มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ
มหกรรมยานยนต์เซี่ยงไฮ้ 2025
กลับไปเยือนงานแสดงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอีกครั้ง หันด้านซ้ายก็เจอรถพลังไฟฟ้า หันด้านขวาก็เจอรถพลังไฟฟ้า
แล้วทีมงาน “มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ” ของ “สื่อสากล” ก็มีโอกาสเดินทางไปเยือนนครเซี่ยงไฮ้อีกครั้งหนึ่ง จุดหมายปลายทาง คือ “มหกรรมยานยนต์เซี่ยงไฮ้” งานแสดงรถยนต์รายการสำคัญซึ่งเรียกกันในภาษาอังกฤษว่า THE SHANGHAI INTERNATIONAL AUTOMOBILE INDUSTRY EXHIBITION (ธิ ชั่งไฮ่ อินเตอร์เนชันแนล ออโทโมบิล อินดัสตรี เอกซิบิชัน)
เป็นงานแสดงรถยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดของสาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มจัดครั้งแรกเมื่อปี 1985 การขยายตัวอย่างรวดเร็วของรถยี่ห้อต่างชาติในตลาดจีน ทำให้งานแสดงรถยนต์รายการนี้ทวีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่างานระดับ “อินเตอร์” รายการอื่นๆ ที่จัดกันในยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เป็นงานที่จัดเป็นประจำทุกๆ 2 ปี คือ ในปีคริสต์ศักราชที่ลงท้ายด้วยเลขคี่ สลับกันกับงาน BEJING INTERNATIONAL AUTOMOTIVE EXHIBITION (เป่ยจิง อินเตอร์เนชันแนล ออโทโมทีฟ เอกซิบิชัน) หรือ “มหกรรมยานยนต์ปักกิ่ง” ซึ่งจัดทุกๆ 2 ปี ในปีคริสต์ศักราชที่ลงท้ายด้วยเลขคู่
มหกรรมยานยนต์เซี่ยงไฮ้ครั้งนี้ เป็นงานครั้งที่ 21 จัดระหว่างวันพุธที่ 23 เมษายน-วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2025 โดยที่ 2 วันแรกเป็น PRESS DAY (พเรสส์ เดย์) หรือวันที่จัดสำหรับสื่อมวลชน 2 วันถัดมาเป็น TRADE VISITORS’ DAY (ทเรด วิซิเตอร์ส เดย์) หรือวันสำหรับนักธุรกิจการค้า ส่วนที่เหลืออีก 4 วันเป็น PUBLIC DAY (พับลิค เดย์) หรือวันสำหรับผู้ชมทั่วไป
สถานที่จัดงานเป็นศูนย์นิทรรศการ และการประชุม ซึ่งมีชื่อในภาษาอังกฤษว่า NATIONAL EXHIBITION AND CONVENTION CENTER (เนชันแนล เอกซิบิชัน แอนด์ คอนเวนชัน เซนเตอร์) เป็นศูนย์ที่ใหญ่โตมโหฬาร ประกอบด้วยอาคารจัดงานรวม 8 หลัง แต่ละหลังมี 2 ชั้น มีพื้นที่จัดงานรวม 500,000 ตารางเมตร คือ กว้างขวางกว่างานแสดงรถยนต์รายการใดๆ ในโลกใบนี้ และกว้างเป็น 6 หรือ 7 เท่า ของพื้นที่จัดงาน MOTOR EXPO หรือ “มหกรรมยานยนต์” ในประเทศไทย
สื่อมวลชนในเมืองมังกรรายงานข่าวว่า ปีนี้มหกรรมยานยนต์ปักกิ่งสร้างสถิติใหม่ คือ มีผู้เข้าร่วมงานทั้งจากใน และนอกประเทศเกือบ 1,000 ราย แต่มีจุดที่น่าสังเกต คือ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งรถจีน และรถต่างชาติหายหน้าหายตาไปเยอะ ผู้ผลิตรถเกาหลีที่มีอยู่ 3 ราย คือ HYUNDAI (ฮันเด) KIA (เกีย) และ GENESIS (เจเนซิส) หายหมด ผู้ผลิตรถญี่ปุ่นมีอยู่เพียง 4 ราย คือ TOYOTA/LEXUS (โตโยตา/เลกซัส) HONDA (ฮอนดา) NISSAN (นิสสัน) และ MAZDA (มาซดา) ผู้ผลิตรถอังกฤษ รถฝรั่งเศส และรถอิตาลี ก็หายไปเกือบทั้งหมด ผู้ผลิตรถจีนเองก็มีทั้งเพิ่ม และลด ผู้ผลิตรถไฟฟ้าจีนที่เพิ่งเริ่มกิจการ อย่างที่เรียกกันว่า STARTUP (สตาร์ทอัพ) หายหน้าไปหลายรายเพราะมีปัญหาด้านการเงิน รวมทั้ง NETA (เนทา) ที่กำลังดังในบ้านเรา
นำเรื่องราวของรถที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังรวม 16 หน้า 6 หน้าแรกเป็น CONCEPT CAR (คอนเซพท์ คาร์) หรือรถแนวคิดล้วนๆ 2 หน้าถัดไปเป็น FLYING CAR (ฟลายอิง คาร์) หรือรถบินได้ อีก 4 หน้าเป็นรถเก๋งซีดาน รถเก๋งตรวจการณ์ รถเก๋งแฮทช์แบค และรถสปอร์ท ส่วน 4 หน้าสุดท้ายเป็น SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้ง MPV หรือรถตู้อเนกประสงค์ และรถพิคอัพ
BYD OCEAN-S
ปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ คือ BYD OCEAN-S (บีวายดี โอเชียน-เอส) ผลงานด้านรถแนวคิดชิ้นใหม่ล่าสุดของยอดผู้ผลิตรถพลังไฟฟ้าเมืองมังกร เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งระดับหรูขนาดกลาง ในตัวถังยาวประมาณ 4.80 ม. ซึ่งลื่นลมสุดๆ เพราะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำกว่า 0.23 เป็นงานออกแบบที่มีจุดเด่นสะดุดตาอยู่หลายจุด โดยเฉพาะประตูข้างบานโตที่เปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันประตูคู่กลางอย่างที่เรียกกันว่า “ประตูตู้กับข้าว” เป็นแม่แบบของรถตลาด หรือรถผลิตเพื่อจำหน่าย ซึ่งมีทวีปยุโรปเป็นตลาดเป้าหมาย ออกแบบตามแนวคิด REALM OF THE SEA-WAVES OF THE SEA-SOUL OF THE SEA หรือ “อาณาจักรทะเล-คลื่นทะเล-จิตวิญญาณทะเล” จะมีให้เลือกทั้งรถขับ 2 ล้อ และรถขับ 4 ล้อ เฉพาะรถโมเดลหัวกะทิซึ่งติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 400 กิโลวัตต์/544 แรงม้า จะใช้เวลาไม่ถึง 3.5 วินาที ในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.
BYD DYNASTY D
รถแนวคิดอีกคันหนึ่งที่ปรากฏตัวให้เห็นในบูธของยอดผู้ผลิตรถพลังไฟฟ้าเมืองมังกร คือ รถติดป้ายชื่อ BYD DYNASTY D (บีวายดี ไดนาสตี ดี) เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของ FULL-SIZE CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัด และเป็นแม่แบบของรถตลาด หรือรถผลิตเพื่อจำหน่ายที่ค่ายนี้รังสรรค์ขึ้น เพื่อสู้กับรถขนาดเดียวกันของยุโรป ตัวอย่างเช่น AUDI Q8 (เอาดี คิว 8) BMW X7 (บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 7) และ MERCEDES-BENZ GLS (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอส) ตัวถังทรง 2 กล่องที่ยาวถึง 5.30 ม. ติดตั้ง “ประตูตู้กับข้าว” หรือประตูที่เปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันหลังคาคู่กลาง การขึ้น-ลงรถจึงทำได้สะดวกมาก เมื่อเริ่มการจำหน่ายในอนาคตที่ไม่นานจนเกินรอ จะมีรถให้เลือก 2 แบบ คือ รถ PLUG-IN HYBRID หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี กับรถขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ชาร์จไฟเต็มแต่ละครั้งรถจะวิ่งได้ไกลกว่า 800 กม.
