ธุรกิจ
Suzuki รุกตลาดครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่

บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดการประชุมผู้จำหน่ายรถยนต์ Suzuki (ซูซูกิ) ทั่วประเทศ ประกาศกลยุทธ์ครึ่งปีหลังของปี 2568 โดยมีแผนเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในเดือนกันยายนนี้ เพื่อบรรลุเป้าขาย 8,000 คัน ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโต 41 % เมื่อเทียบจากยอดขายในปีที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้ายกระดับงานบริการหลังการขาย เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดสำคัญอย่างยิ่งของ Suzuki และสร้างความเชื่อมั่น และประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
ทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า Suzuki จัดประชุมผู้จำหน่ายเพื่อเตรียมความพร้อม และสื่อสารให้ผู้จำหน่ายได้รับทราบถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง และแข็งแกร่ง พร้อมบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
หัวข้อสำคัญที่ได้มีการประกาศให้ผู้จำหน่ายได้รับทราบ คือ แผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่จะถูกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยภายใต้กลยุทธ์สำคัญอย่าง Global Model
ครึ่งปีหลัง Suzuki มุ่งมั่นที่จะแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดในประเทศไทยอย่างชัดเจน นอกจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว ยังมีการเตรียมแผนงานเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรของผู้จำหน่ายอย่างรอบด้าน เพื่อรองรับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากการดูแลด้วยความจริงใจอย่างแท้จริง
“กลยุทธ์การนำเข้ารถยนต์ Global Model คือ หนึ่งในแผนงานที่เราได้ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2567 ซึ่งนอกจากการนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตในประเทศอินโดนีเซียมาเป็นผลิตภัณฑ์หลักสำหรับจำหน่ายให้แก่ลูกค้าชาวไทย เรายังเตรียมนำเข้ารถยนต์รุ่นที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นจากภูมิภาคอื่นมาจำหน่ายอีกด้วย โดยจะยังคงรักษาจุดแข็งในเรื่องความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่มีให้ลูกค้าได้เลือกใช้งานตามไลฟ์สไตล์ และความต้องการ”
การประชุมครั้งนี้ยังตอกย้ำถึงความพร้อมของ Suzuki ในการเดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง ด้วยการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดในเชิงรุก ทั้งการโฆษณาออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดีย และกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการทำงานร่วมกับเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศเพื่อผลักดันยอดขายให้บรรลุเป้าหมายที่ 8,000 คันภายในปีนี้ ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโต 41 % เมื่อเทียบจากยอดขายในปีที่ผ่านมา และสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตของ Suzuki ในประเทศไทยต่อไป
วัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจว่า สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง คือ การรักษาความเชื่อมั่น และไว้วางใจจากผู้บริโภค ทั้งในด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ และงานบริการหลังการขาย ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญของ Suzuki
Suzuki มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพงานบริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำนวัตกรรม S-Solution มาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้เต็มรูปแบบ ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะดวก และมั่นใจในการใช้บริการผ่านระบบ Dealer Management System (DMS) รวมถึงการนำเสนอแคมเปญ “Suzuki Worry Free” ที่มอบสิทธิพิเศษมากมายให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ ยังได้ตอกย้ำพันธกิจในการมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าผ่านการยกระดับการให้บริการหลังการขาย ด้วยการขยายเครือข่ายศูนย์บริการมาตรฐาน 2S (Service & Spare Parts) เพื่อให้บริการควบคู่ไปกับศูนย์บริการหลักประเภท 3S (Sales, Service & Spare Parts) เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง และรวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีแผนงานจะเพิ่มศูนย์ซ่อมตัวถัง และสีมาตรฐานให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีให้บริการแล้วจำนวน 44 แห่ง อีกทั้งยังได้สนับสนุนให้ผู้จำหน่ายขยายบริการ “Mobile Service” หรือบริการดูแลรถยนต์นอกสถานที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้รับการดูแลรถยนต์โดยไม่ต้องเดินทางไปยังศูนย์บริการ โดยทีมช่างผู้ชำนาญการพร้อมให้บริการพื้นฐานที่จำเป็น อาทิ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตรวจเชคระบบเบื้องต้น เช่น ระบบเบรค แบทเตอรี หรือยาง และบริการบำรุงรักษาตามรอบระยะ เป็นต้น
วัลลภ กล่าวตอนท้ายว่า Suzuki ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมของผู้จำหน่ายทุกรายตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้สามารถรองรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ความพร้อมในวันนี้ คือ สิ่งสำคัญที่จะตอกย้ำให้ลูกค้าเห็นถึงความมุ่งมั่นของ Suzuki ในการยึดมั่นในแนวทาง "Suzuki Cause We Care-เหนือกว่าความใส่ใจ คือ ความเข้าใจทุกความต้องการ" ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาบริการ และผลิตภัณฑ์คุณภาพตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน และพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้า และชุมชนในทุกช่วงเวลา"