Quattroruote ลองของแรง
BUGATTI W16 MISTRAL เจ้าสัตว์ร้ายแสนมหัศจรรย์
รถสปอร์ทเครื่องยนต์สันดาปรุ่นสุดท้ายจากเมือง MOLSHEIM สู่การปิดฉากตำนานรหัส W16 ที่ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับตัวเด่น VEYRON (เวย์รน) ทรงพลังเกินกว่ารถสปอร์ทขับเคลื่อน 4 ล้อใดๆ แถมยังเปี่ยมด้วยความสง่างามโดยกำเนิด ไม่ว่าจะอยู่ในการขับขี่รูปแบบใดก็ตาม
ผมเคยคิดว่าการได้พบ “ฮีโร” ที่เราชื่นชอบ อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก เพราะหลายครั้งสิ่งที่เจอกลับไม่เป็นอย่างที่เราจินตนาการเอาไว้ ความผิดหวังอาจตามมา จนเราสูญเสียความศรัทธาไป แต่สำหรับผม ต้องรอถึง 20 ปี กว่าจะได้พบกับฮีโรในร่างโลหะของตัวเอง ภายใต้เครื่องยนต์แบบ 16 สูบ เสริมด้วยเทอร์โบถึง 4 ลูก และคุณลักษณะทางวิศวกรรมสุดละเอียดลออ ผมหลงใหลมันตั้งแต่ต้นยุค 2000 สมัยที่ยังไม่มีแม้แต่ใบขับขี่ เพียงแค่ฝันอยากได้ลองขับสัตว์ร้ายแสนมหัศจรรย์ที่มีชื่อว่า BUGATTI VEYRON EB 16.4 (บูกัตตี เวย์รน อีบี 16.4)
รถสปอร์ทคันนั้นถือกำเนิดขึ้นจากไอเดียบนซองจดหมาย ระหว่างการเดินทางด้วยรถด่วนชินคันเซ็นจากเมืองโตเกียวไปยังเมืองนาโกยา เป็นผลงานจากมันสมองอันเร่าร้อนของชายผู้มีชื่อว่า FERDINAND PIECH (เฟร์ดินันด์ พีค) ผู้หลงใหลเครื่องยนต์ที่มีความแปลกใหม่ล้ำสมัยมาโดยตลอด และเพื่อการรังสรรค์สุดยอดผลงาน เขาเริ่มต้นจากเครื่องยนต์แบบ W18 จำนวน 3 แถว ก่อนพัฒนาสู่ W16 ที่ในเวอร์ชันผลิตจริงสามารถตอบโจทย์ความทะเยอทะยานของวิศวกรชาวเยอรมันรายนี้ได้สำเร็จ ทั้งหมดถูกสรุปออกมาเป็นตัวเลขง่ายๆ แต่สะเทือนใจคนรักรถทั่วโลก กำลังสูงสุด 1,001 แรงม้า และความเร็วสูงสุด 400 กม./ชม.
การพัฒนาที่ไปได้ไกลกว่านี้
โครงการที่ดูบ้าบิ่นนี้ทำให้ค่ายรถ VOLKSWAGEN (โฟล์คสวาเกน) ขาดทุนมหาศาลกับรถยนต์รุ่น VEYRON ทุกคันที่ขายออกไป แต่สิ่งที่แลกมา คือ การชุบชีวิต BUGATTI ให้กลับมามีลมหายใจอีกครั้ง จากความซับซ้อนที่โลกไม่เคยเห็นจากรถยนต์รุ่นหนึ่งมาก่อน ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา BUGATTI ได้สร้างสถิติความเร็ว และเปิดตัวรุ่นพิเศษออกมามากมาย ในที่สุดแล้ว สิ่งที่สานต่อจาก VEYRON ก็คือ CHIRON (ชีรน) และวันนี้ได้ถือกำเนิดวิวัฒนาการขั้นสุดท้าย (หรือเกือบสุดท้าย) ในฐานะผลงานอำลาเครื่องยนต์สันดาป ก่อนที่รุ่นใหม่อย่าง TOURBILLON (ตูร์บิยอง) รถสปอร์ทระบบพลัก-อิน ไฮบริด พละกำลังร่วม 1,800 แรงม้า จะมาถึงในปี 2026