ARCFOX 77°
ARCFOX 77° รถแนวคิดอีกคันหนึ่งซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็นผลงานของค่าย BAIC (BEIJING AUTOMOTIVE GROUP COMPANY LIMITED) หนึ่งในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ๋ของรัฐบาลจีน และเป็นรถแนวคิดที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อบ่งบอกทิศทางการออกแบบซึ่งจะใช้กับรถที่ผลิตจำหน่ายในอนาคต ทั้งรถเก๋งซีดาน รถกิจกรรมกลางแจ้ง หรือ SUV และรถตู้อเนกประสงค์ หรือ MPV ตัวถังทรง 2 กล่อง และห้องโดยสารซึ่งติดตั้งเก้าอี้ที่นั่งเพียง 4 ตัว (บางตัวสามารถหมุนได้รอบ) มีจุดเด่นดึงดูดสายตาอยู่มากมาย ตัวอย่างเช่น BUTTERFLY-STYLE DOORS หรือประตูข้างแบบปีกผีเสื้อ และ FLOATING ROOF หรือหลังคาที่ดูเหมือนลอยอยู่ในอากาศ เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่มีกำลังสูงถึง 1,200 กิโลวัตต์/1,630 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 2.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 255 กม./ชม.
EXEED TIANJI
ปรากฏตัว “ครั้งแรกในโลก” เช่นกัน คือ รถแนวคิด EXEED TIANJI (เอกซีด เทียนจิ) ผลงานของ EXEED AUTOMOBILE COMPANY LIMITED ผู้ผลิตรถยนต์ในสังกัดของยักษ์ใหญ่ CHERY AUTOMOBILE (เชอรี ออโทโมบิล) เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของ FULL-SIZE CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัด ในตัวถังยาว 5.30 ม. ติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว (2+2+2) และมีประตูข้างที่เปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันคู่กลาง เป็นรถบังคับเลี้ยวทุกล้อติดตั้ง AIR-RIDE SUSPENSION หรือระบบรองรับแบบลม ที่ไต่มุมชันได้ถึง 45 องศา และลุยน้ำได้ลึก 90 ซม. ซึ่งเมื่อเปลี่ยนสภาพเป็นรถตลาด หรือรถผลิตเพื่อจำหน่าย จะมีระบบขับให้เลือก 2 แบบ คือ ขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ชุด ให้กำลังรวม 880 กิโลวัตต์/1,197 แรงม้า กับขับด้วยระบบ PLUG-IN HYBRID หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกลถึง 300 กม.
JAC DEFINE-S/JAC DEFINE-X
JAC MOTORS (เจเอซี มอเตอร์ส) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของรัฐ ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 1964 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง HEFEI (เหอเฝย) ในมณฑล ANHUI (อันฮุย) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน และออกงานนี้พร้อมกับคำขวัญ CRAFTING THE ERA, SHARING THE SUCCESS หรือ “สรรค์สร้างศักราช, แบ่งปันความสำเร็จ” ใช้เวทีขนาดใหญ่เป็นที่เปิดตัวรถแนวคิดพร้อมๆ กัน 2 คัน คือ คันซ้าย JAC DEFINE-S (เจเอซี ดีไฟน์-เอส) กับคันขวา JAC DEFINE-X (เจเอซี ดีไฟน์-เอกซ์) ทั้งคู่เป็นรถระดับทอพ หรือรถธง ซึ่งออกแบบโดยใช้พแลทฟอร์มสำหรับรถพลังไฟฟ้าที่ค่ายนี้เพิ่งพัฒนาขึ้นใหม่ และตั้งชื่อว่า DEFINE PLATFORM (ดีไฟน์ พแลทฟอร์ม)
JAC DEFINE-S เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ท “ซูเพอร์คาร์” ที่แรงสุดๆ และเร็วสุดๆ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ชุด ให้กำลังรวม 590 กิโลวัตต์/802 แรงม้า และใช้เวลาเพียง 2.3 วินาที ในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. มีระบบห้ามล้อฉุกเฉินที่ค่ายนี้พัฒนาขึ้นเอง สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และไร้คำถามด้านความปลอดภัย
ส่วน JAC DEFINE-X เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของ FULL-SIZE CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัด ในตัวถังทรง 2 กล่อง ซึ่งมีเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว ติดตั้งระบบขับเคลื่อนทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังรวม 368 กิโลวัตต์/500 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกลกว่า 600 กม. ที่ไม่เหมือนกับรถ SUV คันใดที่ขายอยู่ในโลกขณะนี้ คือ FOUR-WHEEL STEERING SYSTEM หรือระบบบังคับเลี้ยวทุกล้อ ที่ล้อหลังสามารถเลี้ยวได้มากถึง 12 องศา จึงสามารถเปรียบเทียบได้ว่า รถเลี้ยวได้ราวกับปูเดินเลี้ยว ส่วนการบังคับควบคุมต่างๆ กระทำด้วยระบบ BY-WIRE คือ ไม่มีการเชื่อมต่อทางกลไกใดๆ ระหว่างอุปกรณ์บังคับกับอุปกรณ์ทำงาน
MG CYBER X
ปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” เช่นกัน คือ MG CYBER X (เอมจี ไซเบอร์ เอกซ์) รถซึ่งเห็นหน้าตาแล้วคิดไปเองว่า ไม่เดือนนี้ก็เดือนหน้าคงพร้อมจะเริ่มการจำหน่าย ที่จริงยังเป็นเพียงรถแนวคิด ในรูปลักษณ์ของ BOXY COMPACT CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัดตัวถังทรงกล่อง และเป็นแม่แบบของรถตระกูล CYBER แบบที่ 2 ที่ค่ายนี้จะผลิตจำหน่าย ถัดจากรถ MG CYBERSTER (เอมจี ไซเบอร์สเตอร์) ที่เริ่มจำหน่ายเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 เป็นรถแนวคิดที่มีแต่ตัวถังภายนอกยังไม่มีรายละเอียดของห้องโดยสาร และอุปกรณ์ภายใน ตัวถังที่ว่ามีจุดที่น่าสนใจ และเป็นหัวข้อที่สื่อมวลชนวิจารณ์กันมาก คือ การนำกลับมาใช้ใหม่ของ POP-UP HEADLIGHT หรือดวงโคมไฟหน้า ที่จะซ่อนตัวอยู่ในตัวถังเมื่อไม่ใช้งาน และจะยกตัวขึ้นเมื่อใช้งาน ส่วนรายละเอียดของระบบขับ ยังไม่มีการเปิดเผยใดๆ ทราบกันแต่เพียงว่าเป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ
GAC PICKUP 01
GAC GROUP (GUANGZHOU AUTOMOBILE GROUP COMPANY LIMITED) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของรัฐ ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 1948 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง GUANGZHOU (กวางโจว) ในมณฑล GUANGDONG (กวางตง) บ่งบอกเจตนารมณ์ที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดของรถพิคอัพ ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว GAC PICKUP 01 (จีเอซี พิคอัพ 01) ซึ่งเป็นรถแนวคิดคันแรกของค่ายนี้ที่เป็นรถพิคอัพ สิ่งน่าสนใจที่ตามมาหลังการเปิดตัวที่ว่านี้ คือ เสียงวิจารณ์จากสื่อมวลชนบางรายในเมืองมังกรที่บอกว่า เหมือนเอารถสายพันธุ์อเมริกัน 2 แบบ ที่มีขายในขณะนี้ คือ TESLA CYBERTRUCK (เทสลา ไซเบอร์ทรัค) กับ GMC HUMMER EV PICKUP (จีเอมซี ฮัมเมอร์ อีวี พิคอัพ) มาคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน เป็นรถที่ค่ายนี้ตั้งใจจะผลิตขายจริง โดยมี ออสเตรเลีย ซาอุดิอาระเบีย เมกซิโก และบางประเทศในทวีปอเมริกาใต้ เป็นตลาดเป้าหมาย (ปี 2024 รถพิคอัพขายในเมืองมังกรได้ประมาณ 300,000 คัน)
