มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ
มหกรรมยานยนต์โตเกียว 2025
พัฒนาการล่าสุดของงานแสดงรถยนต์ระดับโลก ที่อายุยืนยาวกว่า 7 ทศวรรษ
ชุมนุมรถยนต์นั่ง และรถเพื่อการพาณิชย์ 22 ยี่ห้อ กับจักรยานยนต์อีก 5 ยี่ห้อ
มหกรรมยานยนต์โตเกียว ซึ่งในอดีตมีชื่อในภาษาอังกฤษว่า TOKYO MOTOR SHOW (โตเกียว มอเตอร์ โชว์) และปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น JAPAN MOBILITY SHOW (เจแปน โมบิลิที โชว์) เป็นงานแสดงรถยนต์ที่มีประวัติความเป็นมาสามารถย้อนหลังไปได้ยาวนานกว่า 7 ทศวรรษ งานครั้งแรกอุบัติขึ้นในระหว่างวันที่ 20-29 เมษายน 1954 สถานที่จัดงานเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ซึ่งมีชื่อว่า HIBIYA PARK (ฮิบิยา พาร์ค) มีรถแสดงในงาน 267 คัน และมีผู้ชมงานประมาณ 547,000 คน
ปี 1989 ผู้จัดงานย้ายสถานที่จัดงานไปกระทำที่ MAKUHARI MESSE (มาคูฮาริ เมสเซ) ศูนย์นิทรรศการขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในจังหวัด CHIBA (ชิบะ) ซึ่งอยู่ไกลจากกรุงโตเกียวไม่มาก เดินทางด้วยรถไฟใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง และจัดที่นั่นรวม 14 ครั้ง ระหว่างปี 1989-2009 ก่อนย้ายอีกครั้งหนึ่งในปี 2011 ไปจัด ณ สถานที่จัดงานปัจจุบัน คือ TOKYO BIG SIGHT (โตเกียว บิก ไซท์) ซึ่งเป็นศูนย์ประชุม และนิทรรศการใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนพื้นดินในอ่าวโตเกียว และเริ่มใช้งานเมื่อเดือนเมษายน 1996
ปัจจุบันมหกรรมยานยนต์โตเกียวเป็นงานแสดงรถยนต์ที่จัดกันทุกๆ 2 ปี ผู้จัดงาน คือ JAPAN AUTOMOBILE MANUFACTURERS ASSOCIATION, INC. (JAMA) ซึ่งเป็นบริษัทของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น งานครั้งล่าสุดนี้มีขึ้นระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม-วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2025 บัตรผ่านประตูมีราคา 3,000 เยน (ประมาณ 660 บาท) แต่จะลดเหลือ 2,700 เยน (ประมาณ 595 บาท) หากซื้อบัตรล่วงหน้า และลดเหลือเพียง 1,500 เยน (ประมาณ 330 บาท) เมื่อซื้อบัตรหลังเวลา 16.00 น. ส่วนผู้เยาว์รวมทั้งนักเรียนระดับประถม และมัธยม ไม่เสียค่าผ่านประตู
ในปีนี้มีผู้ผลิตรถยนต์นั่งร่วมงานรวม 15 ราย แยกเป็นบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น 10 ราย คือ SUZUKI (ซูซูกิ) SUBARU (ซูบารุ) CENTURY (เซนทูรี) DAIHATSU (ไดฮัทสุ) TOYOTA (โตโยตา) NISSAN (นิสสัน) HONDA (ฮอนดา) MAZDA (มาซดา) MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) LEXUS (เลกซัส) และเป็นผู้ผลิตต่างชาติ 5 ราย