มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ
มหกรรมยานยนต์มิวนิค 2025
บินไกลหลายหมื่นหลายพันลี้ ลุยงานรถยนต์รายการสำคัญ สินค้าใหม่เปิดตัวมากกว่า 350 รายการ ผู้ชมงานครึ่งล้านคน
แล้วนกเหล็กของสายการบินแห่งชาติที่เพิ่งรอดพ้นภาวะล้มละลายมาได้ ก็มีโอกาสพาทีมงานของ “สื่อสากล” บินไปเยือนนครมิวนิคของเยอรมนีอีกครั้ง เป็นครั้งที่เท่าไร ? ก็คร้านที่จะจดที่จะจำ แน่นอน ! จุดหมายปลายทางของเราในการเดินทางครั้งนี้ ก็คือ IAA MOBILITY 2025 หรือมหกรรมยานยนต์มิวนิค 2025 ซึ่งจัดในช่วงเวลา 7 วัน คือ ระหว่างวันจันทร์ที่ 8-วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2025
เช่นเดียวกับงานครั้งก่อนซึ่งมีขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2023 มหกรรมยานยนต์มิวนิค แบ่งเป็นหลายส่วน แต่ส่วนที่เราเกี่ยวข้อง และเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยมีเพียง 2 ส่วน คือ IAA SUMMIT กับ IAA OPEN SPACE
ส่วนแรกซึ่งเป็นกิจกรรมในลักษณะ B2B (BUSINESS TO BUSINESS) หรือ “ธุรกิจกับธุรกิจ” กระทำในศูนย์นิทรรศการและแสดงสินค้า MESSE MUNCHEN ซึ่งยู่ห่างจากตัวเมืองกว่า 10 กม. แต่เดินทางได้สะดวกมากด้วยรถไฟสาย U2
ส่วนหลังเป็นกิจกรรมในลักษณะ B2C (BUSINESS TO CUSTOMER) ซึ่งไม่ได้กระทำในที่เดียวกัน แต่กระทำ ณ พื้นที่เปิดรวม 6 จุด ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง บางจุดอยู่ห่างกันแค่ 100-200 ม. แต่บางจุดก็อยู่ห่างกันเป็นกิโลเมตร บูธ หรืออาคารที่ใช้เขาสร้างแบบชั่วคราว เมื่อจบงานก็รื้อทิ้งไป หรือเก็บไว้ใช้กับงานครั้งหน้า ซึ่งกำหนดไว้แล้วว่าจะมีระหว่างวันจันทร์ที่ 6-วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน 2027
ในวันปิดงาน ผู้จัดงานคือ VDA (VERBAND DER AUTOMOBILINDUSTRIE) หรือสมาคมอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมัน ก็ออกข่าวว่า เป็นงานที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มี EXHIBITOR หรือผู้แสดงสินค้า และกิจกรรมเกือบ 750 ราย จาก 37 ประเทศ มีสินค้ามากกว่า 350 รายการ ที่ปรากฏตัวในลักษณะ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” มีผู้ชมงานในช่วงเวลา 7 วันมากกว่า 500,000 คน (ไม่ทราบว่านับได้อย่างไร ?) มีสื่อมวลชนประมาณ 3,700 คนจาก 70 ประเทศที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน (เป็นสื่อมวลชนต่างชาติ 2,344 คน) งานประชุมสัมนาซึ่งมีประมาณ 200 รายการ มีวิทยากร 550 คนจากมากกว่า 300 บริษัท ฯลฯ
จุดที่น่าสังเกตก็คือ บุคคลสำคัญ และผู้นำประเทศให้ความสำคัญเป็นอย่างมากแก่งานนี้ ในจำนวนครึ่งล้านคนที่เข้าชมงาน มี FRIEDRICH MERZ นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี รัฐมนตรีคนอื่นๆ ในคณะรัฐบาล ผู้ว่าการรัฐ รัฐมนตรีของรัฐ สมาชิกรัฐสภาของสหพันธ์ สมาชิกสภาของรัฐ และผู้แทนอย่างเป็นทางการของต่างประเทศ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน ตูนีเซีย แคนาดา และสหรัฐอเมริกา รวมอยู่ด้วย
ผู้ที่ชมงานมหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยอยู่บ่อยๆ แต่ยังไม่เคยไปชมงานในต่างประเทศ เมื่ออ่านมาถึงในนี้ตอนนี้ อาจถามในใจว่า เขาจัดงานอะไรของเขานะ งานนอกเมือง งานในเมือง ? รับรองได้เลยว่า ถ้ามีโอกาสไปเยือนมหกรรมยานยนต์มิวนิคเหมือนทีมงานของเรา อาจให้คำตอบแก่ตัวเองว่า จัดอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันเนอะ !
MERCEDES-BENZ GLC EQ
ค่าย “ดาวสามแฉก” ซึ่งออกงานนี้พร้อมกับคำขวัญ WELCOME HOME ใช้รถกิจกรรมกลางแจ้งติดป้ายชื่อ MERCEDES-BENZ GLC EQ (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี อีคิว) เป็นจุดโฟคัสความสนใจ ในอาคารแสดงกลางเมืองที่ลงทุนสร้างอย่างใหญ่โตโอ่อ่ากว่าผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ รุ่นใหม่ ที่ค่ายนี้กำลังจะนำเข้าสู่สายการผลิตแทนที่รถพลังไฟฟ้า MERCEDES-BENZ EQC (เมร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวซี) ที่ขณะนี้เลิกผลิตไปแล้ว ไม่ใช่แทนที่รถ MERCEDES-BENZ GLC รุ่นเดิม (รุ่นที่ 2) ซึ่งมีทั้งรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน และรถไฮบริด เป็นรถรุ่นใหม่ที่ต้องรออีกหลายเดือนจึงจะสัมผัสได้ในโชว์รูม เพราะผู้ผลิตประกาศแล้วว่าจะเริ่มการจำหน่ายในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 เป็นรถหน้าตาดีซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่น่าพอใจ คือ ต่ำเพียง 0.26 รถโมเดลแรกที่ลูกค้าในเมืองเบียร์จะได้สัมผัสก็คือ MERCEDES-BENZ GLC 400 4MATIC (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี 400 4 เมทิค) รถขับเคลื่อนทุกล้อซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็มจะวิ่งได้ไกลกว่า 700 กม.
