บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/2568 มีรายได้ขาย และบริการ 167,166 ล้านบาท ลดลง 15,256 ล้านบาท หรือ 8.4 % จากไตรมาสก่อนหน้า กลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Global ได้รับผลกระทบหลักจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 7.1 % โดยหลักจากธุรกิจค้าปลีกอาหาร และเครื่องดื่ม ตามรายได้ขายที่เพิ่มขึ้นจากยอดจำหน่าย Cafe Amazon กว่า 107 ล้านแก้ว
หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีรายได้จากการขาย และบริการรวม 167,166 ล้านบาท ลดลง 15,256 ล้านบาท หรือ 8.4 % จากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับผลกระทบหลักจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ส่งผลต่อกลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Global ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 422 ล้านบาท หรือ 7.1 % โดยหลักมาจากธุรกิจค้าปลีกอาหาร และเครื่องดื่ม รวมถึงธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 OR มีรายได้จากการขาย และบริการรวม 349,588 ล้านบาท ลดลง 3.4 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่สามารถสร้าง EBITDA ได้ 11,036 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2 % จากปีก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้นในกลุ่มธุรกิจ Lifestyle จากธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม ที่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานได้ดีขึ้น และกลุ่มธุรกิจ Global จากกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในประเทศ สปป.ลาว เป็นหลัก ส่งผลให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 OR มีกำไรสุทธิ จำนวน 6,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 351 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.6 % คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.55 บาท
แม้ในไตรมาสนี้ OR ต้องเผชิญปัจจัยท้าทายจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน แต่ OR ยังคงเดินหน้าพัฒนา และขยายธุรกิจในกลุ่ม Lifestyle อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแบรนด์ Cafe Amazon ที่ยังคงเติบโตดี และตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลักดันกาแฟระดับพรีเมียม “อเมซอน พรีเมียม Selected Cup” พร้อมประเดิมกลยุทธ์พรีเซนเตอร์มาร์เกทิง เปิดตัว อิ้งค์-วรันธร เปานิล เป็นพรีเซนเตอร์เป็นครั้งแรก ซึ่งในไตรมาสนี้ Cafe Amazon มียอดจำหน่ายมากกว่า 107 ล้านแก้ว เพิ่มขึ้น 5 ล้านแก้ว หรือคิดเป็น 4.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน OR มีเครือข่ายร้าน Cafe Amazon รวม 4,547 สาขา ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ เช่น ร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ 7-Eleven และจิฟฟี ในประเทศไทย 2,339 สาขา รวมทั้ง found & found ร้านค้าปลีกด้านสินค้าสุขภาพ และความงาม ได้ขยายเครือข่ายครอบคลุม 10 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตอกย้ำการวางรากฐานที่มั่นคง รองรับแผนการเติบโตในระยะต่อไป
นอกจากนี้ OR ยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจดิจิทอล และการทำ Digital Transformation โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ากับการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างประโยชน์เชิงกลยุทธ์ และผลลัพธ์ที่จับต้องได้ โดยออกแบบ และจัดทำ Digital Roadmap ที่ผนวกแนวโน้มเทคโนโลยีระดับโลกใน 5-10 ปีข้างหน้า ร่วมกับวิสัยทัศน์ของ OR ซึ่งจะเป็นเข็มทิศหลักในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยี ผ่านการทำ Digital Transformation ทั้งองค์กร โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา OR ได้พัฒนาแอพพลิเคชัน “blueplus+” โฉมใหม่ ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางของ OR’s Ecosystem ทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลบริการ และสิทธิประโยชน์จากทุกแบรนด์เข้าด้วยกัน ที่จะช่วยให้ OR เข้าใจลูกค้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างครบวงจร
ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง และการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ในทุกมิติ OR ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตควบคู่ไปกับเศรษฐกิจ และสังคม ผ่านการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภค และการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ OR ในการเติมเต็มโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน