แต่ยังคงยืนหยัดอย่างสง่างามท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก นั่นคือ แบรนด์ Mazda (มาซดา) มาเจาะรายละเอียดว่ากว่าจะเดินทางมาไกลจนถึงวันนี้ มีอะไรที่ Mazda ได้รังสรรค์ให้แก่มวลมนุษยชาติไว้อย่างน่าสนใจ
Mazda เป็นแบรนด์รถยนต์ที่สร้างตำนาน และถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ไว้มากมาย สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นอกเหนือจากปรัชญาที่มุ่งเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาแล้ว ยังคงมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกมากที่ทำให้รถ Mazda ได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วโลก กลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จ และเป็นแบรนด์ที่ดำรงอยู่มากกว่า 100 ปี องค์ประกอบหลายสิ่ง ได้ถูกถ่ายทอดลงในรถยนต์ของ Mazda ทุกเจเนอเรชัน แต่สิ่งที่ Mazda แตกต่างอย่างชัดเจนเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง คือ การมาพร้อมเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ด้วยภาพลักษณ์ใหม่กับรถยนต์ Mazda เจเนอเรชันใหม่ ด้วยแนวทางการออกแบบที่เสริมให้รถยนต์โดดเด่นยิ่งขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างง่ายดาย และปลอดภัย โดยเฉพาะการขับขี่เป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างรถกับผู้ขับขี่ ตามปรัชญา Jinba-ittai โดยให้รถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามความตั้งใจของผู้ขับขี่ เพิ่มความปลอดภัย และความมั่นใจมากขึ้น
Mazda พัฒนารถยนต์เจเนอเรชันใหม่เพื่อให้เป็น “สิ่งที่เป็นปรารถนาในระดับสากล” การสร้างรถยนต์ที่ทำให้เกิดความปรารถนาของผู้คนนั้น ต้องสร้างคุณค่าใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน Mazda มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ โดยใช้หลักปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลางในการยกระดับคุณค่าผลิตภัณฑ์ในทุกด้าน ได้แก่ การออกแบบ สมรรถนะการขับขี่ การลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน ความนุ่มนวลในการขับขี่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความรู้สึกถึงคุณภาพอันประณีต เพื่อให้การขับขี่เป็นธรรมชาติมากที่สุดสำหรับทุกคน Mazda ได้ออกแบบ และเชื่อมโยงองค์ประกอบทุกอย่างเข้าด้วยกัน เพื่อดึงความสามารถโดยธรรมชาติของมนุษย์ในการรักษาสมดุล ผลลัพธ์ที่ได้ คือ Skyactiv-Vehicle Architecture เป็นเทคโนโลยีโครงสร้างตัวถังชุดใหม่ที่ทำให้การขับขี่เป็นธรรมชาติมากขึ้น
สมรรถนะอันทรงพลังจากเทคโนโลยี Skyactiv สร้างชื่อเสียงกระหึ่มไปทั่วโลก
รถยนต์ Mazda ได้รับการพัฒนาขุมพลังด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ โดยมอบสมรรถนะอันทรงพลังที่มาจากโครงสร้างตัวถังใหม่ Skyactiv-Vehicle Architecture และปรับให้เข้ากับการรับความรู้สึกของมนุษย์ เพื่อมอบความรู้สึกในการขับขี่ที่เป็นธรรมชาติ และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างรถยนต์ และผู้ขับขี่ พร้อมผสานทุกฟังค์ก์ชันตามปรัชญา Human Centric ทำให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง องค์ประกอบเหล่านี้ คือ เหตุผลที่ทำให้รถยนต์ Mazda ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากรถยนต์คันอื่น โดยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟของ Mazda มีดังต่อไปนี้
• เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน Skyactiv-G ให้สมรรถนะความแรง และประหยัดน้ำมัน โดยฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตราส่วนการอัดสูงที่สุดในโลก คืออัตรา 14.0:1 ช่วยให้ประหยัดนํ้ามัน มีแรงบิดดีขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
• เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล Skyactiv-D พัฒนาให้สามารถทำงานตอบสนองผู้ขับได้ดียิ่งขึ้น จากอัตราส่วนกำลังการบีบอัดที่สมบูรณ์ ทำให้ได้เครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง แรง รอบจัด และยังสะอาด จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
• เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ-ดไรฟ (Skyactiv-Drive) เกียร์อัตโนมัติที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วทันใจ มอบความสนุกสนานในการขับขี่ ออกตัวแรง เปลี่ยนเกียร์ได้ราบรื่น และเร่งแซงได้อย่างนุ่มนวล พร้อมทั้งประหยัดนํ้ามันเชื้อเพลิง
• สกายแอคทีฟ-บอดี (Skyactiv-Body) โครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ ที่ผลิตจากเหล็กกล้าคุณภาพสูง High Tensile Steel น้ำหนักเบา และแข็งแกร่ง ให้การควบคุมรถที่มั่นคง ช่วยลดแรงสะเทือนจากถนน และกระจายแรงปะทะที่เข้าสู่ห้องโดยสารในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
• สกายแอคทีฟ-แชสซีส์ (Skyactiv-Chassis) ช่วงล่าง และระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟ ระบบช่วงล่างที่เกาะถนนมั่นคง และให้ความนุ่มนวลแก่ห้องโดยสาร พร้อมระบบบังคับเลี้ยวที่ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย และประหยัดน้ำมัน
สมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ ทรงพลัง ทั้งแรง และประหยัดน้ำมัน
เพื่อมอบความปลอดภัยให้ครอบคลุม เครื่องยนต์ Skyactiv-G รุ่นล่าสุดยังสามารถควบคุมความเร็วได้อย่างทันท่วงทีในทุกสถานการณ์การขับขี่ รวมถึงยังมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus สร้างความมั่นใจให้แก่การขับขี่ในทุกสภาพถนน ด้วยการเพิ่มเสถียรภาพในการควบคุมรถ ลดแรงเหวี่ยงในขณะเข้าโค้ง ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ ห้องโดยสารยังมีความเงียบสงบผ่านการพัฒนาเรื่องการลดเสียงรบกวน การสั่นสะเทือน และความกระด้าง ให้ความเพลิดเพลิน และความสบาย จากคุณสมบัติที่ครบถ้วนเหล่านี้สามารถมอบความอุ่นใจให้ผู้โดยสารทุกคนได้ผ่อนคลาย และสุนทรียภาพในการขับขี่
เทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่รื่นรมย์
รถยนต์ Mazda ทุกรุ่น มาพร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน เพื่อช่วยผู้ขับขี่ และช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน จุดประสงค์พื้นฐานความปลอดภัยเชิงป้องกันของ Mazda คือ การสร้างความมั่นใจในการขับขี่ และการขับขี่ที่สนุกสนานให้แก่ผู้โดยสารทุกคน ตั้งแต่ตำแหน่งคนขับ รูปแบบแป้นเหยียบ และทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี เทคโนโลยี i-Activsense รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงป้องกันที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้โดยสารในกรณีที่เกิดการชนปะทะ
นอกจากนี้ รถยนต์ Mazda เจเนอเรชันใหม่ ยังมาพร้อมไฟหน้าแอลอีดีแบบปรับได้ (ALH) เพิ่มทัศนวิสัยให้แก่ผู้ขับขี่ในเวลากลางคืน ในส่วนของความปลอดภัยเชิงปกป้อง เป้าหมาย คือ เพื่อปกป้องผู้โดยสาร และคนเดินเท้าในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ด้วยการใช้เหล็กกล้าทนแรงดึงสูงพิเศษที่มีความแข็งแรงสูง และโครงสร้างสร้างตัวถังที่สามารถดูดซับแรงจากการกระแทกได้ดีขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ การตกแต่งภายในยังใช้โครงสร้างป้องกันที่พัฒนาขึ้นตามลักษณะทางกายภาพของมนุษย์เพื่อลดการบาดเจ็บ พร้อมปกป้องผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ด้วยถุงลมนิรภัยครบทุกจุด ไม่ว่าจะเป็น ด้านหน้า ม่านนิรภัย ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และถุงลมนิรภัยที่หัวเข่า* (ในบางรุ่น*)