MERCEDES-BENZ CLA SHOOTING BRAKE
เปิดตัวผ่านสื่อต่างๆ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 แต่นี่เป็นโอกาสแรกที่คนรักรถในเมืองเบียร์ได้สัมผัสรถเก๋งตรวจการณ์ติดป้ายชื่อ MERCEDES-BENZ CLA SHOOTING BRAKE (เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ ชูทิง เบรค) อย่างใกล้ชิด เป็นรถรุ่นใหม่ (รุ่นที่ 3) ที่ต้องรอจนถึงเดือนมีนาคม 2026 จึงจะเริ่มออกโชว์รูมแทนที่รถรุ่นเดิมซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อปี 2019 หน้าตา และรูปทรงองค์เอวของตัวถังส่วนหน้า เหมือนกันเปี๊ยบ ! กับรถ MERCEDES-BENZ CLA COUPE (เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ คูเป) ที่เริ่มจำหน่ายไปก่อนแล้ว ที่ต่างกันก็คือ ตัวถังส่วนท้าย ซึ่งเปลี่ยนรูปลักษณ์จากรถคูเปเป็นรถตรวจการณ์ มีขนาดตัวถัง 4.723x1.855x1.469 ม. คือ ยาวขึ้น 3.5 ซม. กว้างขึ้น 2.5 ซม. และยาวขึ้น 2.7 ซม. เมื่อเทียบกับตัวถังรถรุ่นเดิม ในระยะแรกจะมีรถให้เลือกเพียง 2 โมเดล คือ รถขับล้อหลังซึ่งวิ่งได้ไกล 761 เมื่อชาร์จไฟเต็ม กับรถขับทุกล้อซึ่งวิ่งได้ไกล 730 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม ทั้งคู่ติดตั้งแบทเตอรีขนาด 85 กิโลวัตต์ชั่วโมง
CONCEPT AMG GT XX
เปิดตัวมาก่อนแล้ว แต่ยังดึงดูดความสนใจได้มากที่งานนี้ คือ CONCEPT AMG GT XX (คอนเซพท์ เอเอมจี จีที เอกซ์เอกซ์) รถแนวคิดพลังสูง ซึ่งสร้างสถิติใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับความเร็ว และระยะทางมาแล้วรวม 25 รายการ จากการวิ่งที่สนามทดสอบอันเลื่องชื่อ คือ สนาม NARDO ในอิตาลี เมื่อเดือนสิงหาคมที่เพิ่งผ่านพ้นไป 2 รายการในจำนวนนี้ (ดังที่เห็นในภาพประกอบ) คือ เป็นรถไฟฟ้าที่วิ่งได้ไกลถึง 5,479 กม. ในเวลา 24 ชม. กับเป็นรถไฟฟ้าที่วิ่งรอบโลก (40,075 กม.) โดยใช้เวลาแค่ 8 วัน (7 วัน 13 ชม. 24 ชม.) ก็ไม่น่าสงสัยว่าทำได้ยังไง ? เพราะรถแนวคิดซึ่งมีขนาดตัวถัง 5.204x1.945x1.317 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.198 คันนี้ เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ ด้วยพลัง 1,000 กิโลวัตต์/1,360 แรงม้า ของมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ชุด
VOLVO ES90
เปิดตัวมานานหลายเดือน และเริ่มการจำหน่ายแล้วในบางประเทศ แต่นี่คือครั้งแรกที่ทีมงานของเราได้สัมผัสตัวจริงของรถหรูผลิตในเมืองมังกร ติดป้ายชื่อ VOLVO ES90 (โวลโว อีเอส 90) เป็นรถเก๋งกึ่งซีดานกึ่งแฮทช์แบค ในตัวถังขนาด 5.000x1.942x1.546 ม. ที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.25 และมีหน้าตาที่ดูดี เห็นแล้วอยากเป็นเจ้าของ เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่มีให้เลือกทั้งรถขับเคลื่อนล้อหลัง และรถขับเคลื่อนทุกล้อ ส่วนระบบขับก็มีให้เลือกถึง 3 ขนาด คือ ระบบ SINGLE MOTOR หรือ “มอเตอร์เดี่ยว” ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 245 กิโลวัตต์/333 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีขนาด 92.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง และมีระยะเดินทาง 650 กม. กับระบบ TWIN MOTOR หรือ “มอเตอร์คู่” ซึ่งใช้กับรถขับทุกล้อเท่านั้น และมีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบมอเตอร์คู่กำลังรวม 330 กิโลวัตต์/472 แรงม้า ซึ่งมีระยะเดินทาง 700 กม. กับแบบมอเตอร์คู่กำลังรวม 500 กิโลวัตต์/680 แรงม้า ซึ่งก็มีระยะเดินทาง 700 กม. เช่นกัน
AUDI CONCEPT C
คงไม่ผิด หากจะกล่าวว่า จุดสนใจในอาคารชั่วคราวของค่าย “สี่ห่วง” มีอยู่จุดเดียวเท่านั้นจริงๆ คือ รถเปิดประทุนติดป้ายชื่อ AUDI CONCEPT C (เอาดี คอนเซพท์ ซี) ที่เห็นในภาพใหญ่ และภาพเล็กซ้ายมือ เป็นรถแนวคิดที่เห็นรูปทรงองค์เอวแล้ว คนรักรถที่คุ้นเคยกันดีกับรถติดโลโก “สี่ห่วง” คงเข้าใจว่านี่คือตัวตายตัวแทนของรถสปอร์ท AUDI TT (เอาดี ทีที) ซึ่งประสบความสำเร็จมาก และรถรุ่นล่าสุด (รุ่นที่ 3) เพิ่งถูกปลดจากสายการผลิตไปเมื่อ 2 ปีก่อน อย่างไรก็ตาม คนของค่าย “สี่ห่วง” ปฏิเสธความคิดนี้ และบอกว่านี่คือรถแนวคิดที่บ่งบอกทิศทางการออกแบบซึ่งกระทำกับรถรุ่นใหม่ๆ ที่จะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป รวมทั้งยืนยันด้วยว่า ภายในเวลาไม่เกิน 2 ปี รถแนวคิดคันนี้จะเปลี่ยนสภาพเป็นรถผลิตเพื่อจำหน่ายสมบูรณ์แบบ เป็นรถพลังไฟฟ้าซึ่งจะมีทั้งแบบ “มอเตอร์เดี่ยว/ขับล้อหลัง” และแบบ “มอเตอร์คู่/ขับทุกล้อ” ที่น่าสนใจ และไม่เคยมีมาก่อนในรถของค่ายนี้ คือ ประทุนหลังคาแบบแข็ง
