มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ
มหกรรมยานยนต์ ฟรังค์ฟวร์ท 2015
ข่าวคราวเกี่ยวกับผู้อพยพนับแสนนับล้านคน ที่กำลังดิ้นรนกระเสือกกระสนหนีตาย เข้าไปหาที่พักพิงแห่งใหม่ในหลายประเทศของทวีปยุโรป ทำให้คณะของเรากะเก็งกันว่า เดินทางไปเยือนนครฟรังค์ฟวร์ทครั้งนี้ คงได้สัมผัสอะไรดีๆ กันบ้างละ เพราะตามข่าวที่เผยแพร่กันอยู่ในบ้านเรา นครฟรังค์ฟวร์ทของเยอรมนี รวมทั้งอีกเมืองหนึ่งคือนครมิวนิค ที่คณะของเราจะแวะไปลิ้มรสขาหมูย่างด้วย ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ล้วนเป็นจุดหมายปลายทางแหล่งสำคัญ ของผู้อพยพหนีภัยสงครามที่กล่าวข้างต้นเอาเข้าจริงไม่ยักเป็นอย่างที่กะเก็งกัน ไม่มีใครได้เห็นแม้เพียงเงาของบรรดาผู้อพยพ ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหนกันหมด ที่พักชั่วคราวของคณะเราเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว อยู่ห่างไม่กี่สิบก้าวเดินจากสถานีรถไฟหลักของเมือง ซึ่งพวกเราถนัดปากที่จะเรียกว่า "หัวลำโพง" เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวก็จริงอยู่ แต่ราคาไม่ต่างกันเลยกับโรงแรมระดับ 5 ดาว หรือ 6 ดาวในเมืองไทย อุปสงค์ที่พุ่งสูงปรี๊ดในช่วงเวลาที่มีการจัดงานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท ทำให้ค่าห้องของโรงแรมระดับ 3 ดาวที่ว่านี้ เพิ่มขึ้นพรวดพราดจากช่วงเวลาปกติ 2 หรือ 3 เท่าตัว คือ เป็นคืนละ 600 ยูโร หรือประมาณ 24,000 บาทไทยนั่นเทียว เห็นตัวเลขนี้แล้ว นายใหญ่ ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ซึ่งร่วมคณะเดินทางไปด้วยบอก "โนพรอบเลม" คราวนี้จ่ายไปก่อน คราวหน้าอย่าลืมแบกถุงนอนไปด้วยก็แล้วกัน ! สถานที่จัดงานซึ่งเรียกกันในภาษาเยอรมันว่า MESSE ก็อยู่ไม่ไกลสักเท่าไรจากโรงแรมที่พักของเรา หากใช้วิธีเดินเท้าและเดินแบบไม่รีบไม่เร่งนักก็ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที ถ้าขี้เกียจเดินและใช้บริการของรถรางที่มีวิ่งผ่านหน้างาน 2 สาย คือ สาย 16 กับสาย 17 ซึ่งค่าตั๋ว คือ 1.75 ยูโร หรือประมาณ 70 บาทไทย ก็จะใช้เวลาแค่ 10 นาที เพราะนับเลข 1 2 3 4 คือ แค่ 4 ป้ายก็ถึงงานแล้ว เป็นมหกรรมยานยนต์ที่ทำให้ทีมงานของเราต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแสนสาหัสกว่างานอื่นงานใดทุกงาน เพราะพื้นที่จัดงานไม่ได้รวมอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันอย่างงานมหกรรมยานยนต์เจนีวาในเมืองนาฬิกา หรือมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ในเมืองมะกัน และพื้นที่จัดงานก็ไม่ได้อยู่ในหลายๆ อาคารที่รวมกลุ่มกันอยู่เป็นกระจุกอย่างงานมหกรรมยานยนต์เซี่ยงไฮ้ หรือมหกรรมยานยนต์ปักกิ่งในเมืองมังกร แต่พื้นที่จัดงานของมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทอยู่ในอาคารขนาดเล็กขนาดใหญ่นับรวมแล้วเกือบ 10 อาคาร อาคารเหล่านี้ตั้งอยู่เรียงรายกันไปไม่รวมตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อน หลังแรก คือ อาคารหมายเลข 1 และหลังสุดท้าย คือ อาคารหมายเลข 11 อยู่ห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตร เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแสนสาหัสจึงไม่ใช่คำที่กล่าวเกินจริง เพราะทีมงานของเราต้องเดินท่องไปให้ครบทุกอาคาร และไม่น่าจะผิดพลาดจากความเป็นจริงสักเท่าไรหากกล่าวว่า ต้องสัมผัสให้ครบทุกคันของรถใหม่ที่บรรดาผู้ผลิตนำออกแสดงในงาน ความยิ่งใหญ่และความสำคัญของมหกรรมยานยนต์รายการนี้ พิสูจน์ได้จากข้อมูลของ เมร์เซเดส-เบนซ์ (MERCEDES-BENZ) ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์ที่จับจองพื้นที่ในอาคารหมายเลข 2 ไว้ทั้งหมดและแต่เพียงผู้เดียวที่บอกว่า ใช้ทีมงานประมาณ 150 คน ในการวางแผน/ออกแบบ/และให้รายละเอียดของตัวอาคาร (ที่เห็นในภาพหน้าซ้ายมือ) ซึ่งมีพื้นที่จัดงานกว้างขวางกว่า 9,000 ตารางเมตร ต้องใช้เหล็กกล้าหนัก 850 กิโลกรัม ใช้สายไฟฟ้ายาวกว่า 230 กิโลเมตร และใช้โคมไฟประมาณ 4,500 ดวง ทั้งหลายทั้งปวงที่ว่านี้สำหรับการจัดแสดงรถมากกว่า 60 คัน ส่วนหนึ่งของผลลัพธ์จากการเดินย่ำไปทั่วแทบทุกตารางเมตรของงาน และยาวนานเกือบ 20 ชั่วโมง คือ รายงานใน 20 หน้าถัดจากนี้ MERCEDES-BENZ CONCEPT IAA ค่าย "ดาวสามแฉก" อวดแนวทางใหม่ในการออกแบบตัวถังและพัฒนาการด้านอากาศพลศาสตร์ด้วยรถแนวคิด เมร์เซเดส-เบนซ์ คอนเซพท์ ไอเอเอ ซึ่งอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ (ชื่อ IAA ไม่ใช่ชื่องาน แต่ย่อจาก INTELLIGENT AERODYNAMIC AUTOMOBILE) เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋ง 4 ประตู คูเป 4 ที่นั่ง ที่ตัวถังขนาด 5.040x1.995x1.305 ม. จะยืดส่วนท้ายได้เองโดยอัตโนมัติเมื่อรถวิ่งถึงความเร็ว 80 กม./ชม. หรือโดยการกดปุ่ม ซึ่งผลลัพธ์ คือ ตัวถังที่ยืดส่วนท้ายจนเพิ่มความยาว 39 ซม. เป็น 5.430 ม. นี้ จะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่เยี่ยมยอดมาก คือ ต่ำเพียง 0.19 เท่านั้นเอง ที่น่าสนใจไม่แพ้ตัวถัง คือ ระบบขับไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ (PLUG-IN HYBRID) ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซินทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า ได้กำลังสุทธิสูงสุด 205 กิโลวัตต์/279 แรงม้า และรถจะวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 66 กม. MERCEDES-BENZ S-CLASS CABRIOLET ผลงานใหม่เอี่ยมแกะกล่องชิ้นที่สองที่ค่าย "ดาวสามแฉก" นำออกอวดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือรถเปิดประทุนสุดหรูติดป้ายชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ กาบริโอเลต์ เป็นรถใหม่ที่มิได้ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งคัน หากพัฒนามาอีกทอดหนึ่งจากรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ คูเป (MERCEDES-BENZ S-CLASS COUPE) รุ่นปัจจุบันซึ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองเบียร์เมื่อกลางปี 2014 และกล่าวได้ว่าเป็นรถเปิดประทุนสุดหรูนั่ง 4 คนแบบแรกของค่ายนี้นับแต่ปี 1971 ตัวถังขนาด 5.027x1.899x1.417 ม. ติดตั้งประทุนหลังคาแบบอ่อน บังคับเปิด/ปิดโดยการกดปุ่มที่ติดตั้งอยู่ในคอนโซลกลาง การเปิดหรือปิดแต่ละครั้งซึ่งมีข้อจำกัดว่าจะทำได้ก็ต่อเมื่อรถยังวิ่งไม่เร็วกว่า 60 กม./ชม. ใช้เวลาประมาณ 20 วินาที นับเป็นตัวถังเปิดประทุนที่ลื่นลมมาก มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.29 เป็นตัวเลขที่ไม่เคยพบเคยเห็นกันมาก่อนในรถระดับเดียวกันแบบใดๆ MERCEDES-BENZ C-CLASS COUPE เริ่มเผยแพร่รูปโฉมผ่านสื่อต่างๆ มาแล้วตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม แต่คนรักรถเพิ่งมีโอกาสสัมผัสตัวจริงเสียงจริงที่งานนี้ คือ รถเล็กแต่หรู เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสส์ คูเป ซึ่งก็เป็นรถติดตรา "ดาวสามแฉก" อีกแบบหนึ่งซึ่งอวดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถคูเป 4 ที่นั่ง ในตัวถัง 4.686x1.810x1.405 ม. ที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.26 มีกำหนดออกโชว์รูมในเดือนสุดท้ายของปีแพะบ้า จะมีรถให้เลือกรวม 6 โมเดล เป็นรถเบนซิน 4 โมเดล คือ C 180 COUPE (115 กิโลวัตต์/156 แรงม้า) C 200 COUPE (135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า) C 250 COUPE (155 กิโลวัตต์/211 แรงม้า) C 300 COUPE (180 กิโลวัตต์/245 แรงม้า) และเป็นรถดีเซล 2 โมเดล คือ C 220 D COUPE (125 กิโลวัตต์/170 แรงม้า) C 250 D COUPE (150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า) ส่วนระบบเกียร์มีให้เลือกถึง 3 แบบ คือ เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติ 7 หรือ 9 จังหวะ MERCEDES-BENZ GLC เรียกความสนใจได้ดีไม่น้อยหน้ารถใหม่แบบอื่นของค่าย "ดาวสามแฉก" คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี ที่เปิดตัวผ่านสื่อต่างๆ มา ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2015 แต่ต้องรอจนถึงเดือนกันยายนตัวจริงเสียงจริงจึงจะเริ่มออกโชว์รูม เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัดที่ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์บรรจุเข้าสู่สายการผลิตแทนที่รถขนาดเดียวกันซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อปลายปี 2008 พร้อมกับป้ายชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเค (MERCEDES-BENZ GLK) ตัวถังขนาด 4.656x1.890x1.639 ม. ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.31-0.32 ออกแบบ/พัฒนาโดยใช้พแลทฟอร์มชุดเดียวกันกับรถเก๋งซีดาน เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ C-CLASS) รุ่นปัจจุบัน แต่ยืดความยาวฐานล้อจาก 2.840 เป็น 2.873 ม. ในระยะแรกจะมีรถให้เลือก 3 โมเดล คือ GLC 250 4MATIC-GLC 220 D 4MATIC-GLC 250 D 4MATIC ทุกโมเดลติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ SMART FORTWO CABRIO ยอดผู้ผลิตรถจิ๋วใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว สมาร์ท ฟอร์ทู กาบริโอ รถเปิดประทุนนั่ง 2 คน ที่พัฒนาจากรถ สมาร์ท ฟอร์ทู คูเป (SMART FORTWO COUPE) รุ่นล่าสุด ซึ่งเพิ่งออกจำหน่ายยังไม่ครบปี หน้าตารูปทรงองค์เอวแทบไม่มีจุดไหนผิดเพี้ยนจากรถซึ่งเป็นที่มา ความแตกต่างประการเดียวที่เห็นได้ชัด คือการเปลี่ยนจากหลังคาแข็ง เป็นติดตั้งประทุนหลังคาแบบอ่อนหนา 20 มม. เปิด/ปิดด้วยการกดปุ่ม ที่ค่ายนี้ตั้งชื่อว่า TRITOP เพราะสามารถเปิดหลังคาได้ 3 แบบ คือ แบบเปิดเฉพาะครึ่งหน้า แบบเปิดทั้งครึ่งหน้าครึ่งหลัง และแบบเปิดหมดรวมทั้งถอดรางหลังคาออกด้วย ที่แปลกไปจากรถเปิดประทุนส่วนใหญ่ก็คือ การเปิด/ปิดหลังคาทำได้แม้เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด เช่นเดียวกับรถคูเปรถแบบใหม่นี้มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด คือ เครื่องเบนซิน 3 สูบเรียง 999 ซีซี 52 กิโลวัตต์/71 แรงม้า กับเครื่องเทอร์โบเบนซิน 3 สูบเรียง 898 ซีซี 66 กิโลวัตต์/90 แรงม้า BMW 7-SERIES ค่าย "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" นำผลงานใหม่ออกอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ในงานนี้เป็นกองทัพ ที่เน้นเป็นพิเศษ คือ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-7 รถธงในสายการผลิตที่เปิดตัวผ่านสื่อต่างๆ มาตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน 2015 แต่ผู้คนทั่วไปเพิ่งมีโอกาสสัมผัสตัวจริงเสียงจริงเป็นครั้งแรกที่งานนี้ ส่วนกำหนดวันออกโชว์รูม คือ ต้นเดือนตุลาคมที่เพิ่งผ่านพ้นไป นับนิ้วได้ว่าเป็นรถรุ่น 6 ตัวถังซึ่งมีให้เลือก 2 แบบ คือแบบฐานล้อมาตรฐานกับแบบฐานล้อยาว มีขนาดกว้างเท่าเดิมแต่ยาวและสูงขึ้นนิดหน่อยเมื่อเทียบกับตัวถังของรถรุ่นเดิม เป็นตัวถังที่ออกแบบ/พัฒนาโดยให้ความสำคัญอย่างมากกับการลดน้ำหนักตัว โดยใช้กระบวนการผลิตแบบใหม่ที่ใช้คาร์บอนไฟเบอร์ในพื้นที่ตัวถังที่รับแรง ในระยะแรกจะมีรถให้เลือกรวม 15 โมเดล มีทั้งรถขับล้อหลังรถขับ 4 ล้อ มีทั้งรถติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินรถติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลและรถติดตั้งระบบขับไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ BMW 330E เปิดเผยโฉมหน้าและรายละเอียดๆ ต่างผ่านสื่อสารพัดเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมของปีแพะบ้า แต่ผู้ผลิตก็ยังถือว่าการปรากฏตัวของรถ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-3 (BMW 3-SERIES) รุ่นที่เพิ่งการปรับปรุงแบบ "ยกหน้า" เป็นการอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" เช่นกัน นับเป็นรถใหม่อีกอนุกรมหนึ่งของค่ายนี้ที่มีรถให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งรถขับล้อหลังรถขับทุกล้อ ทั้งรถเบนซินรถดีเซลและรถไฮบริด รถไฮบริดคือ บีเอมดับเบิลยู 330 อี (BMW 330E) ที่เลือกมาให้ชมกันนี้ซึ่งอยู่ในตัวถังซีดาน ถ้าคิดจะซื้อก็ยังซื้อไม่ได้ในขณะนี้คงต้องรออีกหลายเดือน รถโมเดลนี้ติดตั้งระบบขับไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินขนาด 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ได้กำลังสุทธิสูงสุด 185 กิโลวัตต์/252 แรงม้า มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 1.9-2.1 ลิตร/100 กม.และวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 40 กม. BMW 225XE ACTIVE TOURER ผลงานใหม่เอี่ยมแกะกล่องยังไม่ต้องมือใครอีกชิ้นหนึ่งที่ค่าย "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" นำออกอวดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือรถแฮทช์แบคติดป้ายชื่อ บีเอมดับเบิลยู 225 เอกซ์อี แอคทีฟ ทัวเรอร์ ซึ่งต้องรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิของปีวานรจึงจะเริ่มออกโชว์รูมในเมืองเบียร์ เป็นรถติดตั้งระบบขับทุกล้อแบบไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 1.5 ลิตร 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า ขับล้อคู่หน้า และใช้มอเตอรไฟฟ้า 65 กิโลวัตต์/88 แรงม้า ขับล้อคู่หลัง ได้กำลังสุทธิสูงสุด 165 กิโลวัตต์/224 แรงม้า สามารถทำความเร็วสูงสุด 202 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 2.0 ลิตร/100 กม.