ทดสอบ(formula)
HONDA CITY HATCHBACK E:HEV แฮทช์แบคยุคใหม่ ระบบไฮบริด
หนึ่งในแฮทช์แบคระดับ บี-เซกเมนท์ รวมถึงการทำตลาดในกลุ่มอีโคคาร์ และได้รับความนิยมไม่น้อย ผ่านมาหลายปี มีคู่แข่งเข้ามาร่วมวงชิงส่วนแบ่งการตลาดกันมากมาย รวมถึงคู่แข่งรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้การมาของรุ่นปรับโฉมเป็น “ความท้าทาย” ไม่น้อย แฮทช์แบคคันนี้จะมีจุดเด่นในตัวมากหรือไม่ ? เรามาพิสูจน์กันกับ HONDA CITY HATCHBACK โฉมล่าสุด ขุมพลังไฮบริด E:HEV และมาดสปอร์ทตัวรองทอพ SV
EXTERIOR ภายนอก
เส้นสายของ HONDA CITY HATCHBACK (ฮอนดา ซิที แฮทช์แบค) โฉมล่าสุด มีความโฉบเฉี่ยว ให้มาดสปอร์ทมากกว่ารุ่นตัวถังซีดานอย่างเห็นได้ชัด ด้านหน้าของรุ่น SV (เอสวี) ถูกเพิ่มสันเหลี่ยมเข้ามาพอสมควร กระจังหน้าขนาดใหญ่ ขยายขนาดของช่องรับอากาศแบบที่แฮทช์แบคยุคปัจจุบันนิยมออกแบบกัน ไฟหน้าแบบพโรเจคเตอร์ (น่าจะติดตั้งไฟแบบแอลอีดีมาให้ด้วยจากเดิมที่มีในรุ่นทอพ RS เท่านั้น) ตัวถังเน้นความเรียบง่าย ล้อแมกขนาด 16 นิ้ว ลายปกติ มีขนาดเท่ากับรุ่นทอพ E:HEV RS แต่ลวดลายของรุ่น RS จะเป็นแบบรมดำ) ส่วนท้ายของตัวรถถูกออกแบบให้มีความลาดเท เพิ่มความปราดเปรียวได้ดีพอสมควร ติดตั้งสปอยเลอร์ในตัว โดยรวมแล้วรุ่นย่อย E:HEV SV อาจไม่ดุดันเท่ารุ่นทอพ RS แต่เส้นสายโดยรวมก็มีความสปอร์ท ผสมความเรียบง่ายของรถยนต์กลุ่ม บี-เซกเมนท์ สไตล์แฮทช์แบค
INTERIOR ภายใน
ห้องโดยสารของ HONDA CITY HATCHBACK รุ่นล่าสุด ออกแบบให้มีความเรียบง่าย ปุ่มต่างๆ ใช้งานได้สะดวก แม้ความล้ำสมัยอาจยังไม่มากเท่ารถยนต์ไฟฟ้าที่มีระดับราคาใกล้เคียงกัน และยังคงความกว้างขวางไว้ได้ดี ใช้วัสดุหนังแท้ผสมหนังสังเคราะห์ในหลายส่วน จอแสดงผลขนาดพอเหมาะ ใช้งานจากปุ่มกด หรือระบบสัมผัสของหน้าจอ แสดงผลได้หลากหลาย รวมถึงการแสดงผลของการส่งกำลังจากระบบไฮบริด แต่ความละเอียดของหน้าจอควรปรับปรุง (รวมถึงความละเอียดของกล้องมองภาพด้านหลัง) ส่วนแผงหน้าปัดเป็นแบบแอนาลอก ตรงกลางมาตรวัดเป็นจอแสดงผลข้อมูลต่างๆ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลทำได้เล็กน้อย ส่วนเบาะด้านหลังมีจุดเด่นหลากหลายของการใช้งาน สามารถพับเก็บได้หลายรูปแบบ รวมถึงการพับเบาะส่วนล่างขึ้นมาได้ ในกรณีที่บรรทุกของทรงสูง และยังสามารถพับราบเป็นพื้นเดียวกันเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยสูงสุด ในแง่ของความอเนกประสงค์ ถือว่า CITY HATCHBACK รุ่นนี้ทำได้ดีกว่าแฮทช์แบคคู่แข่งระดับเดียวกันอย่างชัดเจน พื้นที่เหนือศีรษะของผู้โดยสารด้านหลังค่อนข้างปลอดโปร่ง นั่งโดยสารทางไกลได้สบาย ไม่อึดอัด
ENGINE เครื่องยนต์