HYPTEC EARTH
HYPTEC EARTH (ไฮพ์เทค เอิร์ธ) รถแนวคิดอีกคันหนึ่ง ที่ค่าย GAC GROUP (GUANGZHOU AUTOMOBILE GROUP COMPANYLIMITED) ใช้งานนี้เป็นที่อวดตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” หน้าตาเหมือนรถที่กำลังจะออกโชว์รูม แต่ไม่ใช่ เพราะยังเป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งตรวจการณ์ระดับหรูขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ตัวถังที่ดูดีมากในทุกมุมมอง ผู้ผลิตบอกว่า ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติของลาวาภูเขาไฟ ที่ให้ความรู้สึกในพลัง และความเคลื่อนไหว ส่วนหน้าของตัวรถรวมทั้งดวงโคมไฟหน้าที่มีลักษณะเหมือนอักษร H สะท้อนภาพของลาวาเหลวที่กำลังไหลลงสู่ทะเล ตัวถังดังกล่าวนี้ออกแบบตามหลักสถาปัตยกรรมความปลอดภัย ที่ค่ายนี้ตั้งชื่อในภาษาจีนว่า XINGLING (ซิงหลิง) เป็นตัวถังที่แข็งแรง และสอดรับเป็นอย่างดีกับระบบขับอัจฉริยะไร้รอยสะดุด ซึ่งเรียกชื่อในภาษาอังกฤษว่า ADIGO GSD INTELLIGENT DRIVING SYSTEM
BUICK ELECTRA GS CONCEPT
BUICK (บิวอิค) ผู้ผลิตรถยนต์อเมริกันที่หากินในเมืองมังกรมานมนาน ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว BUICK ELECTRA GS CONCEPT (บิวอิค อีเลคทรา จีเอส คอนเซพท์) รถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งซีดานระดับหรู ซึ่งบ่งบอกแนวทางการออกแบบรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ค่ายนี้จะผลิตเพื่อจำหน่ายในตลาดจีน เป็นรถยาว 5.300 ม. ซึ่งค่อนข้างกว้างแต่เตี้ย และใช้ล้อขนาดโตถึง 23 นิ้ว เป็นการออกแบบตัวถังอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า CAB-FORWARD DESIGN คือ มีห้องโดยสารที่อยู่ค่อนไปข้างหน้า มีหน้าหม้อสั้น และหลังคาที่ค่อนข้างยาว ผลลัพธ์ คือ ห้องโดยสารที่กว้างขวางนั่งสบาย นอกจากนั้น เพราะเป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ จึงสามารถทำพื้นรถที่ราบเรียบไร้อุโมงค์กลาง อย่างที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า FLAT-FLOOR LAYOUT (BUICK ขายรถในเมืองมังกรได้มากกว่าในเมืองมะกันหลายเท่า ช่วงหนึ่งเคยทำยอดขายได้มากถึง 1 ล้านคัน/ปี แต่ในปี 2024 ยอดขายลดเหลือเพียง 361,000 คัน)
MERCEDES-BENZ VISION V
ค่าย “ดาวสามแฉก” เรียกความสนใจจากสื่อมวลชน และผู้ชมงานได้อย่างล้นหลามด้วย MERCEDES-BENZ VISION V (เมร์เซเดส-เบนซ์ วิชัน วี) ซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของ PREMIUM ELECTRIC MPV หรือรถตู้อเนกประสงค์ระดับพรีเมียมที่ขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ และเป็นแม่แบบของรถตลาด หรือรถผลิตเพื่อจำหน่าย ที่มีกำหนดออกโชว์รูมในปี 2026 ตัวถังทรง 2 กล่องที่ดูบึกบึน และทรงพลัง ติดตั้งประตูข้างที่มีลักษณะเหมือนรถตู้ทั่วๆ ไป คือ มีประตูข้างบานหน้าที่เปิด-ปิดโดยการผลัก และประตูบานหลังเป็นประตูเลื่อน ที่ไม่เหมือนรถตู้ทั่วๆ ไปก็คือ เป็นประตูที่เปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันกลาง ห้องโดยสารซึ่งติดตั้งเก้าอี้ที่นั่งเพียง 4 ตัว ออกแบบเป็น PRIVATE VIP LOUNGE หรือห้องพักผ่อนส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารระดับวีไอพี มีแผงกั้นระหว่างห้องผู้ขับ และผู้โดยสาร ซึ่งทำหน้าที่เป็นจอภาพขนาด 65 นิ้วไปด้วยในตัว
VOLKSWAGEN ID.EVO/VOLKSWAGEN ID.AURA/VOLKSWAGEN ID.ERA
VOLKSWAGEN (โฟล์คสวาเกน) ซึ่งเพิ่งประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่า ก่อนสิ้นปี 2027 จะนำรถแบบใหม่ออกสู่ตลาดในเมืองมังกรมากกว่า 30 แบบ (มีทั้ง ALL-ELECTRIC CAR หรือรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ PLUG-IN HYBRID CAR หรือรถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ และ EXTENDED RANGE ELECTRIC CAR หรือรถพลังไฟฟ้าที่ติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อทำหน้าที่ชาร์จไฟเข้าสู่แบทเตอรีไว้ด้วย) นำรถแนวคิดออกอวดตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” พร้อมกัน 3 คัน คือ คันซ้าย VOLKSWAGEN ID.EVO (โฟล์คสวาเกน ไอดี.เอโว) คันกลาง VOLKSWAGEN ID.AURA (โฟล์คสวาเกน ไอดี.ออรา) และคันขวา VOLKSWAGEN ID.ERA (โฟล์คสวาเกน ไอดี.เอรา) เห็นชื่อ ID ก็ทราบได้ทันทีว่าทุกคันเป็นรถพลังไฟฟ้า
VOLKSWAGEN ID.EVO ซึ่งเป็นผลงานจากความร่วมมือกับค่าย XPENG เป็น ALL-ELECTRIC FULL-SIZE CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัดที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ออกแบบสำหรับผู้ใช้รถวัยหนุ่มวัยสาวที่ต้องการความแตกต่างจากผู้คนทั่วไป
VOLKSWAGEN ID.AURA ผลงานจากความร่วมมือกับค่าย FAW (FIRST AUTOMOTIVE WORKS) บริษัทรถยนต์ของรัฐรายใหญ่อันดับ 2 เป็นรถเก๋งซีดานขนาดเล็กกะทัดรัด ซึ่งออกแบบ/พัฒนาโดยใช้พแลทฟอร์มที่ค่ายนี้พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับตลาดจีน และตั้งชื่อว่า CMP (COMPACT MAIN PLATFORM)
VOLKSWAGEN ID.ERA ผลงานจากความร่วมมือกับค่าย SAIC MOTOR CORPORATION LIMITED ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของจีน เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัด และเป็นรถแบบแรกของค่ายนี้ที่เป็น EREV (EXTENDED-RANGE ELECTRIC VEHICLE) หรือรถพลังไฟฟ้าที่ติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อทำหน้าที่ชาร์จไฟเข้าแบทเตอรีไว้ด้วย
HONGQI TIANNIAN NO.1
