Quattroruote ลองของแรง
ALFA ROMEO 33 STRADALE งานศิลป์ที่เคลื่อนไหวได้
รถคันนี้ คือ หมายเลข 0 ถือเป็นรถคันแรกที่ผลิตขึ้น เราใช้มันสำหรับทดสอบเพื่อพัฒนา และปรับปรุงตัวรถโดยรวม เพื่อการเข้าร่วมกิจกรรมทั่วโลกนับไม่ถ้วน และวันหนึ่งรถคันนี้จะถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ของ ALFA ROMEO (อัลฟา โรเมโอ) ด้วยพื้นหลังของข้อมูลตามนี้ ทำให้เรารู้ว่าวันนี้จะไม่ใช่แค่วันธรรมดา และที่สำคัญที่สุด คือ ทีมงานของเราตระหนักดีว่ารถที่กำลังจะได้ขับนี้ ไม่ใช่แค่รถสปอร์ททั่วไป แต่เป็นการแสดงออกถึงรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์ เต็มไปด้วยความหมาย ความหลงใหล และประวัติศาสตร์ เมื่อพูดถึง "ประวัติศาสตร์" เราไม่ได้หมายถึงผลงานชิ้นเอกในปี 1967 ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับ 33 STRADALE (33 สตราดาเล) รุ่นนี้ แต่หมายถึงประวัติศาสตร์ที่เพิ่งเริ่มเขียนขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถึงขั้นที่ว่าช่วงฤดูร้อนนี้จะมีหนังสือเล่าถึงการถือกำเนิดของมันออกวางจำหน่าย เพราะที่มาของ 33 STRADALE ในยุคปัจจุบันนั้นมีความคลาสสิค และท้าทายจริงๆ ซึ่งคุณ CRISTIANO FIORIO หัวหน้าฝ่ายการตลาด และสื่อสารระดับโลกของ ALFA ROMEO พยายามเล่าให้ฟังก่อนจะพาผมขึ้นรถ
ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นราวปี 2021 จากไอเดียของ CEO ในขณะนั้น เขาชื่อว่า JEAN-PHILIPPE IMPARATO ที่แนะว่า "เราน่าจะลองสร้างรถรุ่นพิเศษแบบผลิตจำนวนน้อยออกมาบ้าง" จากนั้นก็เกิดเป็นสตาร์ทอัพที่ประกอบด้วยทีมกลุ่มเล็กๆ ที่มีแรงผลักดันสูง แม้คณะกรรมการของ ALFA ROMEO เองจะยังไม่เห็นด้วยในทีแรก เพราะกลัวว่าทีมนี้จะถูกเบี่ยงเบนความสนใจจากงานหลัก นั่นคือ การพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ที่ผลิตขายทั่วไป และจากจุดนี้ เรื่องราวก็กลายเป็นเหมือนหนัง "MISSION : IMPOSSIBLE" คณะกรรมการอนุญาตให้ประเมินแนวคิดนี้ได้ แต่ตั้งเงื่อนไขที่เข้มงวดสุดๆ กล่าวโดยสรุป คือ “เราไม่ให้เงินทุนในเฟสแรก คุณต้องขายรถทุกคันล่วงหน้าด้วยรูปวาดเท่านั้น เก็บเงินมัดจำจากลูกค้า สร้างรายชื่อลูกค้าที่รอซื้อ และเสนอแผนทางเทคนิค และแผนธุรกิจที่ชัดเจน พอมีทั้งหมดนี้แล้ว ค่อยมาคุยกันอีกที” FIORIO เล่าต่อว่า “วันที่ 17 เมษายน 2023 เรากลับไปหาคณะกรรมการพร้อมงานที่ทำเสร็จแล้ว และการผจญภัยก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ” ทีมงานต้องทำงานทั้งกลางคืน และในช่วงวันหยุด เพราะยังมีหน้าที่หลักอยู่ เขาพบลูกค้า 3 รายแรกที่สนามแข่งรถ F1 นั่นคือ สนาม MONZA ซึ่งตอนนั้นมีแค่ภาพร่าง แต่ทั้ง 3 คนก็ตกลงซื้อทันที พอถึงเดือนพฤศจิกายน ก็มีลายเซนยืนยันแล้วถึง 26 คน และยังมีนัดหมายอีก 15 ราย