BMW IX3
BMW IX3 (บีเอมดับเบิลยู ไอเอกซ์ 3) ปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” และดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่ยิ่งหย่อนกว่าคู่แข่งโดยตรง คือ รถ MERCEDES-BENZ GLC EQ ของค่าย “ดาวสามแฉก” เป็นรถรุ่นใหม่ และเป็นการเปิดศักราชใหม่ของรถ NEUE KLASSE MODELL ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของการออกแบบ/เทคโนโลยี/และกรรมวิธีการผลิตที่หาญกล้าของค่ายนี้ มีขนาดตัวถัง 4.782x1.895x1.635 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำสุด 0.24 กำหนดเริ่มการผลิตในฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 (ประมาณไตรมาสสุดท้าย) โดยใช้โรงงานที่สร้างขึ้นใหม่ในฮังการีเป็นฐานการผลิต ส่วนการจำหน่ายจะเริ่มต้นในฤดูใบไม้ผลิปี 2026 (ประมาณไตรมาส 2) ประเดิมด้วยรถโมเดลแรก คือ BMW IX3 50XDRIVE (บีเอมดับเบิลยู ไอเอกซ์ 3 50 เอกซ์ดไรฟ) ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด และแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุ 108.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกล 679-805 กม.
MINI SKEG/MINI MACHINA
ค่าย MINI (มีนี) ผู้ผลิตรถยนต์ในเครือข่ายของ BMW GROUP (บีเอมดับเบิลยู กรุพ) ร่วมมือกับผู้ผลิตเสื้อผ้าของยุโรปซึ่งรู้จักกันในชื่อ DEUS EX MACHINA ทำรถแนวคิด 2 คัน คือ MINI SKEG (มีนี สเคก) ในภาพซ้ายมือ กับ MINI MACHINA (มีนี มาชีนา) ในภาพขวามือ ทั้งคู่ไม่ใช่รถที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่ดัดแปลงจากรถที่มีอยู่ก่อนแล้วในสายการผลิต คือ รถ MINI COOPER JCW (มีนี คูเพอร์ เจซีดับเบิลยู) ซึ่งเป็นรถโมเดลพิเศษที่เน้นทั้งความแรง และความเร็ว อย่างไรก็ตาม ค่าย MINI ยืนยันแล้วว่า จะไม่ทำให้รถแนวคิดทั้ง 2 คันนี้เปลี่ยนสภาพเป็นรถผลิตเพื่อจำหน่าย
MINI SKEG ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรม SURFING หรือการเล่นกระดานโต้คลื่น (แม้แต่ชื่อ SKEG ก็เป็นคำศัพท์ที่ใช้เรียกครีบ ที่ติดอยู่ใต้กระดานโต้คลื่นเพื่อช่วยการทรงตัว) ตัวถังทำจากไฟเบอร์กลาสส์ ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ทำกระดานโต้คลื่นคุณภาพสูง การตกแต่งประดับประดาตัวถัง และชิ้นส่วนตัวถังหลายชิ้น เห็นแล้วก็ชวนให้นึกถึงกีฬานี้ ส่วนภายในห้องโดยสาร ก็ทำแบบดิบๆ และไม่มีเก้าอี้ที่นั่งตัวหลัง ส่วนเก้าอี้ที่นั่งคู่หน้าก็ถอดของเก่าออก แล้วแทนที่ด้วยเก้าอี้แบบรถแข่ง ที่บุด้วย NEOPRENE ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ทำชุดว่ายน้ำ
ส่วน MINI MACHINA ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากการแข่งรถที่ค่ายนี้เคยดังในอดีต ที่เห็นได้ชัด คือ การติดตั้งดวงโคมไฟหน้า 4 ดวงไว้บนหน้าหม้อ สไตล์เดียวกับรถแข่งแรลลี กับสปอยเลอร์ท้ายขนาดใหญ่ ซึ่งได้แบบจากการแข่งรถ CAN-AM (แคน-แอม) ในแคนาดา และสหรัฐอเมริกาในยุคทศวรรษแห่งปี 1970 ภายในห้องโดยสารทำดิบยิ่งกว่ารถอีกคัน ตัวอย่าง คือ เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ถูกแทนที่ด้วยเครื่องยึดแบบรถแข่ง เก้าอี้ที่นั่งตัวหลังไม่มีเหลือ แม้แต่แผงปิดประตูปิดด้านในตัวถังก็ยังถอดออกหมด ฯลฯ
VOLKSWAGEN ID. CROSS CONCEPT