มี FLYING CAR หรือ “รถบินได้” ปรากฏตัวให้เห็นในงานนี้หลายคัน HONGQI TIANNIAN NO.1 (หงฉี เทียนเหนี่ยน นัมเบอร์วัน) ที่เห็นในภาพใหญ่ และภาพเล็กซ้ายมือ เป็นผลงานของ HONGQI ยี่ห้อรถยนต์ของค่าย FAW (FIRST AUTOMOTIVE WORKS) ที่ประกอบกิจการมายาวนานตังแต่ปี 1958 เป็น “รถบินได้” ที่ผู้ผลิตบอกว่า จะโชว์ความสามารถในการบินอย่างเป็นทางการก่อนสิ้นปี 2025 นี้ รวมทั้งยืนยันด้วยว่า เป็นรถที่ออกแบบ/พัฒนาตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด ห้องโดยสารติดตั้งระบบสื่อสารแบบ REAL-TIME หรือตรงตามเวลาจริง ที่แสดงข้อมูลต่างๆ ทั้งด้วยภาพ และด้วยเสียง และบอกด้วยว่า เป็นรถบินได้ด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ชาร์จไฟเต็มแต่ละครั้งจะเดินทางในอากาศได้ไกลกว่า 200 กม. เห็นตัวจริงที่จอดนิ่งอยู่ในงานแล้ว มีความรู้สึกว่ารูปทรงค่อนข้างเทอะทะเบอะบะ มีปีกขนาดใหญ่มาก เวลาอยู่บนพื้นดินไม่น่าจะวิ่งได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว
CATL X EVTOL AIRCRAFT
CATL X EVITOL AIRCRAFT (ซีเอทีแอล เอกซ์ อีวีทีโอแอล แอร์คราฟท์) ผลงานจากความร่วมมือของ AUTO FLIGHT (ออโท ไฟลท์) บริษัทผู้ผลิต EVTOL (ELECTRIC VERTICAL TAKE-OFF AND LANDING) หรืออากาศยานบินขึ้น-ลงในแนวดิ่งพลังไฟฟ้า กับ CATL (CONTEMPORARY AMPEREX TECHNOLOGY COMPANY LIMITED) บริษัทผู้ผลิตแบทเตอรี LITHIUM-ION รายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเริ่มกิจการในจีนเมื่อปี 2011 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมือง NINGDE (หนิงเต๋อ) มณฑล FUJIAN (ฝูเจี้ยน) ขณะนี้ยังไม่เป็น “รถบินได้” แต่มีฐานะเป็นอากาศยานบินขึ้น-ลงในแนวดิ่ง ด้วยพลังไฟฟ้าจากแบทเตอรีของบริษัท CATLสามารถทำความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. และเดินทางได้ไกล 250 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม เห็นหน้าตา และสัมผัสตัวจริงที่งานนี้แล้ว ทีมงานของเราคิดเอาเองว่า เป็นไปได้ที่ในอนาคต อากาศยานแบบนี้จะพัฒนาต่อกิ่งต่อยอดเป็น “รถบินได้”
XPENG LAND AIRCRAFT CARRIER
XPENG LAND AIRCRAFT CARRIER (เสี่ยวเผิง แลนด์ แอร์คราฟท์ แคร์ริเออร์) ผลงานของ XPENG AEROHT บริษัทลูกของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ XPENG MOTOR ซึ่งเริ่มกิจการเมื่อปี 2013 เป็น “รถบินได้” ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าบินได้จริง และหลังการพิสูจน์ก็มีผู้สั่งจองแล้ว 2,000 ราย แม้ว่าตั้งราคาค่าตัวไว้สูงถึง 2 ล้านหยวน หรือประมาณ 10 ล้านบาทไทย ไม่ใช่รถสายเลือดสุพรรณ จะไปด้วยกันเฉพาะเมื่อวิ่งบนพื้นดิน แต่ไม่บินด้วยกันเมื่ออยู่บนฟ้า เพราะออกแบบเป็น 2 ส่วน แยกจากกันอย่างชัดเจน คือ (1) ส่วนที่เป็นยานบินมีปีก และหางที่พับเก็บได้ มีระบบขับแบบรถ EREV หรือรถพลังไฟฟ้าที่ติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในสำหรับชาร์จไฟไว้ด้วย (2) ส่วนที่เป็นยานบก หรือยานแม่ ซึ่งก็เป็น EREV เช่นกัน ออกแบบเหมือนรถตู้ MPV 6 ล้อ ยาว 5.50 ม. ซึ่งมีท้ายรถเป็นห้องบรรทุกยานบิน สามารถเดินทางได้ไกลถึง 1,000 กม. จะเริ่มการผลิตในปี 2026 และตั้งเป้าว่าจะผลิตปีละ 10,000 คัน
CHERY MODULAR FLYING CAR
แม้ว่ายังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา แต่เมื่อกลางเดือนตุลาคม 2024 “รถบินได้” CHERY MODULAR FLYING CAR (เชอรี โมดูลาร์ ฟลายอิง คาร์) ที่กำลังอวดตัวอยู่นี้ ก็ผ่านการทดสอบแล้ว ต่อหน้าประจักษ์พยานซึ่งมีสื่อมวลชนรวมอยู่ด้วย ว่าบินได้จริง และบินได้ไกลถึง 80 กม. เป็น “รถบินได้” ที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า THREE-BODY HYBRID-WING FLYING CAR ตัวถังซึ่งไปไหนก็ไปด้วยกัน สามารถแยกเป็น 3 ส่วน คือ (1) ส่วนซึ่งเป็นยานบินขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ใดๆ (2) ส่วนห้องโดยสาร 2 ที่นั่ง หน้าตาคล้ายเฮลิคอพเตอร์ (3) ส่วนซึ่งเป็นยานวิ่งบนพื้นดินซึ่งก็ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ เช่นกัน เป็น “รถบินได้” ที่วิ่ง และบินได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ขับ การบินขึ้นบินลงกระทำในแนวดิ่ง จึงไม่จำเป็นต้องมี RUNWAY (รันเวย์) สามารถบินได้สูงไม่เกิน 1,000 เมตร บินเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. และบินได้นานประมาณ 40 นาที
NIO FIREFLY
NIO INC บริษัทผู้ผลิตรถพลังไฟฟ้า และโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของจีน ซึ่งก่อตั้งกิจการเมื่อปี 2014 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ ใช้งานนี้เป็นที่อวดตัวรถติดป้ายชื่อ FIREFLY (ไฟร์ฟลาย) รถเก๋ง 5 ประตูแฮทช์แบคขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด ที่ออกแบบ/พัฒนาโดยมีทวีปยุโรปเป็นตลาดเป้าหมาย ตัวถังยาว 4.003 ม. กว้าง 1.781 ม. และสูง 1.557 ม. หน้าตาดูดี และมีลักษณะการออกแบบที่เหมาะกันมากกับผู้ใช้รถเพศแม่ ผู้ผลิตบอกว่า ได้แรงบันดาลใจจาก FIREFLY ซึ่งเป็นแมลงปีกแข็งตระกูลหนึ่งที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 105 กิโลวัตต์/143 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีขนาด 42.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 8.2 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. กับวิ่งได้ไกลถึง 420 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน CLTC ของจีน ราคาในเมืองมังกรเริ่มต้นที่ 119,800 หยวน (ประมาณ 550,000 บาทไทย)
NIO ET9
ผลงานอีกชิ้นหนึ่งที่ดูน่าสนใจมากในบูธของค่าย NIO INC คือ รถสุดหรูติดป้ายชื่อ NIO ET9 (นีโอ อีที 9) เป็นรถเก๋งซีดานท้ายลาดที่ค่ายนี้ตั้งใจออกแบบ/พัฒนา เพื่อสู้กับรถสุดหรูของเยอรมัน อย่าง MERCEDES-MAYBACH (เมร์เซเดส-มายบัค) BMW (บีเอมดับเบิลยู) AUDI (เอาดี) และรถสุดหรูร่วมชาติอย่าง MAEXTRO S800 SEDAN (มาเอกซ์ทโร เอส 800 ซีดาน) ตัวถังยาว 5.325 ม. กว้าง 2.017 ม. และสูง 1.621 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 3.250 ม. ติดตั้งระบบขับทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 180 กิโลวัตต์/245 แรงม้า ขับล้อคู่หน้า และขนาด 340 กิโลวัตต์/462 แรงม้า ขับล้อคู่หลัง ได้กำลังรวมสูงสุด 520 กิโลวัตต์/707 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.3 วินาที ส่วนแบทเตอรีที่ใช้เป็นแบทเตอรีที่ใช้เวลาเพียง 5 นาที ในการชาร์จไฟแบบเร่งด่วนเพื่อให้วิ่งได้ไกล 255 กม. ราคาในเมืองมังกรเริ่มต้นที่ 788,000 หยวน (ประมาณ 3.6 ล้านบาทไทย)
AVATR 06