การออกแบบตามหลักปรัชญาของ Mazda
จาก นากาเร ดีไซจ์น (Nagare’) สู่ โคโดะ ดีไซจ์น ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากเส้นสายความพลิ้วไหวตามธรรมชาติ การเคลื่อนที่อย่างคล่องแคล่ว แข็งแรง ดั่งนักกีฬา การพัฒนาปรัชญาการออกแบบ นากาเร มีความหมายว่า ความต่อเนื่อง ไหลลื่น เป็นธรรมชาติ โดยนำเอาความสวยงามของธรรมชาติที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของสรรพสิ่งในธรรมชาติในหลากหลายลักษณะ ความพิถีพิถันการออกแบบเส้นสายที่ลื่นไหลต่อเนื่องของธรรมชาติผสมผสานเข้ากับการขึ้นรูปของตัวรถ การไหลอย่างต่อเนื่องของสรรพสิ่งในธรรมชาติ อาทิ กระแสลม น้ำ การเปลี่ยนรูปของทรายบนเนินทรายที่เกิดจากกระแสลม สายธาร ลาวา เป็นต้น Mazda ได้นำเอาความสวยงามจากภาพของความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องไหลลื่นเหล่านั้น มาประยุกต์ใช้เป็นการยกระดับของงานดีไซจ์น ภายใต้แนวทางการออกแบบ นากาเร Mazda ได้ออกแบบรถต้นแบบทั้งสิ้น 7 คัน หลังจากนั้นได้นำมาใช้กับการออกแบบรถ Mazda และเป็นรถที่ผลิตเพื่อการจำหน่ายจริง
ความคิดสร้างสรรค์ และแนวทางของ Mazda ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง Mazda ได้นำปรัชญาการออกแบบสำหรับยนตรกรรม และถูกถ่ายทอดมาถึงยุคปัจจุบัน คือ การผสมผสานความสวยงาม และพลังเข้าไว้ด้วยกัน เป็นสิ่งที่มองเห็น และสัมผัสได้ในการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต ทั้งมนุษย์ และสัตว์ เป็นช่วงจังหวะของการเคลื่อนไหวที่กำลังจะเริ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ช่วงจังหวะที่เสือซีตาห์กำลังกระโจนเข้าตะครุบเหยื่อ หรือศิลปะการป้องกันตัวในอดีตของญี่ปุ่น ในจังหวะที่ดาบ “เคนโด” กำลังจะถูกฟาดเพื่อเข้าจู่โจม ทั้งหมด คือ ช่วงเวลาขณะที่พละกำลังถูกรวบรวมเอาไว้เพื่อใช้งาน ได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว เป็นการแสดงออกถึงความสมดุลของความแข็งแกร่ง และความปราดเปรียว ในจังหวะเข้าจู่โจมนั้นต้องใช้สมาธิ และการช่วงชิงจังหวะ ทำให้รับรู้ได้ถึง พละกำลัง ความเร็ว กล้ามเนื้อ และรูปทรงที่มีความแข็งแรง ทั้งหมดเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เป็นความสวยงามอย่างประณีต มีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ
Mazda ได้ผสมผสานคุณสมบัติทั้ง 3 อย่างเพื่อเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขึ้นรูปของ โคโดะ ดีไซจ์น จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวที่งดงาม "Kodo-Soul of Motion" ประกอบด้วย
• ความรวดเร็ว (Speed) : การขึ้นรูปที่บ่งบอกถึงความรวดเร็ว ให้ภาพของรถยนต์ที่มีการปลุกเร้าสัญชาตญาณของสรรพสิ่งที่มีชีวิตให้เกิดความต้องการในการควบคุมเครื่องจักรอันนี้ เป็นเครื่องจักรที่มีความเร็ว และทรงพลัง
• ทรงพลัง (Tense) : การขึ้นรูปที่ก่อให้เกิดความพิถีพิถันของความแข็งแกร่งมีพละกำลัง ในจังหวะการเริ่มต้นของการเคลื่อนที่เข้าจู่โจม เป็นการขึ้นรูปที่ประณีต ที่มีรากฐานของความเรียบง่ายด้วยสปิริทของชาวญี่ปุ่น
• ความงดงาม (Alluring) : คุณภาพที่สามารถสัมผัสได้ ถ่ายทอดอย่างลึกซึ้ง เหนือระดับ ด้วยความประณีต และการเลือกสรรอย่างมีคุณค่า รู้สึกได้ถึงศิลปะของผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมือของมนุษย์อย่างประณีต