HONDA CITY HATCHBACK ใช้ขุมพลังไฮบริดภายใต้รหัส E:HEV ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเป็นส่วนใหญ่ มีกำลังสูงสุดที่ 131 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.8 กก.ม. ที่ 0-3,500 รตน. การตอบสนองของแรงบิดเป็นรูปแบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยมอเตอร์ไฟฟ้าดังกล่าวจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนตลอดเวลา ยกเว้นเพียงการใช้ความเร็วสูงคงที่จะเป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 106 แรงม้า นอกเหนือจากนั้นแล้ว เครื่องยนต์เบนซินดังกล่าวมีหน้าที่ คือ การสร้างกระแสไฟฟ้าเท่านั้น
คู่แข่งที่เรานำมาเปรียบเทียบแบบ “ข้ามสายพันธุ์” กับรถยนต์ไฟฟ้าสไตล์แฮทช์แบค ราคาใกล้เคียงกัน นั่นคือ BYD DOLPHIN (บีวายดี ดอลฟิน) ทั้ง 2 รุ่น คือ STANDARD RANGE กำลังสูงสุด 95 แรงม้า และรุ่นทอพ EXTENDED RANGE กำลังสูงสุด 204 แรงม้า เพราะปัจจุบันรถยนต์ในกลุ่มแฮทช์แบคมีความต้องการที่หลากหลายกว่าเดิม และระบบไฮบริด E:HEV ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. CITY HATCHBACK ทำได้ที่ 10.1 วินาที ส่วน BYD DOLPHIN รุ่น STANDARD RANGE คือ 13.5 วินาที และรุ่นทอพ EXTENDED RANGE ทำตัวเลขได้ที่ 8.3 วินาที
จะเห็นว่า CITY HATCHBACK E:HEV ทำอัตราเร่งได้ดี ฉับไวกว่า DOLPHIN รุ่นเริ่มต้น แม้ยังตามหลังรุ่นทอพตามพละกำลังของแรงม้าที่แตกต่างกัน
มาดูที่อัตราเร่งตีนปลาย กับระยะ 0-1,000 ม. แฮทช์แบคของ HONDA ทำเวลาได้ที่ 31.9 วินาที (ที่ความเร็ว 160.3 กม./ชม.) ขณะที่ของ BYD DOLPHIN รุ่น STANDARD RANGE คือ 35.2 วินาที (ที่ความเร็ว 147.3 กม./ชม.) และรุ่นทอพ EXTENDED RANGE ทำเวลาได้ 29.6 วินาที (ที่ความเร็ว 168.1 วินาที) ในช่วงความเร็วตีนปลาย อัตราเร่งของ HONDA CITY HATCHBACK E:HEV ยังทำได้ดีเกินตัว จากความสมดุลของแรงม้า และแรงบิดโดยรวม การส่งกำลังยังเป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนเครื่องยนต์สันดาปทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าตลอดการวัดอัตราเร่ง แม้จะยังตามหลังแฮทช์แบคพลังไฟฟ้ารุ่นทอพ EXTENDED RANGE อยู่
อัตราเร่งยืดหยุ่นที่ความเร็ว 60-100 และ 80-120 กม./ชม. CITY HATCHBACK E:HEV ทำได้ที่ 5.8 และ 7.8 วินาที ส่วน BYD DOLPHIN รุ่น STANDARD RANGE คือ 7.6 และ 11.1 วินาที ส่วนรุ่นทอพ EXTENDED RANGE ทำเวลาที่ 3.8 และ 5.1 วินาที ตามลำดับ การส่งกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าของ HONDA ทำได้ดีไม่แพ้รถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว โดยเฉพาะช่วงความเร็วไม่สูงมาก แต่ในช่วงความเร็วที่สูงขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้าของรถยนต์ไฟฟ้าจาก BYD ดูจะมีประสิทธิภาพมากกว่า ทำให้มีอัตราเร่งยืดหยุ่นที่ดี จากการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ แต่พละกำลังที่มากกว่าของรุ่น EXTENDED RANGE ยังคงได้เปรียบแทบทุกย่านความเร็ว อัตราเร่งของ CITY HATCHBACK E:HEV จะอยู่ตรงกลางระหว่าง DOLPHIN ทั้ง 2 รุ่นย่อย