AVATR 06 (อวาทาร์ 06) ผลงานชิ้นที่ 4 ของค่าย AVATR TECHNOLOGY COMPANY LIMITED เปิดตัวเพียง 2-3 วันก่อนวันเปิดงานนี้ เป็นรถเก๋งซีดานระดับ “พรีเมียม” ซึ่งมีตัวถังยาว 4.855 ม. กว้าง 1.960 ม. และสูง 1.450 ม. มีทั้ง BEV (BATTERY ELECTRIC VEHICLE) หรือรถที่วิ่งด้วยพลังไฟฟ้าจากแบทเตอรีล้วนๆ และ EREV (EXTENDED-RANGE ELECTRIC VEHICLE) หรือรถพลังไฟฟ้าซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์เพื่อหมุนปั่นไฟเข้าแบทเตอรีไว้ด้วย รถ BEV มีให้เลือก 2 ขนาด คือ รถขับล้อหน้าติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 252 กิโลวัตต์/343 แรงม้า ซึ่งวิ่งได้ไกล 650 กม. (CLTC) กับรถขับทุกล้อติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ได้กำลังรวม 440 กิโลวัตต์/598 แรงม้า ซึ่งวิ่งได้ไกล 600 กม. (CLTC) ส่วนรถ EREV ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 231 กิโลวัตต์/314 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 1.5 ลิตร 115 กิโลวัตต์/156 แรงม้า สามารถวิ่งได้ไกล 170 กม. ก่อนเครื่องยนต์เริ่มทำงานชาร์จไฟ
LEAPMOTOR B01
LEAPMOTOR B01 (ลีพมอเตอร์ บี 01) ผลงานใหม่ล่าสุดของบริษัทรถยนต์จีนที่มีสินค้าจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว เปิดตัวที่งานนี้แต่ต้องรอจนถึงเดือนกรกฎาคม 2025 จึงจะเริ่มการผลิต เป็นรถพลังไฟฟ้าที่ผู้ผลิตประกาศว่า เป็น THE MOST BEAUTIFUL INTELLIGENT SEDAN IN 150,000 YUAN CLASS หรือ “รถเก๋งซีดานอัจฉริยะในระดับราคา 150,000 หยวน ที่สวยงามที่สุด” (ใครเห็นด้วยไม่ต้องยกมือขึ้น 555) มีตัวถังยาว 4.770 ม. กว้าง 1.880 ม. สูง 1.490 ม. และมีช่วงฐานล้อยาว 2.735 ม. เป็นตัวถังที่ “ลื่นลมสุดๆ” เพราะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.197 ภายในห้องโดยสารที่นั่งได้รวม 5 คน และมีห้องเก็บของท้ายรถที่จุถึง 530 ลิตร วิจารณ์กันในเมืองมังกรว่า ตกแต่งอย่างประณีตพิถีพิถันราวกับรถค่าตัว 200,000 หยวน (ประมาณ 920,000 บาทไทย) ยังหารายละเอียดของระบบขับไม่พบ ทราบแต่เพียงว่า เมื่อชาร์จไฟเต็มจะวิ่งได้ไกลถึง 500 และ 600 กม.
ZEEKR 007 GT
ZEEKR (ซีเคอร์) บริษัทผู้ผลิตรถพลังไฟฟ้าระดับ “พรีเมียม” สายพันธุ์มังกร ที่มีค่าย GEELY AUTO (จีลี ออโท) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และส่งรถเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว ZEEKR 007 GT (ซีเคอร์ 007 จีที) รถเก๋งตรวจการณ์แบบที่ 2 ของค่าย ถัดจากรถ ZEEKR 001 (ซีเคอร์ 001) ที่เริ่มจำหน่ายเมื่อปี 2021 ไม่ใช่รถที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่เป็นการพัฒนาต่อกิ่งต่อยอดจากรถเก๋งซีดาน ZEEKR 007 (ซีเคอร์ 007) ที่เริ่มการผลิตเมื่อปี 2023 ตัวถังที่ยาว 4.864 ม. กว้าง 1.900 ม. และสูง 1.445 ม. มีรายละเอียดอยู่มากมายหลายจุดที่เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากรถซึ่งเป็นที่มา มีให้เลือกทั้งรถขับล้อหลังซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 310 กิโลวัตต์/421 แรงม้า ทำงานร่วมกับแบทเตอรีขนาด 75 หรือ 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง และรถขับทุกล้อซึ่งเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าเป็น 2 ชุด ให้กำลังรวม 475 กิโลวัตต์/646 แรงม้า ราคาค่าตัวในเมืองมังกรเริ่มต้นที่ 199,900 หยวน (ประมาณ 920,000 บาทไทย)
BYD HAN L
BYD AUTO COMPANY LIMITED ผู้ผลิตรถพลังไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของจีน และของโลก นำผลงานใหม่ออกอวดตัวหลายชิ้น BYD HAN L (บีวายดี ฮัน แอล) ที่เลือกมาให้ชมนี้ เป็นรถเก๋งซีดานขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ ในตัวถังยาว 5.050 ม. กว้าง 1.960 ม. และสูง 1.505 ม. ออกแบบโดยใช้พแลทฟอร์มสำหรับรถไฟฟ้าที่ค่ายนี้พัฒนาขึ้นเอง และตั้งชื่อว่า SUPER E-PLATFORM มีรถให้เลือก 2 แบบ คือ (1) EV หรือรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ใดๆ ซึ่งมีทั้งรถขับล้อหลังติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 500 กิโลวัตต์/680 แรงม้า และรถขับทุกล้อติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 230 กิโลวัตต์/313 แรงม้า และ 580 กิโลวัตต์/789 แรงม้า (2) PHEV หรือรถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งก็มีทั้งรถขับล้อหน้า และรถขับทุกล้อ ราคาในเมืองมังกร รถพลังไฟฟ้าล้วนๆ เริ่มต้นที่ 219,800 หยวน (ประมาณ 1.0 ล้านบาทไทย) ส่วนรถไฮบริดเริ่มต้นที่ 209,800 หยวน (ประมาณ 0.97 ล้านบาทไทย)
AUDI E5 SPORTBACK
ค่าย AUDI (เอาดี) ไม่มีโลโก “ห่วง” ซึ่งก่อกำเนิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างค่าย AUDI ของเยอรมนีกับค่าย SAIC ของจีน เพื่อผลิตรถสำหรับตลาดเมืองมังกรโดยเฉพาะ ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวรถโมเดลแรก คือ AUDI E5 SPORTBACK (เอาดี อี 5 สปอร์ทแบค) รถเก๋งซีดานท้ายลาดขนาดกลาง ซึ่งตัวถังยาว 4.881 ม. กว้าง 1.959 ม. และสูง 1.478 ม. ออกแบบ/พัฒนาโดยใช้พแลทฟอร์ม ADP (ADVANCED DIGITIZED PLATFORM) ที่เพิ่งพัฒนาขึ้นใหม่ เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ใดๆ ซึ่งมีให้เลือกทั้งรถขับล้อหลัง รถขับทุกล้อ และมีกำลังสูงสุดให้เลือกรวม 4 ระดับ รถโมเดลหัวกะทิซึ่งเป็นรถขับทุกล้อ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังรวม 579 กิโลวัตต์/787 แรงม้า และแบทเตอรีขนาดความจุ 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 3.4 วินาที ในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. และจะเดินทางได้ไกลถึง 770 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน CLTC ของจีน
LEXUS ES
ผู้ผลิตรถระดับ “พรีเมียม” เมืองปลาดิบ ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว LEXUS ES (เลกซัส อีเอส) รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 8 เป็น FULL-SIZE LUXURY SEDAN หรือรถเก๋งซีดานระดับหรูขนาดโตเต็มพิกัด ในตัวถังยาว 5.140 ม. กว้าง 1.920 ม. และสูง 1.555-1.560 ม. ที่ออกแบบใหม่ และมีขนาดโตกว่ารถรุ่นเดิมในทุกมิติ คือ ยาวขึ้น 16.5 ซม. กว้างขึ้น 5.5 ซม. และสูงขึ้น 11.0-11.5 ซม. มีรถให้เลือก 2 แบบ คือ (1) HEV หรือรถไฮบริดชนิดไม่ต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งมี 4 โมเดล คือ รถขับล้อหน้า หรือขับทุกล้อ LEXUS ES300H กับรถขับล้อหน้า หรือขับทุกล้อ LEXUS ES350H (2) BEV หรือรถขับด้วยพลังไฟฟ้าจากแบทเตอรีล้วนๆ ไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ใดๆ ซึ่งมี 2 โมเดล คือ รถขับล้อหน้า LEXUS ES350E กับรถขับทุกล้อ LEXUS ES500E รถโมเดลหลังติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังรวม 252 กิโลวัตต์/343 แรงม้า ตั้งเป้าหมายว่า จะวิ่งได้ไกลถึง 610 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน CLTC