เพื่อสดุดีเพชรเม็ดงามที่ซ่อนอยู่หลังห้องโดยสาร และเป็นการบอกลาสู่โลกเครื่องยนต์เชื้อเพลิง ทีมงานที่เมือง MOLSHEIM ได้สร้างสปอร์ทโรดสเตอร์ที่ตั้งชื่อตามสายลมว่า MISTRAL (มิสตรัล) หรือในชื่อเต็มที่ควรถูกเรียกอย่างถูกต้องว่า W16 MISTRAL เพราะขุมพลังขนาด 8.0 ลิตรนี้ คือ พระเอกตัวจริง กำลังสูงสุดทะยานถึงระดับ 1,600 แรงม้า และเปล่งเสียงทรงพลังแผดดังกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อเปิดหลังคาออก ทำให้ทั้งผู้ขับ และผู้โดยสารได้ดื่มด่ำกับสุ้มเสียงการหายใจของเครื่องยนต์ 4 เทอร์โบ ที่ไม่มีรถคันใดในโลกเสมอเหมือน
ระหว่างทางมุ่งหน้าไปเมือง MOLSHEIM เพื่อไปพบคันจริง และได้ลองขับ W16 คันแรกในชีวิต มีเพียง 2 สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวผม หนึ่ง คือ เสียงที่จะได้ยิน และสอง คือ ความรู้สึกเมื่อได้ควบคุมรถยนต์ที่ทรงพลังถึง 1,600 แรงม้า ตัวถังมีขนาดใหญ่น่าเกรงขาม และน้ำหนักเกิน 2 ตัน รถคันนี้อาจทำลายความฝันที่สะสมมานานกว่า 20 ปีให้หายวับไปในเสี้ยววินาที หรือบางทีมันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้
นี่คือ รถถังที่วิ่งบนทางตรงเพียงอย่างเดียว หรือจะเป็นสปอร์ทหรูที่หนึบแน่นไปกับพื้นถนน ผมเริ่มต้นพูดคุยกับชายผู้ที่ขับรถสปอร์ทตัวแรงมาหมดแล้วแทบทุกคัน เขาชื่อ ANDY WALLACE หัวหน้าทดสอบรถของ BUGATTI ผู้ที่รู้ดีกับนิยามคำว่า “รถยนต์สมรรถนะสูง” หมายถึงอะไร ในเส้นทางอาชีพอันยาวนาน เขาเคยคว้าชัยในการแข่งขัน 24 HOURS OF LE MANS ตั้งแต่การลงแข่งครั้งแรกกับรถ JAGUAR XJR-9 (แจกวาร์ เอกซ์เจอาร์-9) ในปี 1988 จากนั้นย้ายไปขับกับทีมแข่งของ TOYOTA (โตโยตา) และ McLAREN (แมคลาเรน) บแรนด์ที่ทำให้เขาสร้างสถิติโลกความเร็วสูงสุดกับรถสปอร์ทในตำนานอย่าง McLAREN F1 (386 กม./ชม.) ซึ่งครองตำแหน่งอยู่นานถึง 7 ปี และยังคงเป็นสถิติสูงสุดของเครื่องยนต์แบบไร้ระบบอัดอากาศ จนกระทั่ง VEYRON ก้าวข้ามขีดจำกัดที่ 400 กม./ชม. ท้ายที่สุด เขาก็มาลงหลักปักฐานที่เมือง MOLSHEIM เพื่อร่วมพัฒนารถที่เร็วที่สุดในโลก ANDY เล่าอย่างตรงไปตรงมา “คุณรู้ไหม พอเราเข้าใกล้ 400 กม./ชม. เราจะถามตัวเองว่า “แล้วทำไมไม่ลองไปต่อ?” จากนั้นก็ไปอีก และต่อไปอีก จนเกือบแตะ 500 กม./ชม.” (กับรถสปอร์ทรุ่น CHIRON SUPER SPORT 300+ เขาทำได้ 490.484 กม./ชม.)