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. HONDA CITY HATCHBACK E:HEV ทำได้ที่ 31.3/22.4/17.4/13.9 กม./ลิตร แม้อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าของ BYD DOLPHIN ยังไม่สามารถวัดผลออกมาเป็นตัวเลขได้ในตอนนี้ แต่โดยรวมแล้ว จากตัวเลขเฉลี่ยของ CITY HATCHBACK E:HEV คำนวณกับน้ำมัน 1 ถัง (ความจุ 40 ลิตร) จะแล่นได้เป็นระยะทางประมาณ 800 กม. เลยทีเดียว ไปได้ไกลกว่าระยะทำการของรถยนต์ไฟฟ้า BYD DOLPHIN อย่างแน่นอน แต่รถยนต์ไฟฟ้าก็ยังคงมีความได้เปรียบในเรื่องราคาของพลังงานไฟฟ้าที่ต้องจ่าย ยังคงถูกกว่าราคาของน้ำมันเชื้อเพลิงมากๆ
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบรองรับของ HONDA CITY HATCHBACK E:HEV ยังคงเน้นความนุ่มนวล ผสมความหนึบที่ลงตัว ให้การขับขี่ที่สบาย ทั้งในตัวเมืองกับความเร็วต่ำ หรือการขับบนทางไกลที่ความเร็วสูง พวงมาลัยค่อนข้างเบามือ แต่ยังตอบสนองได้เที่ยงตรง มั่นคงในช่วงความเร็วสูง ในแง่ของความสมดุลของระบบรองรับขณะขับขี่มีความลงตัว นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัย HONDA SENSING ในทุกรุ่นย่อย (รวมถึงรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ) ทำให้มีความคุ้มค่ามากกว่าเดิม เมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง BYD DOLPHIN ที่เน้นความนุ่มนวล โดยเฉพาะรุ่นทอพ EXTENDED RANGE ที่นุ่มนวลเกินพละกำลังที่มี แต่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นดังกล่าวยังมีความได้เปรียบในแง่ของออพชันของระบบความปลอดภัย และระบบใช้งานอื่นๆ เป็นจุดหนึ่งที่ค่อนรถสัญชาติญี่ปุ่นต้องพิจารณาให้ดีในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ต่อจากนี้
HONDA CITY HATCHBACK E:HEV รุ่นย่อย SV เพิ่มเติมเข้ามาครั้งแรกจากเดิมที่รุ่นไฮบริด E:HEV มีทางเลือกแค่ RS เท่านั้น มาพร้อมจุดเด่นที่ขุมพลังแบบไฮบริดที่มีสมรรถนะน่าพอใจ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ สามารถปรับแรงหน่วงของมอเตอร์ได้เหมือนรถยนต์ไฟฟ้าขนานแท้ และยังทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงในช่วงความเร็วต่ำ อัตราเร่งที่ดีควรใช้งานในช่วงที่มีระดับแบทเตอรีมากพอ เพื่อการป้อนไฟฟ้าอย่างเต็มกำลังสู่มอเตอร์ขับเคลื่อน แม้ช่วงความเร็วตีนปลายจะมีอาการแผ่วลงบ้าง แต่การใช้งานทั่วไปถือว่าไม่อืดแต่อย่างใด แม้เป็นระบบไฮบริดที่อยู่ท่ามกลางกระแสรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน ประสิทธิภาพยังคงเหมาะกับการเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับคนที่ยังไม่พร้อมสำหรับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว ทางเลือกไฮบริดภายใต้ราคาระดับไม่ถึง 8 แสนบาท HONDA CITY HATCHBACK E:HEV ยังน่าสนใจเสมอ