TOYOTA BZ7
เป็นอีกคันหนึ่งที่ปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ในงานนี้ คือ TOYOTA BZ7 (โตโยตา บีเซด 7) รถแบบแรกซึ่งเป็นผลลัพธ์จากความร่วมมือระหว่าง TOYOTA ของญี่ปุ่น กับ GAC (GUANGZHOU AUTOMOBILE GROUP COMPANY) และ HUAWEI TECHNOLOGIES ของจีน เป็นรถเก๋งซีดานขนาดใหญ่ ที่ออกแบบ/พัฒนาในเมืองมังกร และมีเป้าหมายว่าจะเริ่มการจำหน่ายในปีนี้ ตัวถังซึ่งยาวกว่า 5.00 ม. มีจุดดึงดูดความสนใจอยู่หลายจุด รวมทั้งดวงโคมไฟหน้าที่ออกแบบเป็นรูปตัว C และเชื่อมต่อดวงไฟด้านขวา-ด้านซ้ายด้วยแถบไฟเส้นบาง ที่น่าสนใจมาก และยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกัน คือ อุปกรณ์อีเลคทรอนิค LIDAR (LIGHT DETECTION AND RANGING) ซึ่งติดตั้งบนหลังคา และทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ช่วยการขับ ADAS (ADVANCED DRIVING ASSISTANCE CAPABILITIES) ได้อย่างดี ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ของระบบขับ ทราบกันแต่เพียงว่า เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ
HONDA GT
นี่ก็ปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” เช่นกัน คือ HONDA GT (ฮอนดา จีที) แบบที่ 2 ของรถ YE SERIES (ยี ซีรีส์) ซึ่งเป็นรถที่ออกแบบ/พัฒนาสำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะ เป็น BATTERY ELECTRIC MID-SIZE SEDAN หรือรถเก๋งซีดานขนาดกลางขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าจากแบทเตอรี และเป็นผลงานจากความร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์จีน 2 ราย จึงมีรถขนาดเดียวกันให้เลือก 2 แบบ คือ (1) GAC HONDA GT คันที่เห็นในภาพ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกับ GAC หรือ GUANGZHOU AUTOMOBILE GROUP COMPANY บริษัทรถยนต์ของรัฐซึ่งเริ่มกิจการเมื่อปี 1948 (2) DONGFENG HONDA GT ผลงานจากความร่วมมือกับ DONGFENG MOTOR CORPORATION บริษัทรถยนต์ของรัฐซึ่งก่อตั้งกิจการเมื่อปี 1969 ทั้ง 2 แบบยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนของระบบขับ เท่าที่ทราบกันก็คือ เป็น REAR-MOTOR, REAR-WHEEL DRIVE หรือรถวางมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง และขับเคลื่อนล้อหลัง
PORSCHE 911 SPIRIT 70
PORSCHE 911 SPIRIT 70 (โพร์เช 911 สปิริท 70) หนึ่งในบรรดารถยุโรปเพียงไม่กี่คันซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็นรถโมเดลพิเศษซึ่งจะผลิตเพียง 1,500 คัน และเป็นรถ PORSCHE 911 แบบที่ 3 ที่ค่ายนี้รังสรรค์ขึ้นตามแนวทางการออกแบบที่ตั้งชื่อว่า HERITAGE DESIGN พัฒนาจากรถเปิดประทุนที่มีอยู่ก่อนแล้วในสายการผลิต คือ PORSCHE CARRERA 911 GTS CABRIOLET (โพร์เช คาร์เรรา 911 จีทีเอส กาบริโอเลต์) ทั้งภายนอก-ภายในตัวถังตกแต่งตามสไตล์ของรถยุคทศวรรษ 1970 และตอนต้นของ 1980 ส่วนสีที่ใช้ คือ สีดำ สีเทา GREY-GOLD และสีเขียว OLIVE NEO ระบบขับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คือ เป็นระบบขับล้อหลังแบบไฮบริดชนิดไม่ต้องเสียบปลั๊ก ซึ่งใช้เครื่องยนต์ไบเทอร์โบเบนซิน 6 สูบนอน (BOXER) 3,591 ซีซี 357 กิโลวัตต์/485 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 41 กิโลวัตต์/56 แรงม้า ให้กำลังรวมสูงสุด 398 กิโลวัตต์/541 แรงม้า
NISSAN N7
ปรากฏตัวที่งานนี้ และเริ่มการจำหน่ายไม่กี่วันหลังวันเปิดงาน คือ NISSAN N7 (นิสสัน เอน 7) รถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งเป็นผลงานจากความร่วมมือระหว่าง NISSAN MOTOR COMPANY ของญี่ปุ่น กับ DONGFENG MOTOR CORPORATION ของจีน เป็นรถเก๋งซีดานขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ขับเคลื่อนล้อหน้า ในตัวถังยาว 4.930 ม. กว้าง 1.895 ม. และสูง 1.487 ม. ที่ออกแบบได้เยี่ยมยอดมาก เพราะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.208 เท่านั้นเอง มีรถให้เลือก 2 โมเดลหลัก คือ NISSAN N7 510 ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 160 กิโลวัตต์/218 แรงม้า ทำงานร่วมกับแบทเตอรี LFP (LITHIUM IRON PHOSPHATE) ขนาด 58 กิโลวัตต์ชั่วโมง และเดินทางได้ไกล 510-540 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม กับ NISSAN N7 625 ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 200 กิโลวัตต์/272 แรงม้า ทำงานร่วมกับแบทเตอรี LFP ขนาด 73 กิโลวัตต์ชั่วโมง และเดินทางได้ไกล 625 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม
HONGQI OFFROAD
นอกจาก “รถบินได้” ที่ผ่านตาไปแล้ว จุดดึงดูดสายตาอีกจุดหนึ่งในบูธของ HONGQI (หงฉี) หรือ “ธงแดง” ยี่ห้อรถยนต์เก่าแก่ที่กำลังจะส่งสินค้าเข้ามาบุกตลาดในประเทศไทย คือ รถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดใหญ่ติดป้ายชื่อ HONGQI OFFROAD (หงฉี ออฟโรด) ซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ พร้อมกับการประกาศเชิญชวนให้ผู้คนทั่วโลกร่วมกิจกรรมตั้งชื่อรุ่น ซึ่งผู้ชนะจะได้รถแบบนี้เป็นรางวัล เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งพันธุ์แท้ระดับสุดหรู อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า HIGH-END HARD-CORE ติดตั้งระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าใช้มอเตอร์ 4 ชุด ที่ค่ายนี้พัฒนาขึ้นเอง สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4 วินาที ตัวถังรูปทรงกล่องเหลี่ยม มีรายละเอียดหลายจุดที่ไม่ค่อยได้เห็นกันในรถทั่วๆ ไป ตัวอย่าง คือ บันไดปีนขึ้นหลังคาที่ติดอยู่ตรงด้านซ้ายของตัวรถ
HYPTEC HL