ปัญหาเริ่มเกิดขึ้น เพราะจำนวนผลิตจำกัดที่ 33 คัน แต่มีคนสนใจมากกว่านั้น และทางผู้ผลิตยืนกรานว่าจะไม่มีการผลิตเพิ่มเติมแม้แต่คันเดียว เพื่อคงมูลค่าของรถไว้ ทำให้ตอนนี้ราคาขึ้นไปแล้ว 3 เท่า (จากราคาเริ่มต้น คือ 1.5 ล้านยูโร) ทีมงานจึงต้องเริ่มกำหนด "เกณฑ์การคัดเลือกผู้ซื้อ" ขึ้นมา ได้แก่ การกระจายผู้ซื้อให้ครอบคลุมหลายภูมิภาค ลูกค้าต้องเป็นนักสะสม ALFA ROMEO รวมถึงการมีคุณสมบัติเป็น “บแรนด์แอมบาสเดอร์” ที่ใช้รถจริง ไม่เอาไปเก็บในโรงรถเฉยๆ “สิ่งทีเกิดขึ้นเป็นช่วงเวลาทางอารมณ์ที่ซับซ้อนมาก ลูกค้าบางคนมีความสันพันธ์ที่ดีมาก จนกลายเป็นเพื่อนกับเราแล้ว แต่เราก็ต้องปฏิเสธพวกเขา” ตัวรถเริ่มขั้นตอนถัดมากับการคัดเลือกซัพพลายเออร์ทั้งหมดจากประเทศอิตาลี โดยเป็นรูปแบบ TOURING SUPERLEGGERA นั่นคือ การจัดตั้งโรงงานขนาดเล็กเพื่อประกอบรถ ต่อมาการทดสอบแรกเกิดขึ้นที่สนาม BALOCCO กับนักขับทดสอบ คือ VALTTERI BOTTAS (นักแข่ง ALFA ROMEO SAUBER F1 ในเวลานั้น และเป็นหนึ่งในเจ้าของ 33 STRADALE ด้วย) สุดท้าย รถสปอร์ทหมายเลข 1 ก็ถูกส่งมอบตามกำหนดในวันที่ 17 ธันวาคม 2024 ให้แก่นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นลูกค้ารายแรก
ทำไมต้องวันที่ 17 ตลอด ? เพราะในวันที่ 17 ปี 1966 วิศวกรที่มีชื่อว่า CARLO CHITI ได้สั่งงานให้ FRANCO SCAGLIONE ออกแบบรถสปอร์ทที่จะกลายเป็นตำนาน นั่นคือ TIPO 33 (ตีโป 33) และ 33 STRADALE รุ่นดั้งเดิม
เมื่อขึ้นมานั่งบนเบาะผู้ขับ การเริ่มต้นของบทกวีแห่งความเร็วก็พร้อมขับขาน ขณะที่เราขับเจ้า STRADALE รุ่นใหม่หลังจากได้ฟังเรื่องราวจาก FIORIO เราขับด้วยความระมัดระวัง และเคารพอย่างที่สุด และยังจินตนาการถึง "เรื่องราวที่ไม่เป็นทางการ" อีกด้านหนึ่ง
สิ่งที่นึกถึง คือ บุคคลที่มีชื่อว่า MARCHIONNE ที่ในปี 2018 ก่อนจะจากไป ได้เสนอแผนสร้างรถสปอร์ทใหม่ อาจจะชื่อ 6C (6 ซี) โดยทีมงานจากเมือง MODENA ที่สร้าง GIULIA (จูลีอา) และ STELVIO (สเตลวีโอ) ขึ้นมา แต่สุดท้ายพโรเจคท์นั้นไม่ได้เกิดขึ้น กลายเป็น MASERATI MC20 (มาเซราตี เอมซี 20) ที่เปิดตัวในปี 2020 แทน
มาถึงวันนี้ โครงสร้างพื้นฐานของ MC20 ถูกใช้ใน 33 STRADALE รุ่นนี้ มีตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์สุดหรู เครื่องยนต์ วี 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ พร้อมระบบจุดระเบิดคู่ ทว่ามีความแตกต่างชัดเจน เช่น ท่อไอเสียที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ให้เสียงที่ดังกระหึ่มอย่างที่ควรจะเป็นสำหรับเครื่องยนต์ 630 แรงม้า พร้อมเสียงหวีดแหลมของชุดเทอร์โบที่ได้ยินชัดเจน สิ่งที่แปลก คือ รู้สึกเหมือนขับ “รถต้นแบบ” เพราะกระจกหน้ามีรูปทรงโค้งมนเฉพาะตัว กระจกข้างก็มีดีไซจ์นแปลกใหม่ และความรู้สึกเมื่อสัมผัสปุ่มควบคุมต่างๆ ที่ผลิตจากโลหะตัน มีน้ำหนักมาก ชวนให้นึกถึงยุคก่อน