คำพูดของเขาทำให้ผมเข้าใจทันทีว่า ANDY ถูกหล่อหลอมมาจากอะไร และสิ่งนั้นก็เป็นการเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการสัมผัสครั้งแรกกับ MISTRAL ที่เขาจะเป็นคนขับให้ผมนั่งไปด้วย “พร้อมหรือยัง ? เดี๋ยวผมจะให้คุณรู้สึกแค่ 600 แรงม้าก่อน แล้วค่อยไปครึ่งหนึ่งของพละกำลังที่แท้จริง จากนั้นเราจะมาดูกันว่าตอนนี้ W16 คันนี้จะให้ความเร็วได้เท่าไรนะ บางวันที่อากาศเย็นๆ ผมเคยได้ถึง 1,620 แรงม้าเลย” เขา คือ คนที่ใช้ชีวิตไปกับการขับ W16 มานับ 100,000 กม. และควบคุมตัวแรงรุ่นนี้ได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อย มาตรวัดความเร็วไต่ขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่ผมเคยเห็น ผมเริ่มหัวเราะแบบไม่รู้ตัว ปล่อยวางทุกสิ่ง นี่คือประสบการณ์เหนือโลกโดยแท้
อารมณ์ที่สัมผัสได้จากข้างใน
ANDY หยุดรถแล้วหันมาบอกว่า “เอาล่ะ คราวนี้ถึงตาคุณบ้าง ให้ผมสนุกบ้างนะ” ผมแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็เลื่อนตัวเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย กดปุ่มปลดปล่อยพลังของเครื่องยนต์แบบ 16 สูบ มอเตอร์สตาร์ทส่งเสียงแหลมสูงแบบเดียวกับรถสปอร์ทหลายสูบระดับหรู แรงสั่นสะเทือนมีเพียงเล็กน้อย ความฝันเริ่มต้นขึ้นแล้ว ผมเข้าเกียร์ D แล้วเหยียบคันเร่งเบาๆ ค่อยๆ ทำความคุ้นเคยกับพวงมาลัย และการตอบสนอง ทุกอย่างกลับง่ายเกินคาด รถที่ทรงพลังขนาดนี้แต่กลับเชื่องมือเกินคาด เมื่อเพิ่มความเร็วขึ้น ผมยิ่งประทับใจกับความละเมียดละไมทางวิศวกรรมที่ซ่อนอยู่ การบังคับควบคุมทำได้ไม่ยากเย็น แต่ก็พร้อมจะผลักดันคุณไปสู่ขอบเขตที่รถคันอื่นทำไม่ได้ พวงมาลัยคมกริบ ถ่ายทอดพื้นผิวถนนมาให้ผู้ขับด้วยความนุ่มนวล ระบบกันสะเทือนแยกคุณออกจากแรงสะเทือนแทบทั้งหมด ตัวถังแทบไม่มีอาการโคลง และทะยานเข้าสู่โค้งด้วยความเร็วที่น่าตกใจเมื่อเทียบกับขนาดของมัน
แต่พระเอกตัวจริงอยู่ข้างหลังผม เครื่องยนต์ W16 กำลังสูงสุด 1,600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,600 นิวทันเมตร รถสปอร์ทรุ่นนี้ คือ อัญมณีที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ แรงผลักดันที่ส่งคุณอัดติดเบาะมาในรูปแบบที่แฝงความสง่างามสุดขั้ว ไม่กระแทกกระทั้น ไม่หยาบคาย แต่พาผู้ขับไปสู่ความเร็วระดับจรวดทางเรียบในพริบตา ที่น่าทึ่ง คือ แม้ในย่านความเร็วต่ำ การทำงานของเครื่องยนต์ยังลื่นไหล และนุ่มนวล และเสียงของขุมพลังนั้น มาจากเสียงดูดอากาศที่ไม่อาจบรรยายได้ เสียงที่กระแทกเข้าถึงอารมณ์อันบาดลึก ราวกับเสียงในความทรงจำที่จะไม่ลืมไปชั่วชีวิต นี่คือบทเพลงจากระบบอัดอากาศคู่ (เทอร์โบทั้ง 4 ชุดทำงานเป็นคู่แบบเรียงลำดับ) ที่ดูดอากาศหลายร้อยลิตรต่อวินาทีห่างจากหูคุณเพียง 100 มม. แล้วระเบิดออกมากับเสียงของชุดเวสต์เกท นี่คือเสียงที่ไม่มีรถคันใดในโลกเสมอเหมือน เป็นความทรงจำที่ตราตรึง และไม่อาจลืมเลือน บทสรรเสริญอำลาแด่เครื่องยนต์แบบ W16 ผลงานวิศวกรรมเชิงกลอันสมบูรณ์แบบแห่งโลกยานยนต์