ยักษ์ใหญ่ VOLKSWAGEN (โฟล์คสวาเกน) นำรถแนวคิดออกอวดตัวหลายคัน คันใหม่ล่าสุด และน่าสนใจที่สุด คือ VOLKSWAGEN ID. CROSS CONCEPT (โฟล์คสวาเกน ไอดี. ครอสส์ คอนเซพท์) ซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งพลังไฟฟ้าล้วนๆ ขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด และเป็นแม่แบบของรถตลาด หรือรถผลิตเพื่อจำหน่ายที่ค่ายนี้กำหนดไว้แล้วว่า จะนำออกสู่ตลาดในปี 2026 พร้อมกับป้ายชื่อ VOLKSWAGEN ID. CROSS (เพื่อเข้าคู่กับรถที่ผลิตอยู่แล้วในขณะนี้ คือ VOLKSWAGEN T-CROSS (โฟล์คสวาเกน ที-ครอสส์) ซึ่งเป็นรถติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน) ตัวถังขนาด 4.161x1.839x1.588 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 2.601 ม. ติดตั้งระบบขับล้อหน้า ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 155 กิโลวัตต์/211 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP รถที่สามารถทำความเร็วสูงสุด 175 กม./ชม. นี้ จะวิ่งได้ไกลถึง 420 กม.
VOLKSWAGEN ID. EVERY 1
เปิดตัวผ่านสื่อต่างๆ เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2025 แต่ทีมงานของ “สื่อสากล” เพิ่งมีโอกาสสัมผัสตัวจริงเป็นครั้งแรกที่งานนี้เช่นกัน คือ รถแนวคิดติดป้ายชื่อ VOLKSWAGEN ID. EVERY 1 (โฟล์คสวาเกน ไอดี. เอเวอรี 1) ซึ่งหน้าตา และทรวดทรงองค์เอวดูเรียบๆ ไม่มีอะไรสะดุดตา สะดุดใจ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ และเป็นแม่แบบของรถเก๋งขนาดซูเพอร์มีนี ที่ค่ายนี้ตั้งใจจะนำออกสู่ตลาดในปี 2027 โดยติดป้ายชื่อ VOLKSWAGEN ID. 1 (โฟล์คสวาเกน ไอดี. 1) และใช้คำขวัญ FROM EUROPE FOR EUROPE หรือ “จากยุโรปเพื่อยุโรป” (ไม่คิดจะขายที่อื่นบ้างเหรอ ?) มีตัวถังที่ยาวเพียง 3.880 ม. มีห้องโดยสารที่ออกแบบให้นั่งเพียง 4 คน และสามารถทำความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม. ติดตั้งระบบขับล้อหน้า ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 70 กิโลวัตต์/95 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP รถจะวิ่งได้ไกลกว่า 250 กม.
VOLKSWAGEN ID. POLO
คันนี้ไม่ใช่รถแนวคิดแบบ 2 คันก่อนหน้านี้ แต่เป็นรถแนวคิดที่อยู่ในขั้นตอนเปลี่ยนสภาพเป็นรถตลาด หรือรถผลิตเพื่อจำหน่าย และยังไม่เสร็จสมบูรณ์ หรือยังไม่ถึงกำหนดวันเปิดตัว จึงยังอยู่ในสภาพที่ต้อง “พรางตัว” อย่างที่เห็น เป็นรถที่มีกำหนดเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2026 พร้อมกับป้ายชื่อ VOLSWAGEN ID. POLO (โฟล์คสวาเกน ไอดี. โพโล) เป็นรถเก๋ง 5 ประตูแฮทช์แบค 5 ที่นั่ง ในตัวถังขนาด 4.053x1.816x1.530 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 2.600 ม. เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าให้เลือก 3 ขนาด และมีแบทเตอรีประสิทธิภาพสูงที่เพิ่งพัฒนาขึ้นใหม่ 2 ขนาดความจุ นอกจากนั้น ในระยะถัดไป ยังจะมีรถโมเดลหัวกะทิที่เน้นพละกำลัง และความเร็ว คือ VOLKSWAGEN ID. POLO GTI (โฟล์คสวาเกน ไอดี. โพโล จีทีไอ) ซึ่งติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 166 กิโลวัตต์/226 แรงม้า ให้เลือกใช้อีกต่างหาก เป็นรถพลังไฟฟ้าโมเดลแรกของค่ายนี้ที่ใช้รหัส GTI
CUPRA TINDAYA
ผู้ผลิตรถสายเลือดสเปนยี่ห้อ CUPRA (คูปรา) เพิ่งแยกตัวจากรถยี่ห้อ SEAT (เซอัท) เมื่อปี 2018 และใช้เวลาเพียง 8 ปีในการนำเสนอรถ 8 อนุกรม กับขายรถในตลาดทั่วโลกได้มากกว่า 800,000 คัน ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวรถแนวคิด CUPRA TINDAYA (คูปรา ตินดายา) ซึ่งได้ชื่อจากภูเขาไฟลูกหนึ่งในมหาสมุทรแอทแลนทิค เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ที่รังสรรค์ขึ้น เพื่อบ่งบอกทิศทางการออกแบบรถที่จะผลิตจำหน่ายในอนาคต ตัวถังซึ่งยาวถึง 4.72 ม.ทำให้กลายเป็นรถขนาดใหญ่ที่สุดที่ค่ายนี้เคยสร้าง นอกจากนั้น ที่สามารถใช้เวลาเพียง 4.1 วินาที ในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ก็ทำให้กลายเป็นรถเร็วที่สุดที่เคยสร้างอีกต่างหาก จุดที่น่าสนใจ และดูราวกับว่ากำลังเดินตามหลังผู้ผลิตรถยนต์จีนก็คือ เป็นรถที่ออกแบบให้เป็นได้ทั้ง EV หรือรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ และ EREV หรือรถพลังไฟฟ้าที่มีเครื่องยนต์ขนาดเล็กทำหน้าที่ปั่นไฟเข้าแบทเตอรีเพื่อเพิ่มระยะเดินทางด้วย