เราพอจะสรุปได้ในเบื้องต้นว่า จิตวิญญาณของ ALFA ROMEO เดิมทีสามารถสัมผัสได้จากการออกแบบคอนโซลกลาง และส่วนของหลังคา แต่ไม่ใช่สำหรับรถสปอร์ทรุ่นนี้ เพราะ 33 STRADALE คันนี้ "ต้องมาขับด้วยตัวเอง" เท่านั้น รถสปอร์ทรุ่นนี้สามารถหักเลี้ยวทันทีที่ผู้ขับคิดถึงมุมถัดไป ล้อคู่หลังส่งกำลังได้ต่อเนื่อง ตอบสนองทุกการบังคับควบคุมผ่านคันเร่ง และพวงมาลัยได้อย่างง่ายดาย ตรงไปตรงมา ให้การขับขี่ที่เร้าใจ และเร็วอย่างน่าทึ่ง นี่แหละ คือ สิ่งที่ ALFA ROMEO ทุกคันควรเป็น
ลูกค้าทั้ง 33 คนของรถรุ่นนี้แทบทุกราย ได้มีส่วนร่วมของการออกแบบรุ่นพิเศษของแต่ละคนผ่านแบบจำลองของรถแนวคิด BOTTEGA ALFA ROMEO ซึ่งเป็นห้องเล็กๆ ภายในพิพิธภัณฑ์ที่เมือง ARESE สถานที่เดียวกันกับที่ในปี 1967 โดยทีมงานผู้พัฒนารถมีชื่อว่า SCAGLIONE ได้นำรถต้นแบบ 33 คันแรกมาแสดงให้หัวหน้าของค่ายรถ คือ CHITI ดูตัวเลือกในการปรับแต่งรถนั้นมีมากมาย และครอบคลุมทุกส่วนของตัวรถ เช่น กระจังหน้าแบบ MODERN ALFA ROMEO (ตามภาพ) หรือแบบคลาสสิค ฝากระโปรงหน้า ที่สามารถเลือกได้ว่าจะมีช่องระบายอากาศ 1 ช่อง, 4 ช่อง หรือไม่มีเลย ซุ้มล้อหลัง สามารถเลือกให้เป็นแบบชิ้นเดียว หรือแบบเปิดโล่งเหมือนในภาพ ลวดลายของล้อแมกมีให้เลือก 3 แบบ (หนึ่งในนั้นเป็นแรงบันดาลใจให้ล้อของรุ่น JUNIOR) การเลือกใช้วัสดุ และสีสันที่หลากหลายสำหรับชิ้นส่วนภายใน และภายนอกเกือบทุกจุด อย่างไรก็ตาม การกำหนดสเปครถขั้นสุดท้าย จะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ผลิตก่อน รถแนวคิด BOTTEGA ALFA ROMEO ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรุ่น 33 STRADALE เท่านั้น แต่จะถูกใช้สำหรับโครงการในอนาคตด้วย โดยโครงการที่ 2 (ซึ่งยังเป็นความลับ) กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ ในภาพ เราจะเห็นแผงควบคุมพิเศษบริเวณคอนโซลกลาง หน้าจอระบบความบันเทิงที่ถูกออกแบบให้สามารถเก็บซ่อนได้ และจะถูกเปิดออกมาเฉพาะเมื่อจำเป็นจริงๆ ด้านขวามือ ยังมีชิ้นส่วนของชุดกระเป๋าเดินทางที่ออกแบบพิเศษเฉพาะสำหรับรถสปอร์ทคันนี้ด้วย
ทีมงานของ ALFA ROMEO กำลังพัฒนารุ่นผลิตจริงของ 33 STRADALE สำหรับคันจริงเตรียมเผยโฉมเร็วๆ นี้
แรงบันดาลใจจากอดีต
หาก 8C COMPETIZIONE รุ่นปี 2007 ได้รับแรงบันดาลใจอย่างเลือนรางจาก 33 STRADALE ดั้งเดิม รุ่นล่าสุดนี้ก็ก้าวไปไกลยิ่งกว่า และเป็นการคารวะอย่างบริสุทธิ์ใจต่อหนึ่งในรถยนต์ที่สวยที่สุดเท่าที่เคยมีมา ถูกผลิตระหว่างปี 1967 ถึง 1969 รถ ALFA ROMEO รุ่นนี้เป็นรถที่เตรียมจำหน่ายจริงคันแรกที่มีประตูแบบปีกผีเสื้อ และเป็นเวอร์ชันที่ผ่านการรับรองของ TIPO 33 ซึ่งระหว่างปี 1967 ถึง 1977 ได้คว้าชัยชนะมากมายในการแข่งขัน โดยรวมถึงแชมป์โลกประเภทต้นแบบรถสปอร์ทถึงสามสมัย รุ่นสำหรับวิ่งบนถนนที่ออกแบบโดย FRANCO SCAGLIONE ใช้เครื่องยนต์ วี 8 สูย ขนาด 2.0 ลิตรที่ออกแบบโดยวิศวกรชื่อ BUSSO และต่อมาถูกพัฒนาโดย AUTODELTA ของ CHITI จากจำนวนทั้งหมดที่ผลิต 18 คัน ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 11 คันเท่านั้น