หรือ 50.0 กม./ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 46-49 กรัม/กม. สามารถวิ่งได้เร็วไม่เกิน 125 กม./ชม. และไปได้ไกลประมาณ 40 กม. เมื่อขับด้วยพลังไฟของแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนเพียงอย่างเดียว BMW X1 ถือว่าเป็นรถที่ปรากฏตัวแบบ WELTPREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" เช่นกัน คือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 1 รุ่นใหม่ (รุ่นที่ 2) ซึ่งมีกำหนดออกโชว์รูมในเดือนตุลาคมของปีแพะบ้า แทนที่รถรุ่นเดิมซึ่งอยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปี 2009 และขายทั่วโลกไปแล้วมากกว่า 730,000 คัน เป็นรถขับล้อหน้า/ขับทุกล้อที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดหาง โดยใช้พแลทฟอร์มชุดเดียวกันกับรถ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-2 แอคทีฟ ทัวเรอร์ (BMW 2-SERIES ACTIVE TOURER) และ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-2 กรัน ทัวเรอร์ (BMW 2-SERIES GRAN TOURER) เริ่มการจำหน่ายไปแล้วโดยมีรถให้เลือกรวม 7 โมเดลคือ X1 SDRIVE 18I-X1 XDRIVE 20I-X1 XDRIVE 25I-X1 SDRIVE 18D-X1 XDRIVE 18D-X1 XDRIVE 20D-X1 XDRIVE 25D ส่วนระบบเกียร์มี 2 แบบ คือเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ STEPTRONIC VOLKSWAGEN GOLF GTE SPORT [table] , [/table] บูธของยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์ (ซึ่งในวันเริ่มต้นของงานนี้มรสุมลูกใหญ่ยังไม่ออกฤทธิ์) ดูหงอยเหงาพิกลเพราะมีผลงานใหม่ที่น่าสนใจอวดตัวอยู่เพียงไม่กี่ชิ้น ชิ้นแรกที่เลือกมาให้ชมกันซึ่งเห็นได้ในภาพใหญ่และภาพเล็กซ้ายมือคือรถติดป้ายชื่อ โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ จีทีอี สปอร์ท เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งสมรรถนะสูง ที่อุดช่องว่างระหว่างรถวิ่งตามท้องถนนกับรถวิ่งในสนามแข่งได้อย่างดี ตัวถังซึ่งชิ้นส่วนส่วนใหญ่ล้วนทำด้วยคาร์บอนมีจุดเด่นสะดุดตาตรงประตูข้างที่เปิดปิดแบบปีกนก เป็นรถขับทุกล้อแบบไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรงขนาด 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ได้กำลังสุทธิสูงสุด 295 กิโลวัตต์/400 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลาแค่ 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 280 กม./ชม. เมื่อเติมไฟเต็มหม้อแล้ววิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ จะวิ่งได้ไกลประมาณ 50 กม. VOLKSWAGEN TIGUAN GTE รถเยอรมันพันธุ์แท้อีกแบบหนึ่งที่ปรากฏตัวแบบ WELTPREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือผลงานใหม่ของยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์ ซึ่งอวดโฉมพร้อมกับป้ายชื่อ โฟล์คสวาเกน ทีกวน เป็นรถรุ่นที่ 2 ที่ต้องรอจนถึงเดือนเมษายนของปีวานรจึงจะเริ่มออกโชว์รูมในเมืองเบียร์ แทนที่รถรุ่นแรกซึ่งออกตลาดเมื่อปลายปี 2007 และขายทั่วโลกไปแล้วมากกว่า 2,640,000 คัน ตัวถังที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดหาง ยาวขึ้น 6.0 ซม. กว้างขึ้น 3.0 ซม. และเตี้ยลง 3.3 ซม. เมื่อเทียบกับตัวถังของรถรุ่นเดิม นับเป็นรถอีกแบบหนึ่งที่จะมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งรถขับล้อหน้ารถขับทุกล้อ ทั้งรถเบนซินรถดีเซลและรถไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ (PLUG-IN HYBRID) ซึ่งจะไปได้ไกลประมาณ 50 กม. เมื่อวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ รถไฮบริดโมเดลที่ว่านี้ ก็คือ โฟล์คสวาเกน ทีกวน จีทีอี (VOLKSWAGEN TIGUAN GTE) คันที่เห็นในภาพนั่นเอง AUDI E-TRON QUATTRO CONCEPT [table] , [/table] ค่าย "สี่ห่วง" ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางเกือบ 4,000 ตารางเมตร นำรถออกอวดตัวในงานนี้รวม 33 คัน คันที่ดึงดูดความสนใจจากสื่อมวลชนได้มากที่สุดคือรถติดป้ายชื่อ เอาดี อี-ทรอน กวัตตโร คอนเซพท์ ที่กำลังอวดตัวอยู่ในภาพเล็กบนและภาพใหญ่ขวามือ เป็นต้นแบบของรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ที่ค่ายนี้ตั้งใจจะนำออกสู่ตลาดในปี 2018 พร้อมกับป้ายชื่อ AUDI Q6 E-TRON QUATTRO ตัวถังขนาด 4.880x1.930x1.540 ม. ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.25 ติดตั้งระบบขับทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ (จากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนขนาด 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง) โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ชุด ขับล้อคู่หน้า และมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 2 ชุด ขับล้อคู่หลัง ได้กำลังสุทธิสูงสุด 370 กิโลวัตต์/503 แรงม้า ประจุไฟเต็มหม้อแต่ละครั้งจะวิ่งได้ไกลกว่า 500 กม. สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 4.6 วินาที แต่จำกัดความเร็วไว้ที่ 210 กม./ชม. AUDI A4 G-TRON เปิดตัวผ่านสื่อสารพัดชนิดมาตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนของปีแพะบ้า แต่ก็ยังถือว่าเป็นการปรากฏตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้เช่นกัน คือ รถเก๋งซีดาน เอาดี เอ 4 (AUDI A4) และรถเก๋งตรวจการณ์ เอาดี เอ 4 อาวันท์ (AUDI A4 AVANT) ของค่าย "สี่ห่วง" นับนิ้วได้ว่าเป็นรถรุ่นที่ 5 และนับเป็นรถเยอรมันพันธุ์แท้อีกอนุกรมหนึ่งที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย คือ มีทั้งรถขับล้อหน้ารถขับทุกล้อ มีทั้งรถติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินรถติดตั้งเครื่องยนต์ไฮบริดและรถติดตั้งระบบขับไฮบริด ที่พิเศษกว่าก็คือ จะมีรถที่ใช้แกสธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงให้เลือกด้วย คือ รถติดป้ายชื่อ เอาดี เอ 4 จี-ทรอน ที่กำลังอวดตัวอยู่ในขณะนี้ เป็นรถที่ยังไม่มีขายจนกว่าจะผ่านการตรวจสอบอย่างที่เรียกขานกันในภาษาอังกฤษว่า TYPE APPROVAL เสียก่อน รถโมเดลนี้มีอัตราสิ้นเปลืองแกสที่น่าประทับใจมาก คือ แค่ 4 กก./100 กม. และจะเดินทางได้ไกลถึง 950 กม. เมื่อเติมแกสเต็มถัง AUDI S4 ที่เรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นการปรากฏตัว "ครั้งแรกในโลก" โดยไม่ต้องเกรงต้องกลัวว่าจะมีคนสวมเสื้อสีใดๆ ชุมนุมประท้วง คือรถแรงโมเดลหัวกะทิ ซึ่งปรากฏตัวในงานนี้ทั้งตัวถังซีดานซึ่งติดป้ายชื่อ เอาดี เอส 4 (AUDI S4) และตัวถังตรวจการณ์ซึ่งติดป้ายชื่อ เอาดี เอส 4 อาวันท์ (AUDI S4 AVANT) ทั้ง 2 แบบนี้เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ (QUATTRO) ด้วยพละกำลังของเครื่องยนต์ที่ค่ายนี้เพิ่งออกแบบ/พัฒนาขึ้นใหม่ เป็นเครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง วี 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 260 กิโลวัตต์/354 แรงม้า รถซีดานจึงใช้เวลาเพียง 4.7 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม. ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่น่าพอใจมาก คือ น้อยกว่า 7.4 ลิตร/100 กม. หรือมากกว่า 13.5 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 170 กรัม/กม. ตัวเลขจะเปลี่ยนไปบ้างเมื่อเป็นรถตรวจการณ์ PORSCHE MISSION E CONCEPT [table] , [/table] หนึ่งในบรรดารถไม่กี่คันที่กล่าวได้เต็มเสียงว่าเป็นดาวดวงเด่นของมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทครั้งนี้คือรถติดป้ายชื่อ โพร์เช มิสชัน อี คอนเซพท์ ซึ่งอวดตัวแบบ WELTPREMIERE ในบูธของยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทเมืองเบียร์ เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถสปอร์ทพลังไฟฟ้าที่ค่ายนี้ตั้งใจจะนำออกสู่ตลาดในปี 2019 หรือ 2020 ตัวถังนั่ง 4 คน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่ากันนิดหน่อยเมื่อเทียบกับรถเก๋งแฮทช์แบค โพร์เช พานาเมรา (PORSCHE PANAMERA) ติดตั้งระบบขับเคลื่อนทุกล้อด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุดซึ่งให้กำลังรวมสูงกว่า 440 กิโลวัตต์/600 แรงม้า และตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีสมรรถนะความเร็วระดับเดียวกับรถ โพร์เช 911 เทอร์โบ (PORSCHE 911 TURBO) รุ่นปัจจุบัน นั่นคือ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จะทำได้ในเวลาประมาณ 3.5 วินาที มีแบทเตอรี และระบบประจุไฟที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งทำให้รถไฟฟ้าพลังสูงแบบนี้จะวิ่งได้ไกลถึง 500 กม. PORSCHE 911 CARRERA/CARRERA S อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" เช่นกัน คือ รถ โพร์เช 911 (รหัสรุ่น 991) ที่ได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ "ยกหน้า" และมีกำหนดออกโชว์รูมในเดือนธันวาคมนี้ ในส่วนของตัวถังมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่หลายจุด ที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ ดวงโคมไฟหน้าดวงโคมไฟท้ายกับช่องดักลมทั้งส่วนหน้าและส่วนหลังที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ในส่วนของเครื่องยนต์กลไกจุดที่เป็นสาระสำคัญที่สุด คือการเปลี่ยนจากเครื่องยนต์หายใจอากาศธรรมดา เป็นเครื่องเทอร์โบเบนซิน DOHC 4 สูบนอนยัน (บอกเซอร์) ความจุ 2,981 ซีซี ซึ่งให้กำลังสูงสุด 272 กิโลวัตต์/370 แรงม้า เมื่อติดตั้งในรถ โพร์เช 911 คาร์เรรา และเพิ่มเป็น 309 กิโลวัตต์/420 แรงม้า ในบลอคที่ติดตั้งในรถ โพร์เช 911 คาร์เรรา เอส ผู้รับผิดชอบโครงการพัฒนารถรุ่นนี้บอกว่า เป้าหมายหลักในการเปลี่ยน คือ เพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ซึ่งทำได้ยากมากหากใช้เครื่องยนต์แบบเดิม OPEL ASTRA เปิดตัวผ่านสารพัดสื่อเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2015 แต่ตัวจริงเสียงจริงเพิ่งปรากฏตัวให้ผู้คนได้สัมผัสกันเป็นครั้งแรกที่งานนี้ คือ รถเก๋งขนาดเล็กกะทัดรัดติดป้ายชื่อ โอเพล อัสตรา ที่ครั้งหนึ่งเคยมีขายในบ้านเราแต่ขณะนี้สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว ถือเป็นการปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ทั้งตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค และตัวถังตรวจการณ์ซึ่งมีชื่อเฉพาะว่า โอเพล อัสตรา สปอร์ทส์ ทัวเรอร์ (OPEL ASTRA SPORTS TOURER) รถทั้ง 2 แบบนี้มีกำหนดออกโชว์รูมในเดือนตุลาคม พร้อมกับคำโฆษณา SMALLER EXTERIOR WITH LARGER INTERIOR หรือ "ตัวถังเล็กลง แต่ห้องโดยสารกว้างขึ้น" เช่นเดียวกับรถรุ่นก่อนๆ ซึ่งออกขายไปแล้วรวม 6 รุ่น รถรุ่นใหม่นี้มีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย เครื่องเบนซินขนาดใหญ่ที่สุดเป็นเครื่องเทอร์โบฉีดตรง 2.0 ลิตร 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า ส่วนเครื่องดีเซลเป็นเครื่องเทอร์โบฉีดตรง 1.6 ลิตร 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า BORGWARD BX7 บอร์กวอร์ด (BORGWARD) รถยนต์สายพันธุ์เยอรมันซึ่งเคยมีการผลิตระหว่างปี 1929-1961 และต้องตายไปเพราะผู้ผลิตประสบภาวะล้มละลาย กลับฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่งที่งานนี้ พร้อมกับการปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ของรถติดป้ายชื่อ บอร์กวอร์ด บีเอกซ์ 7 ซึ่งผู้ผลิตยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2016 จะเริ่มการจำหน่ายในสาธารณรัฐประชาชนจีน และภายในเวลาไม่เกิน 2 ปีนับจากนี้จะเริ่มมีขายทั้งในเยอรมนีและประเทศอื่นๆ ในยุโรป เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลางในตัวถังขนาด 4.713x1.911x1.677 ม. ซึ่งออกแบบให้นั่งได้ 5-7 คน และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.37 หน้าตาและรูปทรงองค์ของตัวถัง พิจารณาในช่วงเวลาสั้นๆ ฟันธงได้เลยว่าไม่น่าจะไปได้ไกลสักเท่าไร ? เพราะหาจุดเด่นไม่เจอแม้เพียงจุดเดียว หากอยู่ในตลาดได้ 4-5 ปีแล้วกลับไปนอนในหลุมเหมือนเดิม ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องประหลาดใจอะไร SEAT LEON CROSS SPORT ผลงานใหม่เพียงชิ้นเดียวในบูธของผู้ผลิตรถยนต์เมืองกระทิงดุที่สมควรนำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง คือรถติดป้ายชื่อ เซอัต เลอน ครอสส์ สปอร์ท ซึ่งปรากฏตัวให้เห็นเป็นครั้งแรกที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดที่พัฒนาและดัดแปลงจากรถตลาด เซอัต เลอน เอสซี (SEAT LEON SC) เพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์จากรถแฮทช์แบคหน้าตาธรรมด๊าธรรมดา เป็นรถเก๋งสปอร์ท 2 ประตูที่มีส่วนท้ายคล้ายรถคูเป การดัดแปลงที่ว่านี้รวมทั้งการขยายช่องดักอากาศ การเพิ่มความสูงใต้ท้องรถประมาณ 4 ซม. และการใช้กระทะล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วที่เคลือบสีแบบ TWO-TONE ส่วนเครื่องยนต์ที่ใช้เป็นเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 221 กิโลวัตต์/300 แรงม้า ซึ่งติดตั้งอยู่แล้วขณะนี้ในรถตลาดติดป้ายชื่อ เซอัต เลอน คิวปรา (SEAT LEON CUPRA) ที่น่าเสียดายสำหรับผู้ที่อาจโดนใจรถแนวคิดคันนี้ก็คือ ผู้ผลิตรถยนต์เมืองกระทิงดุไม่ยอมยืนยันว่าตั้งใจจะทำขายหรือไม่ ? SKODA SUPERB COMBI ผู้ผลิตรถยนต์ของสาธารณรัฐเชคก็เป็นผู้ผลิตรถยนต์ภายใต้ร่มเงาของยักษ์ใหญ่ โฟล์คสวาเกน อีกรายหนึ่งซึ่งมีผลงานใหม่ที่น่ากล่าวถึงเพียงชิ้นเดียว คือ สโกดา ซูเพิร์บ คมบี ที่เพิ่งออกงานเป็นครั้งแรก เป็นรถเก๋งตรวจการณ์กลางที่ไม่ได้ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งคัน หากต่อยอดมาจากรถเก๋งซีดาน สโกดา ซูเพิร์บ (SKODA SUPERB) รุ่นล่าสุดซึ่งเป็นรถรุ่น 3 ผู้ผลิตโอ่อวดโดยไม่รู้สึกกระดากว่าเป็นรถที่พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดทั้งในด้านการออกแบบและเทคโนโลยี ดูด้วยสายตาแล้วก็ไม่รู้สึกคล้อยตามสักเท่าไร เพราะจากที่เห็นในงานนี้ที่ต้องยอมรับว่าดีจริง น่าจะมีอยู่เพียงอย่างเดียว คือ บรรดา "พริทที" ที่ยืนเรียงรอบตัวรถ นับเป็นรถยุโรปอีกแบบหนึ่งที่มีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้อย่างจุใจ เครื่องเบนซินขนาดโตที่สุดเป็นเครื่องเทอร์โบฉีดตรง 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 206 กิโลวัตต์/280 แรงม้า ส่วนเครื่องดีเซลเป็นเครื่องเทอร์โบฉีดตรง 2.0 ลิตร 140 กิโลวัตต์/190 แรงม้า ROLLS-ROYCE DAWN น่าจะคึกคักคับคั่งแต่บูธของยอดผู้ผลิตรถหรูของเมืองผู้ดีกลับดูหงอยเหงาพิกล ทั้งๆ ที่มีรถสุดหรูอัครฐานติดป้ายชื่อ โรลล์ส-รอยศ์ ดอว์น ซึ่งปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้เป็นนางกวัก เป็นรถเปิดประทุนในตัวถังขนาด 5.285x1.947x1.502 ม. ที่พัฒนาจากตัวถังคูเปของรถ โรลล์ส-รอยศ์ เรธ (ROLLS-ROYCE WRAITH) และมีชิ้นส่วนตัวถังที่ทำขึ้นใหม่ถึงร้อยละ 80 ห้องโดยสารที่ออกแบบให้นั่งรวม 4 คน เป็นห้องโดยสารของรถเปิดประทุนที่ค่ายนี้ยืนยันว่า "เงียบที่สุดในโลก" มีระดับเสียงรบกวนจากภายนอกระดับเดียวกับรถคูเปซึ่งเป็นที่มา ประทุนหลังคาแบบอ่อนซึ่งทำจากผ้าแฟบริค เปิด/ปิดโดยการกดปุ่มโดยใช้เวลา 21 วินาที มีกำหนดออกตลาดตอนต้นปีวานร พร้อมกับเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC วี 12 สูบ 6,592 ซีซี 420 กิโลวัตต์/570 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อหลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และป้ายค่าตัว 250,000 ปอนด์ MINI CLUBMAN [table] , [/table] เห็นกันจนชินตาเพราะอวดตัวผ่านสื่อสารพัดชนิดมาตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน การปรากฏตัวจริงเสียงจริงแบบ "ครั้งแรกในโลก" ของรถเล็กกว่าเล็กกะทัดรัดติดป้ายชื่อ มีนี คลับแมน จึงไม่ยักกะหวือหวาฟู่ฟ่าเหมือนที่น่าจะเป็นเป็นรถรุ่นใหม่ที่รูปลักษณ์เปลี่ยนจากรถรุ่นเดิมจนน่าจะเปลี่ยนชื่อรุ่นให้รู้แล้วรู้รอดกันไป ที่เห็นได้ชัดที่สุดและน่าจะขัดใจคนรักรถแบบรถอยู่มากก็คือ การเปลี่ยนประตูข้างจากประตูที่มีลักษณะเฉพาะตัวในรถรุ่นเดิม เป็นประตูเหมือนรถตรวจการณ์ทั่วไปไม่มีอะไรเป็นจุดเด่นให้กล่าวถึง เริ่มออกโชว์รูมในเมืองผู้ดีไปแล้ว โดยมีรถให้เลือกรวม 3 โมเดล คือ MINI COOPER CLUBMAN (100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า) MINI COOPER S CLUBMAN (141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า) MINI COOPER D CLUBMAN (110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า) ทุกโมเดลมีระบบเกียร์ให้เลือก 2 แบบ คือ เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติ 6 หรือ 8 จังหวะ STEPTRONIC BENTLEY BENTAYGA อีกคันหนึ่งที่ตีตราได้เลยว่าเป็น "ดาวดวงเด่น" ของงานนี้ คือ เบนท์ลีย์ เบนเทย์กา รถมีชื่อคล้ายชื่อดาวเตะทีมหงส์แดง ซึ่งก็เป็นรถใหม่เอี่ยมแกะกล่องอีกคันหนึ่งที่ปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" และทำให้บูธของค่ายนี้ซึ่งก็คับแคบอยู่แล้วกลายสภาพเป็นตลาดนัด เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งแบบแรกของค่ายนี้ที่เป็นข่าวมานมนาน ในเมืองผู้ดีเปิดรับการสั่งจองแล้วด้วยค่าตัวระดับ 130,000 ปอนด์ หรือประมาณ 7.15 ล้านบาทไทย แต่ต้องรอจนเลยวันปีใหม่นั่นแหละรถคันแรกจึงจะส่งถึงมือผู้ซื้อ เป็นรถขนาดโตเต็มพิกัดในตัวถัง 5.141x1.998x1.742 ม. ติดตั้งเครื่องทวินเทอร์โบเบนซิน DOHC ดับเบิลยู 12 สูบ 5,998 ซีซี 447 กิโลวัตต์/608 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้าและคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิตเห็นแล้วต้องขยี้ตา อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาแค่ 4.1 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด คือ 301 กม./ชม. JAGUAR F-PACE น่าจะติดอันดับ "ดาวดวงเด่น" กับเขาเหมือนกัน คือ แจกวาร์ เอฟ-เพศ รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์แบบแรกของค่าย "แมวป่า" ซึ่งก็อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้เช่นกัน เป็นรถขนาดกลางในตัวถัง 4.731x1.936x1.652 ม. ซึ่งออกแบบโดยทีมงานที่มี เอียน คัลลัม (IAN CALLUM) นักออกแบบชื่อก้องเป็นผู้นำ เปิดรับการสั่งจองแล้วด้วยค่าตัวซึ่งเริ่มต้นที่ระดับ 34,170 ปอนด์ หรือประมาณ 1.85 ล้านบาทไทย แบ่งการตกแต่ง/อุปกรณ์เป็น 5 ระดับ กำกับด้วยรหัส PRESTIGE-R SPORT-PORTFOLIO-S-FIRST EDITION มีทั้งแบบขับล้อหลังขับทุกล้อและมีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 ขนาด คือ เครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,999 ซีซี 132 กิโลวัตต์/180 แรงม้า เครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดตรง DOHC วี 6 สูบ 2,993 ซีซี 221 กิโลวัตต์/300 แรงม้า และเครื่องเบนซินฉีดตรงติดซูเพอร์ชาร์เจอร์ DOHC วี 6 สูบ 2,995 ซีซี 280 กิโลวัตต์/380 แรงม้า TESLA MODEL S P90D จุดโฟคัสสายตาในบูธของ เทสลา มอเตอร์ส (TESLA MOTORS) บริษัทผู้ผลิตรถไฟฟ้าของเมืองมะกันคือรถติดป้ายชื่อ เทสลา โมเดล เอส พี 90 ดี รถโมเดลใหม่ล่าสุดที่นักวิจารณ์บางผู้บางคนสดุดีว่าเป็น THE BEST ELECTRIC CAR EVER MADE หรือ "รถไฟฟ้าเยี่ยมยอดที่สุดเท่าที่มีการผลิตขึ้นในโลก" จุดสำคัญที่ทำรถรุ่นนี้เหนือกว่ารถพลังไฟฟ้า เทสลา โมเดล เอส โมเดลอื่นๆ คือ การติดตั้งแบทเตอรีขนาดโตกว่ารถโมเดลอื่นทุกโมเดล เป็นแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนขนาด 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งทำให้รถเดินทางได้ไกลถึง 435 กม. ต่อการประจุไฟแต่ละครั้ง ราคาในสหรัฐอเมริกาของรถโมเดลนี้คือ 85,000 เหรียญ หรือประมาณ 2.21 ล้านบาทไทย สมรรถนะความเร็วตามอัตราเร่งของผู้ผลิต เห็นตัวเลขแล้วไม่อยากเชื่อว่าเป็นตัวเลขที่รถไฟฟ้าทำได้ นั่นคือ อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ทำได้ในเวลาแค่ 2.8 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด คือ 250 กม./ชม. BUGATTI VISION GRAN TURISMO [table] , [/table] เรียกความสนใจจากผู้คนได้อย่างล้นหลามอย่างที่เห็นในภาพใหญ่ (เป็น 1 ในบรรดาภาพถ่ายรวม 4 ภาพในรายงานนี้ ที่เป็นผลงานของผู้จัดงาน) คือ รถติดป้ายชื่อ บูกัตตี วิชัน กรัน ตูริสโม ผลงานชิ้นล่าสุดของผู้ผลิตรถสปอร์ทระดับ "ซูเพอร์คาร์" ซึ่งอยู่ภายใต้ร่มเงาของค่าย "สี่ห่วง" เป็นรถแนวคิดซึ่งบ่งบอกความน่าจะเป็นของรถสปอร์ทรุ่นใหม่ ที่ค่ายนี้ตั้งใจจะนำออกสู่ตลาดในปี 2017 พร้อมกับป้ายชื่อ บูกัตตี ชีรน (BUGATTI CHIRON) แทนที่รถรุ่นเดิมคือ บูกัตตี เวย์รน (BUGATTI VEYRON) ซึ่งขายได้ครบ 450 คันตามเป้าหมาย และเลิกผลิตไปแล้วเมื่อฤดูใบไม้ผลิของปีแพะบ้า เป็นรถแนวคิดที่ผู้รังสรรค์บอกว่า "แสดงให้เห็นในรูปทรงและภาษาของการออกแบบ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์บทใหม่ของ บูกัตตี