Mazda ได้กำหนดการเคลื่อนไหวโดยฉับพลันแบบนี้ ที่เต็มเปี่ยมด้วยพละกำลัง ความรวดเร็ว แสดงออกอย่างน่าเกรงขาม ให้เป็นแนวทางของการขึ้นรูปงานดีไซจ์น และเป็นการให้คำนิยามของ โคโดะ "Kodo" ที่ Mazda ใช้ในการออกแบบรถยนต์ Mazda ให้มีภาพลักษณ์ของความเร็ว ความทรงพลัง รวมถึงองค์ประกอบต่างๆ ทำให้ดูมีชีวิตชีวา แสดงออกถึงจิตวิญญาณ "Kodo-Soul of Motion" เป็นภาษาการออกแบบใหม่ที่เป็นตัวแทนของรถ Mazda เจเนอเรชันใหม่ Mazda ชินาริ (Shinari) คือ รถต้นแบบที่ออกแบบด้วยความบริสุทธิ์งดงาม เป็นต้นแบบของรถ 4 ประตู และรถสปอร์ท 2 ประตู 4 ที่นั่ง ในภาษาญี่ปุ่น ชินาริ หมายถึง รูปลักษณ์ที่อ่อนโยนสวยงามแต่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง พร้อมกับคุณสมบัติของความยืดหยุ่น สามารถรักษารูปทรงของตัวเองได้ถึงแม้จะได้รับแรงดึง ยืด หรือบิดตัวอย่างรุนแรง คล้ายกับคุณสมบัติธรรมชาติในเหล็ก และไม้ไผ่ ชินาริ ยังหมายถึง ตัวตนของบุคคล หรือสิ่งมีชีวิตที่พร้อมจะเคลื่อนไหวอย่างอิสระได้ด้วยความรวดเร็วฉับไว ภายใต้การเคลื่อนไหวดังกล่าว นักออกแบบ Mazda จึงได้ค้นพบศักยภาพที่แท้จริง
เพื่อนำแนวคิดมาพัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นจริง รถยนต์ Mazda ทุกคันถูกพัฒนาขึ้นอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การขึ้นรูปโมเดลจากดินเหนียว ก่อนเติมความโฉบเฉี่ยวผสมผสานเส้นสายที่เรียบง่ายด้วยแนวคิดการออกแบบ Kodo Design ที่เรียบง่ายแต่งดงาม ช่วยสร้างความสมบูรณ์แบบให้แก่รถยนต์ ด้วยสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น ที่พัฒนายนตรกรรมให้มีความสง่างามเสมือนงานศิลปะชิ้นเอก ดึงดูดใจผู้พบเห็น ทีมออกแบบ และวิศวกรได้ทำงานร่วมกันเพื่อเนรมิตรถยนต์ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลายหลาย ด้วยห้องโดยสาร และพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง ในขณะที่ยังคงไว้ซึ่งรูปลักษณ์ที่สวยงามทั้งภายนอก และภายใน
ความสำเร็จจากการออกแบบภายใต้ โคโดะ ดีไซจ์น ไม่ได้ถูกจำกัดในบางประเทศเท่านั้น แต่ยังได้รับรางวัลการันตีความสำเร็จมากมายมาแล้วทั่วโลก รางวัล 2020 World Car Design of the Year, 2021 Canadian Car of the Year, 2010 Red Dot "Best of the Best" จากประเทศเยอรมนี ในรถยนต์ All New Mazda3 (มาซดา 3) ใหม่ และรางวัลอีกมากมาย อาทิ รางวัล 2020 Red Dot award ประเภท Product design จากประเทศเยอรมนี รางวัล 2020 Design trophy ประเภท SUV และประเภท Champion of all classes จากประเทศเยอรมนี และยังเป็นรถยนต์ญี่ปุ่นเพียงแบรนด์เดียวที่เข้ารอบ 3 คันสุดท้าย เพื่อชิงรางวัล 2020 World Car of the Year และ World car design of the Year ในรถยนต์ All-New Mazda CX-30 (มาซดา ซีเอกซ์-30) ใหม่
สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงปัจจัยบางส่วนที่ทำให้ Mazda ประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก Mazda เป็นแบรนด์รถยนต์เล็กๆ ที่มีต้นกำเนิดจากการเป็นผู้ผลิตจุกไม้คอคจากเมืองฮิโรชิมา ได้ก้าวผ่านความท้าทายในหลายยุคหลายสมัยจนสามารถครองใจผู้คนในระดับโลก และมีฐานแฟนคลับอย่างแน่นหนาในหลายประเทศ Mazda จะเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ส่งมอบประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้แก่ลูกค้า ควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนให้แก่ โลก สังคม และผู้คน อันเป็นพันธกิจของเราตลอดไป