33 STRADALE ถูกรังสรรค์ขึ้นโดยมีโครงสร้างหลักเป็นแชสซีส์คาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมหลังคาที่ทำจากวัสดุชนิดเดียวกัน แต่เสริมด้วยโครงเหล็ก และอลูมิเนียม เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของตัวถัง
รถสปอร์ทน้ำหนักเบา ประวัติศาสตร์ที่ถูกนำกลับมาอีกครั้ง
ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งศตวรรษแห่งประวัติศาสตร์ (ซึ่งจะถูกเฉลิมฉลองในปีหน้า) รูปแบบ TOURING SUPERLEGGERA และ ALFA ROMEO มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเสมอ สำนักออกแบบตัวถังรถจากเมืองมิลาน ซึ่งเป็นผู้คิดค้นวิถีการพัฒนาตัวรถแบบ SUPERLEGGERA (การใช้แผ่นอลูมิเนียมรองรับด้วยโครงเหล็ก) ได้สร้างสรรค์ผลงานที่งดงามที่สุดของค่าย ALFA ROMEO หลายรุ่น เช่น 6C, 8C และ DISCO VOLANTE เป็นต้น และในวันนี้ การรังสรรค์ที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ดังกล่าวได้กลับมาอีกครั้งกับ 33 STRADALE ซึ่งการผลิตได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่โรงงานแห่งใหม่ซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองทูรินเล็กน้อย รถสปอร์ทของ ALFA ROMEO ทั้ง 33 คันนี้ถูกประกอบขึ้นด้วยกระบวนการที่ใช้ฝีมือแบบช่างศิลป์โดยสมบูรณ์ มีทั้งหมด 8 สถานี โดยมี 4 สถานีสำหรับการประกอบ และอีก 4 สถานีสำหรับการเก็บงาน และควบคุมคุณภาพ รวมถึงการผลิตแต่ละคันที่ใช้เวลาค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับการผลิตจำนวนมาก โดยตั้งแต่หมายเลข 0-5 ใช้เวลา 6 สัปดาห์ (ในขณะที่เขียนบทความนี้ ได้ดำเนินการถึงคันที่ 8 แล้ว) แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมากขึ้น เวลาการผลิตสามารถลดลงเหลือเพียงหนึ่งเดือน (ตั้งแต่คันที่ 6-12) หรือแม้แต่ 3 สัปดาห์ (ตั้งแต่คันที่ 12 เป็นต้นไป) โดยมีเงื่อนไขว่าการปรับแต่งที่ลูกค้าสั่งไว้จะต้องไม่ซับซ้อนเกินไปจนต้องใช้เวลานานกว่านั้น
สายการผลิตของรถสปอร์ทรุ่นนี้จะได้รับตัวถังแบบ Rolling Chassis ซึ่งจะถูกวางลงบนแท่นรองรับเฉพาะทันที เพื่อทำการสแกนอย่างแม่นยำ เตรียมความพร้อมสำหรับการติดตั้งชิ้นส่วนของเครื่องยนต์กลไก ระบบอิเลคทรอนิคส์ และโครงสร้างที่จำเป็นสำหรับการประกอบ หลังจากติดตั้งเฟรมด้านหน้า และด้านหลังแล้ว ขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนที่สุดก็จะเริ่มต้นขึ้น นั่นคือ การยึดส่วนหลังคา (ซึ่งใช้ทั้งการยึดด้วยกาว และสกรู และยังทำหน้าที่เสริมโครงสร้างตัวถังด้วย) หลังคานี้จะกลายเป็นจุดอ้างอิงหลักสำหรับการวางตำแหน่งแผงส่วนกระกอบตัวถังอื่นๆ ทั้งหมด โดยใช้แม่แบบพิเศษช่วยในการจัดวาง จากนั้นจะติดตั้งชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวได้ (ประตูเปิดในแนวตั้ง ฝากระโปรงหน้า และฝาหลัง) แล้วตามด้วยชิ้นส่วนอื่นๆ ทั้งหมด
จากนั้น 33 รุ่นนี้จะถูกส่งไปยังเมืองมิลานเพื่อทำสี และเมื่อกลับมาที่เมืองทูรินอีกครั้ง รถจะถูกวัดขนาดอีกครั้ง และติดตั้งชิ้นส่วนอุปกรณ์เสริมที่ยังขาดอยู่ รวมถึงห้องโดยสารภายใน หลังจากผ่านการทดสอบการรั่วซึมน้ำที่เข้มงวดอย่างมาก รถจะเข้าสู่ขั้นตอนแรกของการตรวจสอบคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่างเทคนิคจากรุ่น TOURING และของค่ายรถ ALFA ROMEO จะผลัดกันตรวจสอบคุณภาพของงานประกอบ แน่นอนว่า มาตรฐานสำหรับรถสปอร์ทราคาแพงเช่นนี้ย่อมสูงกว่าปกติอย่างมาก
เมื่อผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ รถจะถูกนำไปทดสอบเบื้องต้นใกล้โรงงาน ก่อนจะถูกส่งไปยังสนามทดสอบ BALOCCO เพื่อทำการทดสอบในระยะทางประมาณ 80 กม. อย่างละเอียด สุดท้าย รถจะกลับมาที่เมือทูรินอีกครั้งเพื่อผ่านการตรวจสอบคุณภาพขั้นสุดท้าย การเตรียมพร้อม และการส่งมอบ ลูกค้ายังมีสิทธิ์ในการชมกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอน และสามารถเลือกเลข 3 หลักสุดท้ายของหมายเลขแชสซีส์ได้อีกด้วย
การรังสรรค์แบบ TOURING SUPERLEGGERA โดยสายการผลิตจะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2027 ภาพด้านบน แสดงให้เห็นเครื่องยนต์ เบนซิน เทอร์โบคู่ แบบ วี 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร พัฒนาโดยค่าย MASERATI รวมถึงโครงสร้างตัวถัง
ข้อมูลจำเพาะ
ข้อมูลรถทดสอบจากผู้ผลิต
เครื่องยนต์
- วางตามยาวด้านหลัง
- เบนซิน เทอร์โบคู่ วี 6 สูบ (ทำมุม 90 องศา)
- ความจุ 2,992 ซีซี
- กำลังสูงสุด 463 กิโลวัตต์/630 แรงม้า ที่ 7,500 รตน.
- แรงบิดสูงสุด 730 นิวทันเมตร/74.5 กก.ม. ที่ 3,000 รตน.
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
- เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
สมรรถนะ
- ความเร็วสูงสุด 333 กม./ชม.
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.0 วินาที
- อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ไม่ระบุ
- ค่าไอเสียเฉลี่ย ไม่ระบุ
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 2,700 มม.
- ความยาว 4,640 มม. กว้าง 1,970 มม. สูง 1,220 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 1,500 กก.
ราคา
- เริ่มต้นที่ 1,500,000 ยูโร (ประมาณ 56,240,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)