CUPRA RAVAL
ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่งที่ค่าย CUPRA (คูปรา) นำออกแสดงในงานนี้คือ รถตลาด หรือรถผลิตเพื่อจำหน่ายติดป้ายชื่อ CUPRA RAVAL (คูปรา ราวัล) ซึ่งที่งานนี้เมื่อปี 2023 ยังอยู่ในฐานะรถแนวคิด เนื่องจากยังไม่ถึงกำหนดวันเปิดตัวที่แท้จริง จึงอยู่ในลักษณะ “พรางตัว” เหมือนรถคู่ฝาคู่แฝด และร่วมค่ายร่วมเครือ VOLKSWAGEN ID. POLO (โฟล์คสวาเกน ไอดี. โพโล) ที่เพิ่งผ่านตาไป เป็นรถเก๋ง 5 ประตูแฮทช์แบค 5 ที่นั่ง ในตัวถังขนาด 4.046x1.784x1.518 ม. ที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่พื้นรถจรดหลังคา เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่จะเริ่มการจำหน่ายในปี 2506 มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้จะมีให้เลือกหลายขนาด ขนาดใหญ่ที่สุด และทรงพลังที่สุดก็เช่นเดียวกับรถคู่แฝดต่างยี่ห้อ คือ มอเตอร์ไฟฟ้า 166 กิโลวัตต์/226 แรงม้า รถโมเดลหัวกะทิที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดนี้ จะติดล้อขนาด 19 นิ้ว ใช้ยางหน้ากว้าง 235 มม. และใช้ระบบเกียร์ที่มีชื่อรียกว่า VAQ ELECTRONIC SLIP DIFFERENTIAL
SKODA EPIQ
ปรากฏตัวให้เห็นที่งานนี้เช่นกัน คือ รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัดติดป้ายชื่อ SKODA EPIQ (สโกดา เอปิค) ซึ่งใช้ชิ้นส่วนร่วมกันมากมายจนกล่าวได้ว่า เป็นคู่แฝดต่างยี่ห้อกับรถ VOLKSWAGEN ID. CROSS (โฟล์คสวาเกน ไอดี. ครอสส์) ยังคงมีฐานะเป็นรถแนวคิดไม่ใช่รถตลาด หรือรถผลิตเพื่อจำหน่ายสมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นรถแนวคิดอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า NEAR-PRODUCTION SHOW CAR คือ ใกล้จะเป็นรถตลาด หรือรถผลิตจำหน่ายสมบูรณ์แบบแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรถยนต์ของสาธารณรัฐเชคยังยืนยันว่า ตัวจริงของรถที่พร้อมออกโชว์รูม จะปรากฏตัวให้เห็นในเวลาใกล้เคียงกันกับรถคู่แฝดต่างยี่ห้อ คือ กลางปี 2026 เป็นรถที่มีตัวถังยาว 4.10 ม. ติดตั้งระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกล 425 กม. และจะใช้โรงงานของ VOLKSWAGEN ซึ่งอยู่ที่เมือง NAVARRA ในภาคเหนือของสเปนเป็นฐานการผลิต
RENAULT EMBLEME
RENAULT (เรอโนลต์) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสเพียงรายเดียวในงานนี้ ดึงดูดความสนใจของผู้คนด้วยรถใหม่ 2 คันแรกคือ RENAULT EMBLEME (เรอโนลต์ ออมเบลม) ในภาพซ้ายมือ เป็นรถแนวคิดที่ยักษ์ใหญ่เมืองน้ำหอมยืนยันว่า ทำขึ้นเพื่ออวดวิทยาการอันก้าว และจะไม่ผลิตจำหน่ายแน่นอน แต่จะนำการออกแบบ และเทคโนโลยีบางส่วนในรถคันนี้ไปใช้ในรถที่จะผลิตขายในอนาคต เป็นรถที่ออกแบบเพื่อให้ก่อกำเนิดคาร์บอนน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จุดสำคัญ คือ ไม่ใช่คาร์บอนที่เกิดเมื่อรถวิ่งเท่านั้น แต่เป็นยอดสะสมตั้งแต่เกิดจนตาย คือ ตั้งแต่เริ่มการผลิตชิ้นส่วนไปจนถึงวันที่เลิกใช้งานแล้วนำไปรีไซเคิลนั่นเอง เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ขับเคลื่อนทุกล้อ ซึ่งมีตัวถังยาว 4.800 ม. และสูง 1.520 ม. ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด กำลังรวม 500 กิโลวัตต์/680 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึง 3 วินาที และวิ่งได้ไกลกว่า 800 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม
RENAULT CLIO
RENAULT CLIO (เรอโนลต์ กลีโอ) รถใหม่อีกคันหนึ่งที่ปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็นรถรุ่นใหม่ (รุ่นที่ 6) และเป็นทายาทสายตรงของรถที่เริ่มออกโชว์รูมเมื่อปี 1990 จำหน่ายใน 120 ประเทศทั่วโลกไปแล้วมากกว่า 17 ล้านคัน และครองตำแหน่งรถขายดีที่สุดของค่ายนี้ติดต่อกันมายาวนาน ตัวถังแฮทช์แบค 5 ประตู 5 ที่นั่ง ขนาด 4.116x1.768x1.451 ม. ออกแบบโดยได้รับอิทธิพลบางส่วนจากรถแนวคิด RENAULT EMBLEME (ในภาพซ้ายมือ) ซึ่งอวดตัวครั้งแรกที่งานมหกรรมยานยนต์ปารีส เมื่อปลายปี 2024 และฉายซ้ำที่งานนี้ เป็นรถขับล้อหน้า ซึ่งมีขุมพลังขับเคลื่อนให้เลือกรวม 3 แบบ คือ (1) เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบเรียง 1.2 ลิตร 85 กิโลวัตต์/115 แรงม้า (2) เครื่องยนต์เบนซิน/LPG 3 สูบเรียง 88 กิโลวัตต์/120 แรงม้า (3) ระบบขับไฮบริด ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง 1.8 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ได้กำลังรวมสูงสุด 118 กิโลวัตต์/160 แรงม้า