บทสรุปแห่งตำนาน
MISTRAL คือ การปิดฉากประวัติศาสตร์ของเครื่องยนต์ระดับตำนาน หลังจากนี้จะไม่มี BUGATTI รุ่นผลิตจำหน่ายจริงที่ติดตั้งเครื่องยนต์แบบ ดับเบิลยู 16 เทอร์โบ 4 ชุด ขนาด 8.0 ลิตร อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ของ “การผลิตคันเดียวในโลก” จะยังคงเปิดโอกาสเอาไว้ เช่น พโรเจกท์ BROUILLARD ที่อาจพัฒนาขึ้นในอนาคต
ความปราดเปรียวเหนือกาลเวลา: เส้นสายของ MISTRAL ไม่เพียงแต่สื่อถึงความสง่างามตามแบบฉบับรถสปอร์ทยุคปัจจุบันเท่านั้น แต่ยัง “ล้ำสมัยเหนือกาลเวลา” ด้วยแนวทางการออกแบบที่เป็นต้นแบบของยุคต่อไป กับรถสปอร์ทในอนาคตที่มีชื่อว่า TOURBILLON HYBRID โดยจะเปิดตัวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
รถสปอร์ทแห่งสถิติโลก
ในประวัติศาสตร์ของ BUGATTI เต็มไปด้วยชื่อที่ถูกจารึกไว้ในฐานะผู้สร้างสถิติโลกด้านความเร็วเสมอมา ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน ทีมงานจาก MOLSHEIM ยังคงเดินหน้าท้าทายขีดจำกัดของวิศวกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง ดังที่เห็นในภาพนี้ กับการรวบรวมสุดยอดยนตรกรรมทั้ง 4 รุ่นที่ทำลายสถิติความเร็วสูงสุดของโลกเข้าไว้ด้วยกัน — ภาพด้านหลังจากซ้ายคือ VEYRON 16.4 SUPER SPORT ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 431 กม./ชม. ถัดมาคือ VEYRON 16.4 GRAND SPORT VITESSE กับความเร็วสูงสุด 409 กม./ชม. และ CHIRON SUPER SPORT 300+ ที่สร้างตำนานด้วยตัวเลขถึง 490 กม./ชม. ส่วนเบื้องหน้า คือ W16 MISTRAL โรดสเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 454 กม./ชม. แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์แห่งจิตวิญญาณจากค่าย BUGATTI ที่ไม่เคยยอมจำกัดตัวเองอยู่ในกรอบของความเป็นไปได้
ต้นกำเนิดของรหัส W16 ความฝันอันสูงสุดของวิศวกร
การพัฒนาเครื่องยนต์บลอคนี้จัดว่าเป็น “ความบ้าคลั่งที่ถือกำเนิดด้วยความละเอียดละออ” - ผลลัพธ์จากการจินตนาการของ FERDINAND PIECH ผู้นำของกลุ่มค่ายรถยนต์ VOLKSWAGEN (ที่เข้าซื้อกิจการของ BUGATTI ตั้งแต่ปี 1998) ผู้ให้กำเนิดแนวคิดเครื่องยนต์แบบ ดับเบิลยู 16 เทอร์โบ 4 ชุด ในช่วงต้นปี 2000 แนวคิดนี้ถือกำเนิดขึ้นบนรถไฟความเร็วสูง ชินคันเซ็น ระหว่างการเดินทางของ PIECH ในญี่ปุ่น ขณะนั้นเขาวาดแบบร่างของเครื่องยนต์ W18 บนซองจดหมาย ตั้งเป้าการมีพละกำลังระดับ “1,000 แรงม้า” และทะลุขีดจำกัดความเร็ว 400 กม./ชม. เครื่องยนต์ต้นแบบขนาด 6.3 ลิตร แบบลูกสูบ 3 แถว (แต่ละแถวมี 6 สูบ เอียงทำมุม 60 องศา) ถูกพัฒนาขึ้นจริงสำหรับรถยนต์ต้นแบบ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ ดับเบิลยู 16 เทอร์โบ 4 ชุด ขนาด 8.0 ลิตร ที่กลายเป็นหัวใจของ VEYRON แทนที่จะใช้การจัดเรียง 3 แถวสูบแบบเดิม วิศวกรได้แบ่งออกเป็น “2 แถวหลัก” ทำมุม 90 องศา โดยในแต่ละแถวมี 8 สูบจัดเรียงในมุมแคบเพียง 15 องศา