คือ BMW (บีเอมดับเบิลยู) BYD (บีวายดี) HYUNDAI (ฮันเด) MINI (มีนี) MERCEDES-BENZ (เมร์เซเดส-เบนซ์) ผู้ผลิตรถเพื่อการพาณิชย์มี 7 ราย คือ ISUZU (อีซูซุ) HINO (ฮีโน) MITSUBISHI FUSO (มิตซูบิชิ ฟูโซ) UD TRUCKS (ยูดี ทรัคส์) KIA (เกีย) ASF (เอเอสเอฟ) BYD (บีวายดี) ส่วนผู้ผลิตรถจักรยานยนต์มี 5 ราย คือ KAWASAKI (คาวาซากิ) SUZUKI (ซูซูกิ) HONDA (ฮอนดา) YAMAHA (ยามาฮา) BMW (บีเอมดับเบิลยู)
13 หน้ากระดาษถัดจากนี้ คือ บางส่วนของสิ่งใหม่ๆ ที่ทีมงานของ “สื่อสากล” ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดที่งานมหกรรมยานยนต์โตเกียว ปี 2025 มีทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ มีทั้งที่ยังเป็นเพียง CONCEPT CAR หรือรถแนวคิด และที่เป็น PRODUCTION CAR หรือรถผลิตเพื่อการจำหน่าย
CENTURY
TOYOTA MOTOR CORPORATION (โตโยตา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง โดยแยกรถระดับสุดหรู คือ TOYOTA CENTURY (โตโยตา เซนทูรี) เป็นรถยี่ห้อใหม่ มีชื่อว่า CENTURY ทำให้กลายเป็นบริษัทที่มีรถยนต์อยู่ในเครือข่ายถึง 4 ยี่ห้อ คือ CENTURY LEXUS (เลกซัส) TOYOTA และ DAIHATSU (ไดฮัทสุ) ในโอกาสที่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นได้นำรถ CENTURY แบบใหม่ออกแสดงในงานนี้ 1 แบบ ดังที่เห็นในภาพ มีรูปลักษณ์เป็นรถเก๋งคูเประดับสุดหรู ติดตั้งประตูข้างซึ่งเป็นประตูเลื่อน และเปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันกลางเหมือนประตูตู้กับข้าว ห้องโดยสารตกแต่งหรูหรา และไม่เหมือนกับรถคูเปทั่วๆ ไป เพราะติดตั้งเก้าอี้ที่นั่งเพียง 3 ตัว คือ หน้า 1 หลัง 2 เป็นรถที่ออกแบบให้ขับด้วยตัวเองก็ได้ ขับโดยพนักงานขับรถก็ดี
TOYOTA COROLLA CONCEPT
หนึ่งในบรรดารถที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในงานนี้ คือ TOYOTA COROLLA CONCEPT (โตโยตา โคโรลลา คอนเซพท์) ที่เห็นในภาพใหญ่ และภาพเล็กซ้ายมือ เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นแม่แบบของรถ TOYOTA COROLLA รุ่นใหม่ (รุ่นที่ 13) ซึ่งใกล้จะถึงกำหนดวันเปิดตัว เพราะรถรุ่นปัจจุบันอยู่ในสายการผลิตมานานแล้ว คือ เกือบ 1 ทศวรรษ เป็นผลงานรังสรรค์ของศูนย์ออกแบบ TOYOTA EUROPE DESIGN CENTER (โตโยตา ยุโรป ดีไซจ์น เซนเตอร์) ซึ่งอยู่ที่เมือง NICE (นีศ) ในฝรั่งเศส หน้าตา และรูปทรงองค์เอวดูแตกต่างเป็นอย่างมากจากรถรุ่นปัจจุบันที่คนรักรถทั่วโลกคุ้นตากันดี ที่น่าสนใจ และน่าติดตามก็คือ ระบบขับของรถรุ่นใหม่นี้ ซึ่งคาดหมายกันว่า จะมีทั้งรถติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน รถไฮบริดชนิดไม่ต้องเสียบปลั๊ก รถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊ก รวมทั้งอาจจะมีรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ใช้แกสไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงด้วย