PORSCHE 911 TURBO S
จุดดึงดูดสายตาในบูธของยอดผู้ผลิตรถสปอร์ท และรถกิจกรรมกลางแจ้งของเมืองเบียร์ คือ รถ PORSCHE 911 TURBO S (โพร์เช 911 เทอร์โบ เอส) ซึ่งก็เป็นรถอีกคันหนึ่งซึ่งอวดตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ ไม่ใช่เป็นรถที่ทำขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่เป็นการพัฒนาต่อยอดจากรถชื่อเดียวกันที่เริ่มการจำหน่ายเมื่อปี 2020 มีการเปลี่ยนแปลงหลายจุด แต่จุดสำคัญที่สุดอยู่ที่ขุมพลังขับเคลื่อน อธิบายอย่างสั้นๆ ได้ว่า เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง 6 สูบนอนยัน BOXER 3,745 ซีซี 478 กิโลวัตต์/650 แรงม้า ถูกถอดออก แล้วแทนที่ด้วยระบบขับไฮบริด ซึ่งใช้เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซิน 6 สูบนอนยัน (BOXER) 3,591 ซีซี ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า ได้กำลังรวมสูงสุด 523 กิโลวัตต์/711 แรงม้า ตัวเลขที่ทำให้กล่าวได้ว่า นี่คือรถ PORSCHE 911 ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับรถรุ่นก่อน รถรุ่นใหม่นี้มีให้เลือกทั้งตัวถังคูเป 2 ที่นั่ง และตัวถังเปิดประทุน 2+2 ที่นั่ง
LUCID GRAVITY GRAND TOURING
LUCID GROUP INC. ผู้ผลิตรถพลังไฟฟ้าของสหรัฐอเมริกา นำรถใหม่ออกแสดงหลายคัน ที่น่าสนใจ คือ รถติดป้ายชื่อ LUCID GRAVITY GRAND TOURING (ลูซิด กราวิที กแรนด์ ทัวริง) ซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในยุโรป” ที่งานนี้ เป็น FULL-SIZE SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดโตเต็มพิกัด ในตัวถังขนาด 5.035x2.195 (รวมกระจกมองข้างขณะพับ)x1.658 ม. ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.24 ติดตั้งระบบขับไร้เครื่องยนต์ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด กำลังรวม 618 กิโลวัตต์/828 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์ 1 จังหวะ และแบทเตอรีขนาดความจุ 123 กิโลวัตต์ มีระยะเดินทาง 407-450 กม. เมื่อติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 2 แถว นั่งได้รวม 5 คน และลดลงเล็กน้อยเป็น 386-437 กม.เมื่อติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว นั่งได้รวม 7 คน เปิดรับการสั่งจองแล้ว แต่ต้องรอถึงต้นปี 2026 จึงจะเริ่มการส่งมอบรถ ราคาในเยอรมนีเริ่มต้นที่ 99,900 ยูโร หรือประมาณ 3.8 ล้านบาทไทย
OPEL CORSA GSE VISION GRAN TURISMO
ค่าย “สายฟ้า” อวดรถใหม่ 2 คัน คันแรกในภาพซ้ายมือ คือรถชื่อยาว OPEL CORSA GSE VISION GRAN TURISMO (โอเพล โคร์ซา จีเอสอี วิชัน กรัน ตูริสโม) ซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นทั้งรถจริง และรถที่ขับได้ใน PLAY STATION รวมทั้งเป็นแม่แบบของรถตลาด หรือรถผลิตเพื่อจำหน่าย ที่ค่ายนี้กำลังจะนำออกสู่โชว์รูมพร้อมกับป้ายชื่อ OPEL CORSA GSE (โอเพล โคร์ซา จีเอสอี) เป็นรถอย่างที่นิยมเรียกกันในยุโรปว่า HOT HATCH หรือรถเก๋งแฮทช์แบคร้อนแรงสุดๆ ติดตั้งระบบขับทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 350 กิโลวัตต์/476 แรงม้า 2 ชุด ชุดหนึ่งขับล้อคู่หน้า อีกชุดขับล้อคู่หลัง ได้กำลังรวมสูงสุด 588 ทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์ 1 จังหวะ และแบทเตอรีขนาดความจุ 82 กิโลวัตต์ชั่วโมง สมรรถนะความเร็ว เห็นตัวเลขแล้วมือไม้สั่น อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาแค่ 2.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 320 กม./ชม.
