ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Mercedes-AMG (เมร์เซเดส-เอเอมจี) ปล่อยตัวแข่งใหม่ ใช้พื้นฐานจากรถจีทีโมเดล C190 อัพเกรดเป็น GT2 Edition W16 (จีที 2 เอดิชัน ดับเบิลยู 16) จนเป็นตัวแข่งที่มีพละกำลังมากที่สุด ด้วยเครื่องยนต์ วี 8 สูบ ทวินเทอร์โบ ความจุ 4.0 ลิตร ให้กำลัง 610 กิโลวัตต์/818 แรงม้า และแรงบิด 1,000 นิวทันเมตร/102.0 กก.ม. อัพเกรดจากตัวแข่ง GT2 ซึ่งเปิดตัวในปี 2565 ที่ให้กำลัง 527 กิโลวัตต์/707 แรงม้า และแรงบิด 800 นิวทันเมตร/81.6 กก.ม.
และมีการเพิ่มความร้อนแรงด้วยระบบ Push 2 Pass จากปุ่มควบคุมที่พวงมาลัย สามารถระเบิดพลังสูงสุดในช่วงเวลาสั้นๆ เพิ่มกำลังขึ้นอีก 73 กิโลวัตต์/98 แรงม้า และแรงบิด 200 นิวทันเมตร/20.4 กก.ม. พลังขับเคลื่อนส่งไปยังล้อหลังผ่านเพลากลางคาร์บอนไฟเบอร์ ไปสู่ชุดเกียร์แบบซีเควนเชียล 6 จังหวะ ติดตั้งอยู่กับชุดเฟืองท้าย
Mercedes-AMG GT2 Edition W16 ใช้ล้อแมกนีเซียมขนาด 18 นิ้ว และมีน้ำหนักตัวรถ 3,153 ปอนด์ (1,430 กิโลกรัม) เสริมแพคเกจแอร์โรไดนามิค ควบคุมด้วยปุ่มเปิดระบบ DRS (Drag Reduction System) ปิดช่องระบายลมเหนือซุ้มล้อ และปรับมุมปีกหลัง เพื่อลดแรงฉุดจากกระแสลม จนได้ความเร็วเพิ่มขึ้นกว่า 199 ไมล์/ชม. (320 กม./ชม.)
สำหรับระบบ DRS และ Push2Pass สามารถแยกใช้งาน หรือจะใช้งานพร้อมกันก็ได้ ยังมีชอคอับ และเหล็กกันโคลงแบบปรับได้ ห้องโดยสารให้ความปลอดภัยสูงสุดด้วย Safety Cell วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และเข็มขัดนิรภัย 5 จุด หากเกิดอุบัติเหตุนักแข่งสามารถเปิดระบบดับเพลิง 5 ตำแหน่ง หรือออกจากรถผ่านช่องทางฉุกเฉินได้
สำหรับค่าตัวของ Mercedes-AMG GT2 Edition W16 ทางค่ายเคาะราคาไว้ที่ 679,000 ยูโร (ประมาณ 25.54 ล้านบาท) ก่อนคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม หากสนใจคงต้องรีบตัดสินใจเพราะรุ่นนี้ผลิตออกมาเพียง 30 คันเท่านั้น
หากต้องการรถที่ใช้งานบนถนนสาธารณะได้ ยังมี Mercedes-AMG GT เจเนอเรชัน 2 เวอร์ชัน Track Sport สเปคระดับ GT3 ที่รับรองให้ใช้บนถนนสาธารณะได้ถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยพื้นฐานจากโมเดล C192 ซึ่งเปิดตัวในปี 2566 พร้อมขุมพลัง วี 8 สูบ ที่ได้รับการอัพเกรดเพิ่ม
บทความแนะนำ