TOYOTA LAND CRUISER FJ
TOYOTA LAND CRUISER FJ (โตโยตา แลนด์ ครูเซอร์ เอฟเจ) รถกิจกรรมกลางแจ้งพันธุ์แท้ขนาดเล็กกะทัดรัด เปิดตัวที่งานนี้แต่ต้องรอจนถึงกลางปี 2026 จึงจะเริ่มการจำหน่าย โดยใช้โรงงานในประเทศไทยเป็นฐานการผลิต (ชื่อ FJ ย่อจาก FREEDOM & JOY หรืออิสรภาพ และรื่นเริงบันเทิงใจ) เป็นรถรูปทรงย้อนยุคแต่ชวนมอง ในตัวถัง 5 ประตู 5 ที่นั่ง ทรง 2 กล่อง ยาว 4.575 ม. กว้าง 1.855 ม. สูง 1.960 ม. และมีช่วงฐานล้อยาว 2.580 ม. เป็นตัวถังซึ่งมีโครงสร้างแบบ BODY-ON-FRAME (บอดี-ออน-เฟรม) เหมือนรถพิคอัพ ติดตั้งระบบขับเคลื่อนทุกล้อแบบ PART-TIME ALL-WHEEL DRIVE (พาร์ท-ไทม์ ออลล์-วีล ดไรฟ์) ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร 120 กิโลวัตต์/163 แรงม้า (รหัสเครื่องยนต์ 2TR-FE) ทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ นับเป็นรถ LAND CRUISER แบบที่ 4 ถัดจากรถ LAND CRUISER 70-LAND CRUISER 250 และ LAND CRUISER 300
TOYOTA KAYOIBAKO
TOYOTA KAYOIBAKO (โตโยตา คาโยอิบาโค) รถแนวคิดที่ผู้ผลิตอวดสรรพคุณเป็นภาษาอังกฤษว่า MAKING SOMEONE’S WORK EASIER AND MORE ENJOYABLE หรือ “ทำให้งานของผู้คนทำได้ง่ายขึ้น และสนุกสนานยิ่งขึ้น” กับให้คำอธิบายเป็นภาษาไทยเพียง 3 บรรทัดว่า “การขับเคลื่อนที่เสมือนเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม เพื่อมอบบริการให้แก่ลูกค้า-สามารถทำสิ่งที่คุณชอบ เมื่อใดก็ได้ และทุกที่ที่คุณต้องการ-มอบพื้นที่พื้นฐานสำหรับการใช้งาน ทั้งเพื่อการทำงาน และการพักผ่อน” เป็นพัฒนาการล่าสุดของรถแนวคิดพลังไฟฟ้าชื่อเดียวกัน ซึ่งปรากฏตัวที่งานนี้เมื่อปี 2023 ในตัวถังทรงกล่องเดียวซึ่งยาว 3.990 ม. กว้าง 1.790 ม. สูง 1.855 ม. และมีช่วงฐานล้อยาว 2.800 ม. มีห้องโดยสารยาว 3.127 ม. กว้าง 1.485 ม. และสูง 1.437 ม. ที่สามารถดัดแปลงให้เหมาะสมกับงานหลากหลายลักษณะ ทั้งการใช้งานในลักษณะธุรกิจ และการใช้งานในชีวิตประจำวัน
TOYOTA COMS-X
ปรากฏตัวในบูธของค่ายยักษ์ใหญ่ คือ รถไร้ประตู TOYOTA COMS-X (โตโยตา คอมส์-เอกซ์) ผลงานของ TOYOTA AUTO BODY (โตโยตา ออโท บอดี) บริษัทลูกของ TOYOTA MOTOR CORPORATION (โตโยตา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน) เป็น MICRO-EV (ไมโคร-อีวี) หรือรถพลังไฟฟ้าขนาดจิ๋ว ที่ออกแบบเพื่อการขนส่งสินค้าในเขตเมืองซึ่งใช้ความเร็วต่ำ ไม่ใช่เพื่อการใช้งานในลักษณะส่วนตัว เป็นรถ 4 ล้อ ที่นั่งเดียว ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า PERMANENT MAGNET SYNCHRONOUS MOTOR (เพอร์มาเนนท์ แมกเนท ซิงโครนัส มอเตอร์) ขนาด 5 กิโลวัตต์/7 แรงม้า มีน้ำหนักรถเปล่า 420 กก. มีกำลังสูงสุด 5 กิโลวัตต์/7 แรงม้า และชาร์จไฟเต็มแต่ละครั้งจะวิ่งได้ไกล 50 กม. เมื่อวัดตามมาตรฐาน JC08 ของญี่ปุ่น ที่นำเสนอพร้อมกับตัวรถดังที่เห็นในภาพ คือ DELIVERY BOX (เดลิเวอรี บอกซ์) หรือกล่องบรรทุกสินค้าขนาดความจุ 370 ลิตร
LEXUS SPORT CONCEPT
ยอดผู้ผลิตรถระดับ “พรีเมียม” ของเมืองปลาดิบ นำรถแนวคิดออกแสดงในงานนี้แบบ “อลังการ” คันแรกที่เลือกมาให้ชมกัน คือ LEXUS SPORT CONCEPT (เลกซัส สปอร์ท คอนเซพท์) เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ท 2 ประตูคูเป ซึ่งปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานเทศกาลกีฬายานยนต์ THE QUAIL (เธอะ คเวล) ซึ่งมีขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนสิงหาคม 2025 และฉายซ้ำอีกครั้งที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดที่ผู้ผลิตให้คำอธิบายเป็นภาษาไทยอย่างสั้นๆ แค่ 3 บรรทัดว่า “รถสปอร์ทดีไซจ์นล้ำสมัย ที่ยังคงความสปอร์ทอย่างแท้จริง-ดีไซจ์นที่กว้าง และเพรียวบาง สะท้อนถึงสมรรถนะอันเหนือชั้น-ห้องโดยสารที่เสมือนพาคุณท่องโลกของรถสปอร์ทเจเนอเรชันใหม่” แต่ไม่ยอมบอกเลยในสิ่งที่ผู้คนเขาอยากรู้ เช่น ขับล้อหน้า ? หรือขับล้อหลัง ? หรือขับทุกล้อ ? เป็นรถติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน ? หรือเป็นรถพลังไฟฟ้า ?
LEXUS LS CONCEPT
รถแนวคิดอีกคันหนึ่งของยอดผู้ผลิตรถระดับ “พรีเมียม” เมืองปลาดิบที่ปรากฏตัวในงานนี้ คือ LEXUS LS CONCEPT (เลกซัส แอลเอส คอนเซพท์) รถแนวคิดในรูปลักษณ์ของ LARGE LUXURY MPV (ลาร์จ ลักชัวรี เอมพีวี) หรือรถตู้อเนกประสงค์ระดับหรูขนาดใหญ่ ซึ่งมีคุณสมบัติมากมายที่ดูแปลก และแตกต่างไปจากรถประเภทเดียวกันที่เห็นอยู่ทั่วไปในขณะนี้ ตัวอย่างเช่น เป็นรถ 6 ล้อ (ล้อหน้าขนาดใหญ่ 2 ล้อ-ล้อหลังขนาดเล็ก 4 ล้อ) ซึ่งเป็นการออกแบบที่ทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากห้องโดยสารได้เต็มที่ รวมทั้งได้พื้นที่ที่มีลักษณะเป็นส่วนตัว และเงียบสงบ เป็นห้องโดยสารที่ตกแต่งอย่างหรูหรา สามารถติดตั้งเก้าอี้ที่นั่งได้หลายลักษณะ ประตูข้างบานหน้าเป็นประตูผลัก ส่วนประตูบานหลังซึ่งมีขนาดใหญ่มากเป็นประตูเลื่อน ข้อมูลสำคัญที่ผู้คนอยากรู้แต่ผู้ผลิตไม่ยอมบอก คือ ขนาดของตัวถัง ? ชนิดของขุมพลังขับเคลื่อน ? สมรรถนะความเร็ว ? จะผลิตขายหรือไม่ ?