OPEL MOKKA GSE
ผลงานใหม่อีกคันหนึ่งของค่าย “สายฟ้า” คือ รถชื่อสั้น OPEL MOKKA GSE (โอเพล มคคา จีเอสอี) ซึ่งก็ปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” เช่นกัน เป็น HIGH-PERFORMANCE SUBCOMPACT CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัดสมรรถนะสูง ที่เพิ่งเปิดตัวผ่านสื่อต่างๆ เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2025 และขณะนี้ในเยอรมนีเปิดรับการสั่งจองแล้ว โดยกำหนดค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 ไว้ที่ระดับ 47,300 ยูโร หรือประมาณ 1.8 ล้านบาทไทย เป็นรถเล็ก แต่ร้อนแรงสะใจ และมีสมรรถนะราวกับรถแข่งแรลลี เพราะติดตั้งระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 207 กิโลวัตต์/281 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุ 54 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถทำความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. เป็นตัวเลขที่ทำให้กล่าวได้ว่านี่คือรถพลังไฟฟ้าติดตรา “สายฟ้า” ที่วิ่งได้เร็วที่สุดในขณะนี้
HYUNDAI CONCEPT THREE
ยักษ์ใหญ่เมืองโสมเอาจริงเอาจังมากกับงานนี้ จึงนำรถรุ่นใหม่ๆ ออกแสดงหลายคัน คันที่เลือกมาบรรจุไว้ในรายงานนี้ ไม่ใช่รถตลาด หรือรถผลิตเพื่อจำหน่าย แต่เป็นรถแนวคิด HYUNDAI CONCEPT THREE (ฮันเด คอนเซพท์ ธรี) ซึ่งก็เป็นรถอีกคันหนึ่งที่ปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งแฮทช์แบค 5 ประตู 5 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ และเป็นดัชนีบ่งชี้ทิศทางของรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ค่ายนี้ใกล้จะนำออกสู่ตลาด พร้อมกับป้ายชื่อ HYUNDAI IONIQ 3 (ฮันเด ไอโอนิก 3) ในเอกสารประชาสัมพันธ์ความยาว 6 หน้ากระดาษ A4 อธิบายยืดยาวเกี่ยวกับคุณสมบัติทางเทคนิค และเทคโนโลยีอันก้าวล้ำนำสมัย ของรถขนาด 4.287x1.940x1.428 ม. คันนี้ แต่ไม่มีตรงไหนเลยที่บอกว่า ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเล็กใหญ่ขนาดไหน ? แบทเตอรีขนาดความจุเท่าใด ? ขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง หรือทุกล้อ ? วิ่งเร็วขนาดไหน ? วิ่งได้ไกล หรือใกล้อย่างไร ?
LEAPMOTOR LAFA 5
LEAPMOTOR (ลีพมอเตอร์) ผู้ผลิตรถยนต์จีน ซึ่งมีกลุ่มบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของยุโรปถือหุ้นร้อยละ 20 ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวรถใหม่ติดป้ายชื่อ LEAPMOTOR LAFA 5 (ลีพมอเตอร์ ลาฟา 5) ที่ตั้งใจจะนำออกสู่ตลาดในทวีปยุโรป โดยใช้โรงงานของค่ายนี้ที่ตั้งอยู่ในเมือง ZARAGOZA ของสเปนเป็นฐานการผลิต เป็นรถเก๋งแฮทช์แบค 5 ประตู 5 ที่นั่ง ในตัวถังขนาด 4.430x1.880x1.520 ม. ที่ออกแบบโดยใช้พแลทฟอร์มร่วมกันกับรถบางแบบที่ค่ายนี้ผลิตอยู่ก่อนแล้ว เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 160 กิโลวัตต์/218 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีซึ่งมีให้เลือก 2 ขนาด คือ ขนาดความจุ 56.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกล 361 กม. กับขนาด 67.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกล 434 กม. นับเป็นรถแบบแรกของค่ายนี้ที่ใช้ตัวเลข และตัวอักษรเป็นชื่อรุ่น ไม่ใช่ใช้แต่ตัวเลขอย่างเดียวเหมือนรถแบบอื่นๆ
XPENG THE NEXT P7
จุดดึงดูดสายตาในบูธของค่าย XPENG (เสี่ยวเผิง) คือรถติดป้ายชื่อ XPENG THE NEXT P7 (เสี่ยวเผิง เธอะ เนกซ์ท์ พี 7) ซึ่งเป็นรถอีกแบบหนึ่งซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในยุโรป” ที่งานนี้ เป็นรถ XPENG P7 รุ่นที่ 2 ซึ่งค่ายนี้ตั้งใจจะนำออกสู่ตลาดทั่วโลก ตามข้อมูลในสารานุกรมออนไลน์ WIKIPEDIA รถรุ่นใหม่นี้มีขนาดตัวถัง 5.017x1.970x1.427 ม. มีช่วงฐานล้อยาว 3.008 ม. และมีน้ำหนักรถพร้อมขับ 2,090-2,220 กก. จะมีทั้งแบบ REAR-MOTO/REAR-WHEEL DRIVE หรือมอเตอร์เดี่ยว/ขับเคลื่อนล้อหลัง และแบบ DUAL-MOTOR/ALL-WHEEL DRIVE หรือมอเตอร์คู่/ขับเคลื่อนทุกล้อ กับจะมีแบทเตอรีให้เลือก 2 ชนิด 2 ขนาด คือ แบทเตอรี LITHIUM IRON PHOSPHATE ขนาดความจุ 74.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง กับแบทเตอรี NICKEL MANGANESE COBALT ขนาดความจุ 92.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่วนระยะเดินทางเมื่อวัดตามมาตรฐาน CLTC ของจีน คือ 702-820 กม.