HYPTEC HL (ไฮพ์เทค เอชแอล) ผลงานที่น่าสนใจมากในบูธของรถจีน ที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อจาก HYPER เป็น HYPTEC เมื่อเดือนสิงหาคม 2024 นี่เอง เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัด ในตัวถังยาว 5.126 ม. กว้าง 1.990 ม. และสูง 1.750 ม. ที่ทำเป็น 2 แบบ คือ แบบ 5 ที่นั่ง (2+3) กับแบบ 6 ที่นั่ง (2+2+2) มีระบบขับให้เลือก 2 แบบ ซึ่งแบบแรก คือ EV หรือรถขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งมีทั้งรถขับล้อหลังติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 250 กิโลวัตต์/340 แรงม้า และรถขับทุกล้อติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 130 กิโลวัตต์/177 แรงม้า อีกแบบ คือ EREV หรือรถขับด้วยพลังไฟฟ้าซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินเพื่อชาร์จไฟเข้าแบทเตอรีไว้ด้วย เป็นระบบขับล้อหลังซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 250 กิโลวัตต์/340 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีขนาด 60.33 กิโลวัตต์ชั่วโมง และเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินความจุ 1.5 ลิตร มีระยะเดินทาง 1,200 กม. ราคาในเมืองมังกรเริ่มต้นที่ 269,800 หยวน (ประมาณ 1.24 ล้านบาทไทย)
GAC TRUMPCHI S9
รถที่น่าสนใจมากอีกคันหนึ่งในบูธของ GAC GROUP (GUANGZHOU AUTOMOBILE GROUP COMPANY LIMITED) คือ รถติดป้ายชื่อ GAC TRUMPCHI S9 (จีเอซี ทรัมพ์ชิ เอส 9) ซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ แต่ต้องรอจนถึงไตรมาส 3 ของปี 2025 นี้จึงจะเริ่มการจำหน่าย เป็น FULL-SIZE LUXURY CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ระดับหรูขนาดโตเต็มพิกัด ในตัวถังยาว 5.060 ม. กว้าง 1.950 ม. และสูง 1.760 ม. ที่มีช่วงฐานล้อยาวถึง 2.930 ม. และมีห้องโดยสารติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว (2+2+2) เป็นรถจีนหน้าตาดี ที่เห็นแล้วนึกว่าเป็นรถยุโรปไม่ใช่รถจีน ติดตั้งระบบขับเคลื่อนทุกล้อ PLUG-IN HYBRID (พลัก-อิน ไฮบริด) หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 1.5 ลิตร 119 กิโลวัตต์/162 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า ได้กำลังรวมสูงสุด 172 กิโลวัตต์/234 แรงม้า หรือ 374 กิโลวัตต์/508 แรงม้า
AITO M9
เป็นรถที่น่าสนใจมากเช่นกัน คือ AITO M9 (ไอโท เอม 9) ผลงานจากความร่วมมือระหว่างบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ SERES AUTOMOBILE ซึ่งก่อตั้งกิจการเมื่อปี 2016 กับหน่วยงานด้านรถยนต์ของค่าย HUAWEI เริ่มจำหน่าย และส่งมอบรถให้แก่ผู้ซื้อในเมืองมังกรไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2025 เป็น FULL-SIZE CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัด ในตัวถังยาว 5.230 ม. กว้าง 1.999 ม. และสูง 1.800 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อที่ยาวถึง 3.110 ม. และทำห้องโดยสารเป็น 2 แบบ คือ แบบ 5 ที่นั่ง (2+2) กับแบบ 6 ที่นั่ง (2+2+2) ระบบขับก็มีให้เลือก 2 แบบ ซึ่งแบบแรก คือ BEV หรือรถขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ จากแบทเตอรี ไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ใดๆ ซึ่งวิ่งได้ไกลถึง 630 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน CLTC ของจีน กับ EREV หรือรถขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในสำหรับชาร์จไฟแบทเตอรีไว้ด้วย ซึ่งวิ่งได้ไกลประมาณ 1,500 กม.
DONGFENG NAMMI 06
ในบูธของ DONGFENG MOTOR CORPORATION มีรถใหม่อีกคันหนึ่งที่น่าสนใจ คือ รถติดป้ายชื่อ DONGFENG NAMMI 06 (ตงเฟิง น่าหมี่ 06) ซึ่งก็เป็นรถอีกคันหนึ่งที่ปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ แต่ต้องรออีก 1-2 เดือนหลังงานจึงจะเริ่มการจำหน่าย เป็น COMPACT CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัด ในตัวถังยาว 4.306 ม. กว้าง 1.868 ม. และสูง 1.645 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 2.715 ม. เป็นตัวถังที่ออกแบบขึ้นใหม่โดยใช้พแลทฟอร์มสำหรับรถพลังไฟฟ้าที่ค่ายนี้พัฒนาขึ้นเอง และตั้งชื่อว่า QUANTUM ARCHITECTURE PLATFORM 3 ติดตั้งระบบขับซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีซึ่งมีระบบชาร์จไฟที่รวดเร็วทันใจ คือ การชาร์จไฟ 30 %-80 % แบบเร่งด่วนด้วยไฟฟ้ากระแสตรง ใช้เวลาเพียง 18 นาที และการชาร์จไฟเพื่อให้รถวิ่งได้ไกล 100 กม. ใช้เวลาเพียง 5 นาที
ZEEKR 9X
นอกจากรถเก๋งตรวจการณ์ ZEEKR 007 GT (ซีเคอร์ 007 จีที) ที่ผ่านตาไปแล้ว ในบูธของผู้ผลิตรถระดับ “พรีเมียม” ค่ายนี้ ยังมีรถน่าสนใจ และสมควรบรรจุไว้ในรายงานนี้อีก 1 คัน คือ ZEEKR 9X (ซีเคอร์ 9 เอกซ์) ซึ่งก็เป็นรถใหม่อีกคันหนึ่งซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็น FULL-SIZE LUXURY CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ระดับหรูขนาดโตเต็มพิกัด ตัวถังซึ่งมีแผงกระจังหน้าขนาดใหญ่โตมโหฬาร ผู้ผลิตบอกว่าเป็นผลลัพธ์ของการออกแบบในลักษณะ MAJESTIC WITHOUT BEING INTIMIDATING หรือ “งามสง่าน่าประทับใจโดยไม่สูญเสียความมั่นใจ” ที่อ่านแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าหมายถึงอะไร ? ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลของระบบขับ บอกแต่เพียงว่าเป็นระบบ SUPER ELECTRIC HYBRID ซึ่งเป็นระบบขับที่ผสมผสานคุณสมบัติของรถ 3 ประเภทเข้าไว้ด้วยกัน คือ รถพลังไฟฟ้า BEV รถพลังไฟฟ้า EREV และรถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ PHEV
HAVAL XIAOLONG MAX
ค่าย GWM หรือ GREAT WALL MOTOR (กเรท วอลล์ มอเตอร์) มีรถที่น่าสนใจหลายคัน คันที่เลือกมาให้ชม คือ HAVAL XIAOLONG MAX (ฮาวัล เซียวหลง แมกซ์) เป็นรถรุ่นใหม่ (รุ่นที่ 2) ซึ่งเพิ่งเริ่มการจำหน่ายก่อนวันเปิดงานนี้เพียง 7 วัน ที่น่าทึ่งก็คือ เพียงวันเดียวก็มีผู้สั่งซื้อถึง 16,368 คัน เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลาง ในตัวถัง 5 ที่นั่ง ยาว 4.780 ม. กว้าง 1.895 ม. และสูง 1.725 ม. ติดตั้งระบบขับทุกล้อ PLUG-IN HYBRID หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ที่ค่ายนี้ออกแบบ/พัฒนาขึ้นเอง เป็นระบบที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร 85 กิโลวัตต์/116 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังรวมสูงสุด 238 กิโลวัตต์/324 แรงม้า สามารถวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 110 กม. เมื่อติดตั้งแบทเตอรีขนาด 18.74 กิโลวัตต์ชั่วโมง และเพิ่มเป็น 165 กม. เมื่อใช้แบทเตอรีขนาด 27.54 กิโลวัตต์ชั่วโมง ราคาในเมืองมังกรเริ่มต้นที่ 131,800 หยวน (ประมาณ 610,000 บาทไทย)