ส่งผลให้ใช้เพียงเพลาลูกเบี้ยว 4 ตัวควบคุมวาล์ว 64 ชุดได้อย่างแม่นยำ ผลลัพธ์ คือ เครื่องยนต์ความจุ 7,993 ซีซี แบบ 4 เหลี่ยมสมมาตร (ระยะกระบอกสูบ และช่วงชักที่ 86 มม. เท่ากัน) พร้อมเทอร์โบ 4 ลูก อินเตอร์คูลเลอร์ 3 ชุด และหม้อน้ำอีก 3 ชุด เพื่อระบายความร้อน และรักษากำลังสูงสุดที่ 1,001 แรงม้า (ซึ่งเป็นตัวเลขพละกำลัง “ขั้นต่ำสุด” ที่ BUGATTI รับประกัน) แม้แรงบิดจะสูงถึง 1,250 นิวทันเมตร/127.5 กก.ม. ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะจากบแรนด์ RICARDO ควบคู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา พร้อมเพลาส่งกำลังทั้งหมด 3 จุด รถสปอร์ทรุ่นนี้ทำให้โลกทั้งใบต้องทึ่งเมื่อสามารถ “ทะลุความเร็ว 400 กม./ชม.” ได้สำเร็จ ก่อนจะพัฒนาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยเปลี่ยนระบบเทอร์โบจากแบบ “ขนาน” มาเป็น “2 คู่เรียงต่อเนื่อง” เพื่อรีดพลังออกมาได้สูงสุดถึง 1,600 แรงม้า
ต้นกำเนิดแห่งความแรงอันเหนือชั้น BUGATTI VEYRON EB 16.4 มาจากชื่อย่อของ ETTORE BUGATTI และจำนวน 16 สูบ พร้อมระบบ 4 เทอร์โบ
ความหรูหราที่เหนือชั้น
รถสปอร์ทที่เราได้ลองขับนั้นยังเป็นเพียงรุ่นต้นแบบ แต่รายละเอียดทุกจุดกลับลงตัวแบบราวกับเป็นรถผลิตจริง ภายในตกแต่งด้วยหนังแท้ระดับสูง มีการเย็บ และขึ้นรูปด้วยเทคนิคหลายแบบ ผสมการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ถักลายสวยงามให้เห็นพื้นผิวจริง และประดับด้วยอลูมิเนียมที่ใช้การขึ้นรูปลวดลายอย่างประณีต ส่วนคันเกียร์ (ตามภาพด้านบน) ประดับด้วยรูป “ช้างเต้นระบำ” หนึ่งในสัญลักษณ์ประจำบแรนด์รถยนต์แห่งนี้ ถูกออกแบบโดย REMBRANDT BUGATTI น้องชายของผู้ก่อตั้ง ETTORE BUGATTI ตั้งแต่ปี 1904
ข้อมูลจำเพาะของรถทดสอบ
รุ่น W16
เครื่องยนต์
- วางด้านท้ายตามยาว
- แบบ ดับเบิลยู 16 สูบ (ทำมุม 90 องศา) เทอร์โบ 4 ชุด
- ความจุ 7,993 ซีซี
- กำลังสูงสุด 1,177 กิโลวัตต์/1,600 แรงม้า ที่ 7,050 รตน.
- แรงบิดสูงสุด 1,600 นิวทันเมตร/163.2 กก.ม. ที่ 2,250-7,000 รตน.
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
- เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ
สมรรถนะ
- ความเร็วสูงสุด 420 กม./ชม.
- 0-100 กม./ชม. 2.4 วินาที
- 0-200 กม./ชม. 5.6 วินาที
- 0-300 กม./ชม. 12.1 วินาที
- 0-400 กม./ชม. 29.0 วินาที
- อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 4.6 กม./ลิตร
- อัตราการปล่อยไอเสียเฉลี่ย 495 กรัม/กม.
มิติตัวถัง และน้ำหนักโดยรวม
- ระยะฐานล้อ 2,710 มม.
- ความยาว 4,690 มม. กว้าง 2,030 มม. สูง 1,190 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 2,040 กก.
ราคา
- 6,100,000 ยูโร (ประมาณ 231,660,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
สัดส่วนของเส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์ ภายใต้เรือนร่างที่ดูทรงพลัง ซ่อนกลไกอันละเอียดอ่อนเอาไว้ภายใน