LEXUS LS COUPE CONCEPT
ผลงานใหม่ของยอดผู้ผลิตรถระดับ “พรีเมียม” เมืองปลาดิบเช่นกัน คือ รถติดป้ายชื่อ LEXUS LS COUPE CONCEPT (เลกซัส แอลเอส คูเป คอนเซพท์) รถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ทคูเป 4 ประตู 4 ที่นั่ง ซึ่งติดตั้งประตูข้างที่เปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันกลางเหมือนประตูตู้กับข้าว เป็นรถที่ผู้ผลิตให้อรรถาธิบายอย่างสั้นๆ เป็นภาษาไทย 3 บรรทัดว่า “ทวิลักษณ์ของความหรูหรา และอารมณ์ที่เปี่ยมไปด้วยพลัง-ความโดดเด่นของรูปลักษณ์ภายนอกที่โฉบเฉี่ยว และภายในที่กว้างขวาง-พื้นที่ภายในที่ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์เฉพาะตัว” เป็นถ้อยภาษาที่งดงามหรูหราอลังการ อ่านแล้วเกิดความรู้สึกที่เพลิดเพลินเจริญใจ แต่ยากจะเข้าใจว่าหมายความว่าอะไร ? และสิ่งที่เป็นจริงเป็นอย่างไร ? ส่วนข้อมูลที่น่าจะบอกเพราะผู้คนเขาอยากรู้ กลับไม่บอกเลย เช่น ขนาดของตัวถัง ขุมพลังขับเคลื่อน และระบบขับเคลื่อน สมรรถนะความเร็ว ฯลฯ
LEXUS LS MICRO CONCEPT
รถแนวคิดคันสุดท้ายของยอดผู้ผลิตรถระดับ “พรีเมียม” เมืองปลาดิบที่นำมาให้ชมกัน คือ LEXUS LS MICRO CONCEPT (เลกซัส แอลเอส ไมโคร คอนเซพท์) ยานพาหนะที่ไม่น่าเรียกว่ารถยนต์ แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าควรเรียกว่าอะไร ? เป็นรถ 3 ล้อ ที่นั่งเดียว ซึ่งผู้ผลิตให้คำอธิบายเป็นภาษาไทยอย่างสั้นๆ เพียง 3 บรรทัดว่า “ไมโครโมบิลิทีที่เคลื่อนที่ได้อย่างง่ายดาย ผ่านทุกถนน และทุกตรอกซอยในเมือง-พื้นที่ส่วนตัวระดับพรีเมียมที่ออกแบบเพื่อความเป็นส่วนตัว และแสดงความสะดวกสบายอย่างสมบูรณ์แบบ-ประสบการณ์การเดินทางส่วนตัวแบบใหม่ที่เป็นไปได้ด้วยระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ” ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ว่า เป็นรถขนาดจิ๋วตัวถังแคบ และยาวแค่ 2.50 ม. เท่านั้นเอง ห้องโดยสารตกแต่งสุดหรู นั่งได้คนเดียว วิ่งได้ด้วยตัวเองโดยระบบอัตโนมัติ สามารถวิ่งไปได้ในทุกที่ทุกถิ่นที่ถนนแคบรถธรรมดาวิ่งไปไม่ได้ และคาดหมายเอาเองว่า เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ
DAIHATSU MIDGET-X
ปรากฏตัวให้เห็นเป็นครั้งแรกที่งานนี้เช่นกัน คือ DAIHATSU MIDGET-X (ไดฮัทสุ มิดเจด-เอกซ์) รถบรรทุกคน บรรทุกของ 3 ที่นั่ง ซึ่งผู้ผลิตให้คำอธิบายเป็นภาษาไทยอย่างสั้นๆ เพียง 3 บรรทัดว่า “ยานยนต์ที่สืบทอดจิตวิญญาณแห่งการประดิษฐ์จากรถ MIDGET รุ่นแรก ซึ่งยังคงอยู่เคียงข้าง และเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับชีวิตของผู้คน นี่คือ DAIHATSUMEI แห่งอนาคต ที่จะพลิกโฉมการเดินทางที่ทุกคนคุ้นเคย ให้สะดวกสบาย และเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยขนาดที่เล็ก” เหมือนถ้อยคำที่เรียงร้อยอย่างไพเราะแต่ยากจะเข้าใจความหมาย อ่านแล้วงุนงงสงสัยว่าความเป็นจริงคืออะไร ? อย่างไรก็ตาม สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ว่า มีห้องโดยสาร 3 ที่นั่ง ที่วางตำแหน่งเก้าอี้ในลักษณะผู้ขับนั่งอยู่ตรงกลาง และเก้าอี้ผู้โดยสาร 2 คน อยู่เยื้องไปด้านหลัง กับมีส่วนท้ายรถที่สามารถดัดแปลงได้หลายลักษณะตามความต้องการใช้งาน ตัวอย่างเช่น เป็นกล่องบรรทุกข้าวของอย่างที่เห็นในภาพ
HONDA 0 ALPHA