BYD YANGWANG U8L
ผลงานอีกชิ้นหนึ่งของ BYD ที่สมควรนำมาบรรจุไว้ในรายงานนี้ คือ BYD YANGWANG U8L (บีวายดี หยางหว่าง ยู 8 แอล) ซึ่งเป็นรถใหม่อีกคันหนึ่งที่ปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็น FULL-SIZE LUXURY SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งระดับหรูขนาดโตเต็มพิกัด เป็นรถที่ผลิตสำหรับเจ้าของรถที่ไม่ได้ขับรถเอง และไม่ใช่รถที่ออกแบบใหม่ทั้งคัน แต่เป็นผลลัพธ์จากการนำรถที่มีอยู่ก่อนแล้ว คือ BYD YANGWANG U8 มาพัฒนาต่อกิ่งต่อยอด จุดใหญ่ใจความ คือ (1) ขยายช่วงฐานล้อจาก 3.050 เป็น 3.250 ม. ซึ่งส่งผลให้ความยาวตัวถังเพิ่มจาก 5.320 เป็น 5.400 ม. ในขณะที่ความกว้าง และความสูงคงเดิม (2) เพิ่มเก้าอี้ที่นั่งในห้องโดยสารจาก 2 แถว เป็น 3 แถว ส่วนระบบขับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คือ ยังคงเป็น EREV หรือรถพลังไฟฟ้าชนิดมีเครื่องยนต์ชาร์จไฟ ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 4 ชุด ให้กำลังรวม 880 กิโลวัตต์/1,197 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 1.5 ลิตร
MAZDA EZ60
ผลงานที่น่าสนใจเพียงชิ้นเดียวของยักษ์เล็กเมืองปลาดิบ คือ MAZDA EZ60 (มาซดา อีเซด 60) รถใหม่อีกแบบหนึ่งซึ่งปรากฏตัว “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ และเพียง 48 ชม. ก็มีผู้สั่งจองแล้วถึง 10,060 คัน เป็นผลงานจากความร่วมมือกับค่าย CHANGAN AUTOMOBILE COMPANY LIMITED บริษัทรถยนต์ของรัฐซึ่งเริ่มผลิตรถยนต์เมื่อปี 1959 เป็น MID-SIZE CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลาง ในตัวถังยาว 4.850 ม. กว้าง 1.935 ม. และสูง 1.620 ม. ซึ่งติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 2 แถว นั่งได้รวม 5 คน เป็นรถขับล้อหลังซึ่งมีระบบขับให้เลือก 2 แบบ คือ (1) BEV ซึ่งขับด้วยพลังไฟฟ้าจากแบทเตอรี และไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ใดๆ สามารถวิ่งได้ไกลถึง 600 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็มและวัดตามมาตรฐาน CLTC ของจีน (2) EREV หรือขับด้วยพลังไฟฟ้าซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์สำหรับชาร์จไฟไว้ด้วย ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็ม และเติมเบนซินเต็มถัง รถจะวิ่งได้ไกลกว่า 1,000 กม.
NISSAN FRONTIER PRO
ผลงานอีกชิ้นหนึ่งของยักษ์รองเมืองปลาดิบที่น่าติดตาม ว่าจะส่งเข้ามาขายในประเทศไทยหรือไม่ คือ NISSAN FRONTIER PRO (นิสสัน ฟรอนเทียร์ พโร) ซึ่งก็เป็นรถอีกคันหนึ่งซึ่งอวดตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็นรถพิคอัพพลังไฟฟ้าแบบแรกของค่าย และเป็นแบบที่ 2 ของ NEV (NEW ENERGY VEHICLE) หรือรถพลังงานใหม่จำนวน 9 แบบ ที่ค่ายนี้ตั้งเป้าว่าจะนำออกสู่ตลาดจีนภายในฤดูร้อนของปี 2027 มีตัวถังยาว 5.520 ม. กว้าง 1.960 ม. สูง 1.950 ม. และมีกระบะยาว 1.520 ม. กว้าง 1.600 ม. สูง 0.490 ม. ติดตั้งระบบขับทุกล้อ PLUG-IN HYBRID หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 1,500 ซีซี ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า ได้กำลังรวมสูงสุดที่สูงกว่า 300 กิโลวัตต์/408 แรงม้า จะเริ่มการจำหน่ายภายในปี 2025 นี้ ตั้งเป้าหมายไว้ว่า เมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน CLTC ของจีน จะวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 135 กม.
LIXIANG MEGA
มี MPV หรือรถตู้อเนกประสงค์ ปรากฏตัวให้เห็นหลายคันในงานนี้ แต่คันที่ทีมงานบางคนของเราบอกว่า น่าซื้อที่สุดถ้าซื้อได้ คือ LIXIANG MEGA (หลีเสี่ยง เมกะ) ที่กำลังอวดตัวอยู่นี้ เป็น BEV หรือรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ติดตั้งแบทเตอรี แบบแรกของ LI AUTO บริษัทรถยนต์จีนที่เริ่มกิจการเมื่อปี 2015 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงปักกิ่ง เป็นรถเริ่มการผลิตเมื่อปี 2024 ที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ ตัวถัง 5 ประตู 7 ที่นั่ง (2+2+3) ซึ่งยาว 5.350 ม. กว้าง 1.965 ม. และสูง 1.850 ม. ออกแบบได้ดีมากทั้งภายนอก-ภายใน และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.215 คือ ต่ำกว่ารถ MPV ทุกคันในโลกใบนี้ ติดตั้งระบบขับทุกล้อ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 155 กิโลวัตต์/211 แรงม้า ขับล้อคู่หน้า ใช้ขนาด 245 กิโลวัตต์/333 แรงม้า ขับล้อคู่หลัง และใช้แบทเตอรีขนาด 102.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ได้กำลังรวมสูงสุด 400 กิโลวัตต์/544 แรงม้า กรณีชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน CLTC จะวิ่งได้ไกล 710 กม.
BUICK GL8 ENCASA
ปิดรายงาน “มหกรรมยานยนต์เซี่ยงไฮ้ ครั้งที่ 21” ด้วย BUICK GL8 ENCASA (บิวอิค จีแอล 8 เอนคาซา) ผลงานล่าสุดของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกันซึ่งอวดตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็น FULL-SIZE MPV หรือรถตู้อเนกประสงค์ขนาดโตเต็มพิกัด ในตัวถังยาว 5.260 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 3.160 ม. เป็นผลงานจากความร่วมมือกับค่าย SAIC MOTOR CORPORATION LIMITED ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของจีน และเป็นรถที่ออกแบบ/พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับตลาดจีน จะเริ่มจำหน่ายก่อนสิ้นปี 2025 และจะมีระบบขับให้เลือก 2 แบบ คือ (1) ขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ (2) ขับด้วยระบบ PLUG-IN HYBRID หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 1.5 ลิตร 132 กิโลวัตต์/180 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 200 กิโลวัตต์/272 แรงม้า และแบทเตอรี LITHIUM IRON PHOSPHATE