PIX ROBO BUS
PIX MOVING บริษัทผู้ผลิตยานยนต์พลังไฟฟ้าไร้ผู้ขับของสหรัฐอเมริกา นำผลงานใหม่ๆ ออกแสดงในงานนี้หลายชิ้น ชิ้นแรกที่เลือกมาให้ชมกัน คือรถตู้ 4 ล้อติดป้ายชื่อ PIX ROBO BUS (พิกซ์ โรโบ บัส) ในภาพซ้ายมือ เป็นรถพลังไฟฟ้าที่วิ่งได้โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ขับ ออกแบบเพื่อใช้งานได้สารพัดอย่าง เช่น เป็นรถจำหน่ายอาหาร และเครื่องดื่ม เป็นรถจำหน่ายสินค้า เป็นรถสำนักงานขนาดเล็กๆ และเป็นรถโดยสารที่วิ่งกลับไปกลับมาในช่วงสั้นๆ และในช่วงเวลาถี่ๆ มีคุณสมบัติเป็น LEVEL 4 AUTONOMOUS DRIVING VEHICLE หรือรถวิ่งได้ด้วยตัวเองระดับ 4 มีระบบความปลอดภัยครบครัน ทั้งระบบ RADAR ระบบ LIDAR อุปกรณ์ ULTRASONIC SENSOR จึงมั่นใจได้ว่า ปลอดภัยแน่นอนในทุกสภาพการจราจรและทุกสภาวะอากาศ เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ชาร์จเต็มแต่ละครั้ง รถจะวิ่งได้ไกล 120-140 กม. ซึ่งก็น่าจะเพียงพอสำหรับการใช้งานในลักษณะต่างๆ ดังที่กล่าวข้างต้น
PIX BEASTIE
ผลงานอีกชิ้นหนึ่งของค่าย PIX MOVING ที่อยากให้ได้ชมกัน คือ PIX BEASTIE (พิกซ์ บีสที) ซึ่งผู้ผลิตถือว่าเป็น MINI-MOBILITY หรือยานพาหนะขนาดมีนี อาศัยการออกแบบด้วย AI หรือปัญญาประดิษฐ์ และกรรมวิธีการผลิตด้วยระบบ 3D PRINTING ทำให้สามารถรังสรรค์ตัวถังน้ำหนักเบาที่มีโครงสร้างเชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว เป็นตัวถังขนาด 2.525x1.480x1.626 ม. ที่นั่งได้ 2 คน มีช่วงฐานล้อยาว 1.900 ม. มีช่วงล้อทั้งหน้า และหลังกว้าง 1.295 ม.มีประตู 3 บาน และมีช่องว่างใต้พื้นรถสูง 17.5 ซม. เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งสามารถบรรทุกน้ำหนัก 780 กก. ติดตั้งแบทเตอรี LITHIUM IRON PHOSPHATE ขนาดความจุ 14.97 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งชาร์จไฟเต็มแต่ละครั้ง และวัดตามมาตรฐาน NEDC รถจะวิ่งได้ไกลถึง 180 กม. สามารถทำอัตราเร่ง 0-90 กม./ชม. ใน 25 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 90 กม./ชม.
AVATR VISION XPECTRA
ปิดรายงาน IAA MOBILITY 2025 ด้วยผลงานใหม่ของค่าย CHANGAN AUTOMOBILE (ฉางอัน ออโทโมบิล) ซึ่งตัดสินใจชี้ขาดโดยไม่ลังเลเลยว่า เป็นรถที่มีรูปลักษณ์หวือหวาที่สุดในงานนี้ คือรถแนวคิดสายเลือดมังกรติดป้ายชื่อ AVATR VISION XPECTRA (อวาทาร์ วิชัน เอกซ์เพคทรา) ผลงานของผู้ผลิตรถยนต์จีนซึ่งมีศูนย์ออกแบบอยู่ในนครมิวนิคซึ่งเป็นสถานที่จัดงานนี้ เป็นรถอีกคันหนึ่งซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ ที่แย่หน่อยก็คือ เป็นรถที่ค้นหารายละเอียดได้ยากยิ่งกว่ายาก จึงให้ข้อมูลได้เพียงว่า มีตัวถังยาวถึง 5.80 ม. มีห้องโดยสารส่วนบนเป็นพื้นที่กระจกเกือบทั้งหมด มีประตูข้างที่เปิดแยกจากกันเหมือนประตูตู้กับข้าว ที่ดูเอง และคิดเอาเองโดยไม่ได้รับข้อมูลจากที่ไหนก็คือ เป็น CONCEPT CAR หรือรถแนวคิด ที่แน่นอนว่าไม่มีทางเปลี่ยนสภาพเป็น PRODUCTION CAR หรือรถผลิตเพื่อจำหน่าย เพราะหลังคาที่เบาและบางอย่างนี้ จอดใต้ต้นมะม่วงยังน่าหวาดเสียว