ที่เริ่มต้นหลังการสิ้นสุดของศักราชแห่งรถเวย์รน" เป็นคำที่ฟังไพเราะแต่ไม่สมจริง เพราะรถแนวคิดคันนี้ดูแล้วก็ไม่ได้แหวกแนวจากรถรุ่นเดิมสักเท่าไร LAMBORGHINI HURACAN LP 610-4 SPYDER [table] , [/table] มีรถสปอร์ทเปิดประทุนสายพันธุ์อิตาลี 2 คัน ซึ่งปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ แต่อยู่กันต่างฮอลล์ต่างอาคาร คันแรกที่อวดโฉมในภาพใหญ่ซ้ายมือคือ ลัมโบร์กินี อูรากัน แอลพี 610-4 สไปเดอร์ ผลงานชิ้นใหม่ล่าสุดของค่าย "กระทิงดุ" ปรากฏตัวในชั้นล่างของอาคารหมายเลข 3 ซึ่งเป็นพื้นที่ของผู้ผลิตรถยนต์ในเครือข่ายของยักษ์ใหญ่ โฟล์คสวาเกน เป็นรถเปิดประทุนในตัวถังขนาด 4.459x1.924x1.180 ม. ที่พัฒนาจากตัวถังคูเปหลังคาแข็งของรถชื่อเดียวกันที่เริ่มจำหน่ายเมื่อกลางปี 2014 ติดตั้งประทุนหลังคาแบบอ่อนซึ่งมีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ สีน้ำตาล สีแดง เป็นประทุนหลังคาที่บังคับเปิด/ปิดโดยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียวที่ติดตั้งอยู่ตรงอุโมงค์กลาง การเปิด หรือปิดแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 17 วินาที และทำได้เมื่อรถยังวิ่งเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. จะเริ่มการจำหน่ายในฤดูใบไม้ผลิปีวานร พร้อมกับป้ายค่าตัว 186,450 ยูโร เป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษี FIAT 500 COMICS EDITION สินค้ารถยนต์ตัวเก่งของยักษ์ใหญ่เมืองมะกะโรนีเปิดตัวในเมืองแม่มาตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม การออกงานเป็นครั้งแรกที่งานนี้ความสนใจจากสื่อมวลชนจึงค่อนข้างเบาบาง เป็นรถที่ผู้ผลิตยืนยันว่าเป็นรถรุ่นใหม่ที่แท้จริง ไม่ใช่รุ่นใหม่แบบ FACELIFT หรือ "ยกหน้า" เท่านั้น แถมยืนยันนั่งยันตีลังกายันด้วยว่ามีชิ้นส่วนที่ไม่เหมือนเดิมมากกว่า 1,800 รายการ แต่หน้าตาและรูปทรงองค์เอวของตัวถัง หากไม่รักกันจริงก็อาจจะบอกไม่ถูกว่าคันไหนรุ่นใหม่ ? คันไหนรุ่นเก่า ? ที่เปลี่ยนแปลงจริงแต่ไม่อาจมองเห็นด้วยสายตา คือ การปรับปรุงด้านเครื่องยนต์ซึ่งส่งผลเป็นอย่างมากต่ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและปริมาณไอพิษที่ปล่อยจากท่อไอเสีย คันที่เห็นในภาพซึ่งติดป้ายชื่อ เฟียต 500 โคมิคส์ เอดิชัน (FIAT 500 COMICS EDITION) เป็นรถที่ตกแต่งตัวถังเป็นพิเศษ ตามกลยุทธ์การขายที่ตั้งชื่อว่า SECOND SKIN ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อรถเลือกแต่งรถตามแบบที่ชอบ ALFA ROMEO GIULIA QUADRIFOGLIO เปิดตัวครั้งแรกในเมืองมะกะโรนีตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน แต่ก็ถือว่าการปรากฏตัวของรถติดป้ายชื่อ อัลฟา โรเมโอ จูลีอา ในงานนี้เป็นการออกงานครั้งแรกเช่นกัน เป็นรถธงและรถแบบใหม่ในชื่อเก่า ที่ค่ายนี้เพิ่งบรรจุเข้าสู่สายการผลิตแทนที่รถรุ่นเดิมคือ อัลฟา โรเมโอ 159 (ALFA ROMEO 159) ที่เริ่มจำหน่ายเมื่อกลางปี 2005 และเลิกผลิตไปแล้วประมาณ 2 ปี หน้าตาและรูปทรงองค์เอวตัวถังที่ออกแบบทั้งหมดตั้งแต่พื้นรถจรดหลังคา ทำให้สาวกบางคนของรถยี่ห้อนี้อาจผิดหวังบ้าง คันที่เห็นในภาพคือรถโมเดลหัวกะทิติดป้ายชื่อ อัลฟา โรเมโอ จูลีอา กวาดริโฟกโล ซึ่งอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินขนาด 2.9 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 510 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 307 กม./ชม. กำหนดรับใบสั่งจองในไตรมาสสุดท้ายของปีแพะ ด้วยค่าตัว 79,000 ยูโร FERRARI 488 SPIDER [table] , [/table] รถสปอร์ทเปิดประทุนสายพันธุ์อิตาลีอีกคันหนึ่งซึ่งปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" เช่นกัน คือ แฟร์รารี 488 สไปเดอร์ ที่อวดตัวในอาคารหมายเลข 6 ซึ่งเป็นฮอลล์ขนาดเล็กสุดของงานนี้ เช่นเดียวกับคู่แข่งซึ่งติดตรา "กระทิงดุ" รถเปิดประทุนติดโลโก "ม้าลำพอง" รุ่นนี้ไม่ใช่รถที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่พัฒนามาอีกทอดหนึ่งจากรถคูเป แฟร์รารี 488 จีทีบี (FERRARI 488 GTB) ตัวถังขนาด 4.568x1.952x1.211 ม. ติดตั้งประทุนหลังคาแบบแข็ง เปิด/ปิดโดยการกดปุ่มโดยใช้เวลาที่สั้นมาก คือ แค่ 14 วินาที เครื่องยนต์และระบบเกียร์ยกชุดจากรถคูเปซึ่งเป็นที่มา คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC วี 8 สูบ 90 องศา 3,902 วินาที 492 กิโลวัตต์/670 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของค่าย "ม้าลำพอง" อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 3.0 วินาที ความเร็วสูงสุดสูงกว่า 325 กม./ชม. PEUGEOT FRACTAL [table] , [/table] โดดเด่นสะดุดตาในพื้นที่ของค่าย "สิงห์เผ่น" คือ รถเล็กที่ความสำคัญไม่เล็ก เปอโฌต์ ฟแรคทัล ซึ่งเป็นอีกคันหนึ่งซึ่งอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดที่ยักษ์รองเมืองน้ำหอมทำขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายหลัก 2 ข้อ คือ เป็นแนวทางในการออกแบบ URBAN COUPE หรือรถคูเปสำหรับใช้งานในตัวเมือง กับเพื่ออวดเทคโนโลยการออกแบบห้องโดยสารที่เรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า I-COCKPIT INTERIOR DESIGN ตัวถังยาว 3.81 ม. และกว้าง 1.77 ม. ซึ่งติดตั้งหลังคาแข็งแบบถอดออกได้และมีประตูข้างเพียง 2 บาน ติดตั้งระบบขับทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 75 กิโลวัตต์/102 แรงม้า จำนวน 2 ชุด ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมงซึ่งติดตั้งตรงกลางรถ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.8 วินาที และประจุไฟเต็มหม้อแต่ละครั้งจะวิ่งได้ไกลถึง 450 กม. CITROEN CACTUS M อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" และดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากพอสมควรคือ ซีตรอง คักตุส แอมม์ รถหน้าตาคิกขุของค่าย "จ่าโท" เป็นรถแนวคิดที่พัฒนาจากรถตลาดติดป้ายชื่อ ซีตรอง เซกัตร์ คักตุส (CITROEN C4 CACTUS) ซึ่งเพิ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อกลางปี 2014 โดยดัดแปลงรูปลักษณ์จากรถเก๋ง 5 ประตูแฮทช์แบคที่มีหน้าตาเหมือนรถกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ 2 ประตูเปิดประทุน ติดตั้งประทุนหลังคาแบบอ่อนที่สามารถดัดแปลงเป็นกระโจมได้เมื่อต้องการ ตัวถังขนาด 4.160x1.730x1.480 ม. มีห้องโดยสารที่เจาะรูระบายน้ำไว้ที่พื้นรถ รวมทั้งหุ้มเก้าอี้ที่นั่งและแผงหน้าปัดอุปกรณ์ก็ทำด้วยวัสดุที่ใช้ในการผลิตเสื้อกันฝน คนตัวเปียกจึงเข้าไปนั่งได้โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ตัวแห้งเสียก่อน ค่าย "จ่าโท" บอกว่าการออกแบบรถแนวคิดคันนี้ได้แรงบันดาลใจจากรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเบาที่เคยผลิตในช่วงปี 1968-1988 คือ รถ CITROEN MEHARI DS4 CROSSBACK เดแอส (DS) รถยี่ห้อใหม่ซึ่งเพิ่งแยกตัวเป็นเอกเทสจากยี่ห้อ ซีตรอง (CITROEN) ได้ไม่ครบปี ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวรถ เดแอส กัตร์ (DS4) รุ่นใหม่ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 2 รวมทั้งเพิ่มทางเลือกให้แก่คนรักรถอนุกรมนี้โดยทำรถเป็น 2 รูปลักษณ์ คือ เป็นรถเก๋ง 5 ประตูแฮทช์แบคหน้าตาธรรมด๊าธรรมดาและติดป้ายชื่อ DS4 เหมือนรถรุ่นแรก กับเป็นรถเก๋งกึ่งรถกิจกรรมกลางแจ้งติดป้ายชื่อ DS4 CROSSBACK ซึ่งมีที่ว่างใต้ท้องรถสูงกว่ารถแบบแรก 3.0 ซม. รวมทั้งติดตั้งล้อขนาดโตกว่า มีการตกแต่งเพิ่มเติมในหลายจุด และติดรางยึดบนหลังคาไว้ด้วย ทั้ง 2 รูปลักษณ์นี้จะมีแต่รถขับล้อหน้า ไม่มีระบบขับทุกล้อเหมือนรถกิจกรรมกลางแจ้งทั่วไป และเฉพาะรูปลักษณ์หลังซื้อค่าตัวในเมืองน้ำหอมเริ่มต้นที่ 28,370 ยูโร จะมีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 ขนาด คือ เครื่องเบนซิน 96 กิโลวัตต์/130 แรงม้า กับเครื่องดีเซล 88 กิโลวัตต์/120 แรงม้า กับ 133 กิโลวัตต์/180 แรงม้า RENAULT MEGANE ยักษ์ใหญ่เมืองน้ำหอมนำรถตลาดรุ่นใหม่ออกอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ถึง 2 อนุกรม อนุกรมแรกคือ รถเก๋งแฮทช์แบคขนาดเล็กกะทัดรัดติดป้ายชื่อ เรอโนลต์ เมกาน ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 4 และมีกำหนดออกโชว์รูมในเมืองน้ำหอมตอนต้นปี 2016 ตัวถังวัดได้ยาว 4.359 ม. และสูง 1.447 ม. คือ ยาวและเตี้ยกว่าตัวถังแบบเดียวกันของรถรุ่นเดิม 6.4 และ 2.5 ซม. ตามลำดับ ช่วงฐานล้อก็ขยายเป็น 2.669 คือ ยาวขึ้น 2.8 ซม. หน้าตาโดยรวมกล่าวได้โดยไม่ลังเลว่าดูดีกว่ารุ่นก่อน เมื่อเริ่มออกจำหน่ายจะมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้อย่างหลากหลายถึง 6 ขนาด เป็นเครื่องเบนซินให้กำลังสูงสุด 74 กิโลวัตต์/100 แรงม้า-151 กิโลวัตต์/205 แรงม้า รวม 3 เครื่อง และเป็นเครื่องดีเซลให้กำลังสูงสุด 66 กิโลวัตต์/90 แรงม้า-121 กิโลวัตต์/165 แรงม้า รวม 3 เครื่อง ส่วนระบบเกียร์มี 3 แบบ คือ เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 หรือ 7 จังหวะ RENAULT TALISMAN รถตลาดอีกอนุกรมหนึ่งที่พบได้ในบูธของยักษ์ใหญ่เมืองน้ำหอมซึ่งอยู่ในอาคารหมายเลข 8 อาคารเดียวกันกับผู้ผลิตรถยนต์สายพันธุ์ฝรั่งเศสยี่ห้ออื่นทุกยี่ห้อ คือ รถเก๋งขนาดกลางติดป้ายชื่อ เรอโนลต์ ตาลิสมอง ซึ่งตัวถังซีดานเปิดตัวไปก่อนแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมและมีกำหนดออกตลาดก่อนสิ้นปีแพะบ้า ส่วนตัวถังตรวจการณ์ซึ่งมีกำหนดออกโชว์รูมในช่วงครึ่งแรกของปี 2016 เพิ่งอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถเก๋งขนาดกลางค่อนข้างใหญ่อนุกรมใหม่ในชื่อใหม่ ที่ยักษ์ใหญ่เมืองน้ำหอมบรรจุเข้าสายการผลิตแทนที่รถเก๋งรุ่นเดิม 2 อนุกรม คือ เรอโนลต์ ลากูนา (RENAULT LAGUNA) กับ เรอโนลต์ ลาทิจูด (RENAULT LATITUDE) ทั้งรถซีดานและรถตรวจการณ์ซึ่งตัวถังโตเท่ากันในทุกมิติ คือมีขนาด 4.860x1.870x1.460 ม. เป็นรถที่ออกแบบและพัฒนาโดยใช้พแลทฟอร์มรหัส CMF-CD ซึ่งเป็นผลงานพัฒนาจากความร่วมมือกับค่าย นิสสัน ของญี่ปุ่นที่ค่ายนี้ถือหุ้นเป็นบางส่วน HYUNDAI VISION G ผู้ผลิตรถยนต์หมายเลขหนึ่งของเมืองโสมขาว ตั้งอกตั้งใจดึงดูดความสนใจของสื่อมวลชนในยุโรปด้วย ฮันเด วิชัน จี ซึ่งอวดตัวครั้งแรกที่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกาเมื่อกลางเดือนสิงหาคมและฉายซ้ำอีกครั้งที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดซึ่งยักษ์ใหญ่ของเมืองโสมบอกอย่างเป็นทางการว่า จะให้แรงบันดาลใจในการออกแบบรถระดับพรีเมียมที่จะออกสู่ตลาดในอนาคต เป็นคำอธิบายที่ทำให้บรรดาเกจิอาจารย์สายรถยนต์บางคนทึกทักสรุปเอาเองว่า คือ รถ ฮันเด เจเนซิส คูเป (HYUNDAI GENESIS COUPE) ซึ่งอีกไม่นานก็จะถึงกำหนดออกตลาดนั่นเอง เป็นรถออกแบบ/พัฒนาในสหรัฐอเมริกาซึ่งต้องให้เครดิทแก่ พีเทร์ ชเรเยร์ (PETER SCHREYER) คนดังซึ่งขณะนี้เป็นทั้งประธานและหัวหน้าทีมออกแบบของฮันเด ตัวถังซึ่งดูแปลกตาเมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ ในสายการผลิตปัจจุบัน มีเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่มากมาย ตัวอย่างคือประตูที่เปิดได้เองเมื่อผู้ขับเดินเข้าใกล้ KIA SPORTAGE เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ที่ดึงดูดความสนใจจากสื่อมวลชนได้มากอีกคันหนึ่งคือ เกีย สปอร์เทจ รุ่นใหม่ (รุ่นที่ 4) ซึ่งปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ และจะเริ่มออกจำหน่ายทั่วทวีปยุโรปในไตรมาสแรกของปี 2016 พร้อมกับการรับประกัน 7 ปี หรือการใช้งาน 150,000 กม. เป็นรถที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดหาง มีขนาดตัวถัง 4.480x1.855x1.635 ม. คือ ยาวขึ้น 4.0 ซม. แต่กว้างและสูงเท่าเดิมเมื่อเทียบกับตัวถังของรถรุ่นเก่าซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อต้นปี 2010 นอกจากรูปทรงองค์เอวของตัวถังภายนอกที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะส่วนหน้ารถ ภายในห้องโดยสารที่ออกแบบให้นั่งได้รวม 5 คน ก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้เป็นเจ้าของรถรุ่นก่อน รุ่นที่กำลังจะออกขายในตลาดยุโรปมีทั้งรถขับล้อหน้ารถขับทุกล้อ และจะมีเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 5 ขนาด เป็นเครื่องเบนซิน 5 ขนาด กับเครื่องดีเซล 3 ขนาด SSANGYONG XLV-AIR หากความจำไม่เลอะเลือน นี่คือครั้งแรกที่ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์เล็กของเมืองโสมนำผลงานออกอวดในงานมหกรรมยานยนต์รายการนี้ นอกเหนือจากรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็ก ซังยง ติโวลี (SSANGYONG TIVOLI) ที่เพิ่งออกจำหน่ายไม่กี่เดือนแล้ว ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจจากบรรดาสื่อมวลชทั้งหัวดำหัวขาวหัวสีเทาและหัวสีทองได้อย่างดี คือ รถติดป้ายชื่อ ซังยง เอกซ์แอลวี-แอร์ ไม่ใช่รถที่รังสรรค์ขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่พัฒนาอีดทอดหนี่งจากรถ ซังยง เอกซ์แอลวี คอนเซพท์ (SSANGYONG SLV CONCEPT) ซึ่งปรากฏตัวที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2014 ที่ยืนยันได้เช่นกันก็คือ เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถกิจกรรมกลางแจ้ง ซังยง ติโวลี อีกรูปลักษณ์หนึ่งที่ค่ายนี้ตั้งใจจะนำออกสู่ตลาดภายในปี 2016 เป็นรถที่ออกแบบให้นั่งได้มากถึง 7 คน ห้องโดยสารจึงติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว และตัวถังก็จะยืดยาวขึ้นประมาณ 28 ซม. NISSAN GRIPZ CONCEPT [table] , [/table] รถแนวคิดที่หน้าตาและรูปทรงองค์เอวดูสวิงสวาย เห็นแล้วอยากส่ายเอวและส่ายหน้า เป็นตำแหน่งที่สมควรที่หยิบยกให้แก่ นิสสัน กริพซ์ คอนเซพท์ ผลงานใหม่เอี่ยมแกะกล่องยังไม่หมองมัว ซึ่งยักษ์รองเมืองยุ่นนำออกอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดที่รูปทรงองค์เอวตัวถังออกแบบในอังกฤษแต่ชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารออกแบบโดยทีมงานในญี่ปุ่น ผู้รังสรรค์บอกว่าเป็นก่อกำเนิดโดยได้รับแรงบันดาลใจจากรถแรลลีลุยทะเลทรายและจักรยานถีบที่ใช้ในการแข่งขัน เป็นรถที่ออกแบบสำหรับผู้ใช้รถวัยหนุ่มวัยสาวที่คาดหวังสิ่งใหม่ รวมทั้งเป็นนวัตกรรมที่บ่งชี้อนาคตของค่ายนี้ได้อย่างชัดเจน ตัวถังขนาด 4.100x1.890x1.500 ม. มีจุดโดดเด่นสะดุดตาสะดุดใจอยู่มากมาย รวมทั้งประตูข้างที่เปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันตัวกลาง ที่น่าสนใจแม้ว่ารายละเอียดเล็ดลอดออกมาน้อยมาก คือ ระบบขับ ซึ่งยักษ์รองเมืองยุ่นบอกแต่เพียงว่าเป็นระบบขับไฮบริด MAZDA KOERU [table] , [/table] หน้าตายังกะรถตลาดที่กำลังจะเข้าสู่สายการผลิต แต่ที่จริงยังติดป้ายว่าเป็นรถแนวคิด คือ รถติดป้ายชื่อ มาซดา โคเอะรุ ซึ่งยักษ์เล็กเมืองยุ่นนำออกอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัด และเป็นต้นแบบของรถรุ่นใหม่ที่ค่ายนี้ตั้งใจจะนำออกสู่ตลาดภายในปี 2017 เป็นรถที่ออกแบบและพัฒนาโดยไม่ใช้พแลทฟอร์มแบบใดๆ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และจะเป็นการบังเอิญหรือตั้งใจไม่มีใครกล้ายืนยัน ที่สัดส่วนตัวถังของรถแนวคิดคันนี้ใกล้เคียงกันมากกับของ มาซดา ซีเอกซ์-5 (MAZDA CX-5) รถตลาดรุ่นปัจจุบัน คือ มีตัวถังยาว 4.600 ม.และมีช่วงฐานล้อยาว 2.700 ม. ข้อมูลที่แจกให้แก่ผู้สื่อข่าวในรูปของอุปกรณ์อีเลคทรอนิคที่เรียกกันว่า "ยูเอสบี" ยักษ์รองเมืองยุ่นให้รายละเอียดไว้น้อยมาก ที่ชัดเจน ก็คือ ชื่อ KOERU เป็นภาษาญี่ปุ่น ตรงกับ EXCEED หรือ GO BEYOND หรือ "ไกลเกินความคาดหวัง" HONDA CIVIC TOURER ACTIVE LIFE CONCEPT มีผลงานชิ้นใหม่ๆ อยู่หลายชิ้นในบูธของยักษ์รองเมืองยุ่นอีกรายหนึ่งซึ่งอยู่ในอาคารหมายเลข 9 หลังเดียวกันกับ มาซดา และ ซูซูกิ เดินไปเดินมาอยู่หลายตลบก็ยังคิดไม่ตกว่าสมควรจะเลือกชิ้นไหนมานำเสนอในรายงานนี้ ? เพราะดูแล้วไม่ค่อยมีที่น่าสนใจ ที่สุดก็ตัดใจเลือกคันนี้มา เป็นรถชื่อยาวเหยียด คือ ฮอนดา ซีวิค ทัวเรอร์ แอคทีฟ ไลฟ์ คอนเซพท์ ซึ่งเห็นแค่ชื่อรถชื่อรุ่นก็คงจะพอเข้าใจได้ว่า เป็นรถแนวคิดที่พัฒนาจากรถตลาด ฮอนดา ซีวิค ทัวเรอร์ ซึ่งเป็นรถเก๋งตรวจการณ์ที่พบได้แต่ในทวีปยุโรปไม่มีขายในญี่ปุ่น และแนวคิดของการพัฒนาคือ พื้นที่บรรทุกอันกว้างขวางกับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ที่น่าทึ่งก็คือในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สามาถทำสถิติด้านการประหยัดเชื้อเพลิงบันทึกไว้ใน GUINNESS WORLD RECORDS คือ วิ่งนาน 25 วัน ผ่าน 24 ประเทศในยุโรป เป็นระยะทาง 13,498 กม. โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 2.82 ลิตร/100 กม. SUZUKI BALENO เป็นยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถเล็กที่น่าจับตามอง เพราะมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอยู่เป็นระยะๆ ที่งานนี้สิ่งที่น่าสนใจของค่าย ซูซูกิ คือ การปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ของรถเล็กติดป้ายชื่อ ซูซูกิ บาเลโน เป็นรถแบบใหม่ในชื่อเก่า และเป็นรถเก๋งแฮทช์แบคขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัดที่ค่ายนี้จะเริ่มนำออกสู่ตลาดในทวีปยุโรปเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิของปี 2016 คือ ประมาณไตรมาส 2 ของปี ตัวถังขนาด 3.995x1.745x1.470 ม. ที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด มีรูปทรงองค์เอวที่แทบไม่ผิดเพี้ยนจากรถแนวคิด ซูซูกิ ไอเค-2 (SUZUKI IK-2) ซึ่งอวดตัวที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาเมื่อต้นเดือนมีนาคมของปีแพะบ้า เป็นรถขับล้อหน้าซึ่งจะมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ 2 ขนาด คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง 3 สูบเรียง 998 ซีซี 82 กิโลวัตต์/112 แรงม้า กับเครื่องเบนซิน 4 สูบเรียง 1,242 ซีซี 66 กิโลวัตต์/90 แรงม้า รวมทั้งจะมีระบบขับ MILD-HYBRID ให้เลือกใช้ด้วย INFINITI Q30 ปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" เช่นกันคือ อินฟินิที คิว 30 รถระดับพรีเมียมขนาดเล็กกะทัดรัดที่คนรักรถรอคอยมานานเดือน เพราะค่ายนี้ยั่วกิเลสโดยนำตัวไม่จริงและเสียงก็ไม่จริงเพราะยังเป็นเพียงรถแนวคิดออกแสดงมาแล้วหลายครั้ง เป็นรถขนาดเล็กที่สุดและนับเป็นก้าวแรกที่ค่ายนี้ย่างเท้าเข้าสู่ตลาดของรถเก๋งขนาดเล็กกะทัดรัด มีกำหนดออกตลาดในทวีปยุโรปก่อนสิ้นปีแพะบ้า โดยตกแต่งและจัดอุปกรณ์เป็น 2 ระดับ กำกับด้วยรหัส PREMIUM กับ SPORT ตัวถังขนาด 4.425x2.083 (รวมกระจกมองข้าง)x1.475-1.495 ม.จะมีเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 5 ขนาด คือ เครื่องเบนซินฉีดตรง 1,595 ซีซี 90 กิโลวัตต์/122 แรงม้า หรือ 115 กิโลวัตต์/156 แรงม้า เครื่องเบนซินฉีดตรง 1,991 ซีซี 155 กิโลวัตต์/211 แรงม้า เครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดตรง 1,461 ซีซี 80 กิโลวัตต์/109 แรงม้า และเครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดตรง 2,143 ซีซี 125 กิโลวัตต์/170 แรงม้า TOYOTA PRIUS [table] , [/table] ตั้งใจจัดไว้เป็นลำดับสุดท้ายไม่ใช่เพราะมีความสำคัญท้ายสุด คือ รถไฮบริดยอดนิยม โตโยตา ปรีอุส รุ่นใหม่ ซึ่งก็เป็นรถใหม่อีกแบบหนึ่งซึ่งปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ นับเป็นรถรุ่นที่ 4 และเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของยักษ์ใหญ่เมืองยุ่น เพราะเป็นรถรุ่นแรกของค่ายนี้ที่ออกแบบ/พัฒนาโดยใช้พแลทฟอร์มที่กำเนิดขึ้นตาม TNGA หรือ TOYOTA NEW GLOBAL ARCHITECTURE ซึ่งเป็นกลยุทธ์การออกแบบชิ้นส่วนที่ทำให้การพัฒนารถรุ่นใหม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและประหยัดต้นทุน เป็นรถรุ่นใหม่ที่ผู้ผลิตยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่า สร้างมาตรฐานขึ้นใหม่ทั้งในด้านการประหยัดเชื้อเพลิงด้านไอพิษและประสิทธิภาพการทำงาน ตัวถังขนาด 4.540x1.760x1.470 ม. ติดตั้งระบบขับไฮบริดที่พัฒนาขึ้นใหม่และผู้ผลิตยังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด บอกอย่างคร่าวๆ แต่เพียงว่า ประหยัดเชื้อเพลิงถึงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับระบบที่ติดตั้งในรถรุ่นเดิม
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
ภาพโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา และผู้จัดงานนิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2558
คอลัมน์ Online : มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