ยักษ์รองเมืองปลาดิบนำ PROTOTYPE (พโรโทไทพ์) หรือต้นแบบของรถ HONDA 0 (ฮอนดา ซีโร) ออกแสดงในงานนี้พร้อมๆ กัน 3 คัน คือ HONDA 0 SALOON (ฮอนดา ซีโร ซาลูน) HONDA 0 SUV (ฮอนดา ซีโร เอสยูวี) และ HONDA 0 ALPHA (ฮอนดา ซีโร อัลฟา) 2 คันแรกเป็นรถที่เคยเห็นกันมาก่อนแล้วที่งาน CES (CUSTOMER ELECTRONIC SHOW) หรือมหกรรมสินค้าอีเลคทรอนิคเพื่อผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมกราคม 2025 ส่วนคันหลังเพิ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็น CROSSOVER SUV (ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี) หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์รูปทรงงดงาม ที่ออกแบบเพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตของผู้คนในทุกสถานการณ์ คือ วิ่งได้ดีทั้งในเมือง และในสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ ตัวถังค่อนข้างเตี้ย แต่พื้นที่ใต้ท้องรถสูงเหมือนรถประเภทเดียวกันทั่วๆ ไป มีกำหนดเริ่มการจำหน่ายทั้งในญี่ปุ่น และอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายในปี 2027
HONDA MICRO EV
ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่งของค่ายยักษ์รองซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ คือ รถแนวคิดติดป้ายชื่อ HONDA MICRO EV (ฮอนดา ไมโคร อีวี) ที่เห็นในภาพใหญ่ และภาพเล็กบน เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า LAST-MILE VEHICLE (ลาสต์-ไมล์ เวฮิเคิล) คือ ใช้ขับเมื่อลงจากรถไฟ หรือเมื่อขึ้นจากรถใต้ดิน เพื่อเดินทางกลับบ้าน ผลงานรังสรรค์ของนักออกแบบชาวญี่ปุ่นเจ้าของนาม SHUNTARO SATO (ชุนตาโร ซาโตะ) เป็นรถ 4 ล้อ 2 ประตู 2 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ออกแบบเพื่อใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดจากพื้นที่ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด ตัวอย่างเช่น ใต้เก้าอี้ที่นั่งมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการบรรจุ SKATEBOARD (สเกทบอร์ด) และอุปกรณ์การเคลื่อนที่เฉพาะตัวประเภทอื่นๆ พวงมาลัยซึ่งออกแบบเหมือน YOKE (โยค) หรือแอกเทียมวัวเทียมควาย มีที่ติดตั้งสมาร์ทโฟนอยู่ด้วย และถ่ายทอดข้อมูลแสดงบนจอของแผงหน้าปัด
HONDA SUPER-ONE PROTOTYPE
ปรากฏตัวที่งานนี้แบบ “ครั้งแรกในโลก” เช่นกัน คือ PROTOTYPE (พโรโทไทพ์) หรือรถต้นแบบ ติดป้ายชื่อ HONDA SUPER-ONE PROTOTYPE (ฮอนดา ซูเพอร์-วัน พโรโทไทพ์) ซึ่งเป็นต้นแบบของรถผลิตเพื่อจำหน่ายแบบใหม่ ที่ยักษ์รองเมืองปลาดิบตั้งเป้าหมายว่า ปี 2026 นี้จะนำออกสู่ตลาดในญี่ปุ่น เป็น COMPACT EV หรือรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ขนาดเล็ก ในตัวถังทรง 2 กล่อง 4 ที่นั่ง ที่ผู้ผลิตบอกว่า ออกแบบโดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อเปลี่ยนการเดินทางในชีวิตประจำวัน ให้เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น และยกระดับประสบการณ์ของการเดินทาง โดยเพิ่มเติมคุณลักษณะนานาประการภายในตัวรถ ที่จะสร้างความเพลิดเพลินเจริญใจให้แก่ผู้ขับ และผู้โดยสาร ตัวอย่างเช่น การขับขี่ด้วย BOOST MODE (บูสต์ โหมด) ซึ่งนอกเหนือจากการเพิ่มกำลังของระบบขับ ยังก่อให้เกิดเสียงอันทรงพลัง ราวกับกำลังขับรถที่ติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน และระบบเกียร์ 7 จังหวะ
NISSAN ELGRAND
มหกรรมยานยนต์โตเกียวครั้งก่อน เมื่อปี 2023 ค่าย NISSAN MOTOR COMPANY (นิสสัน มอเตอร์ คัมพานี) นำรถแนวคิดออกแสดงเป็นกองทัพ แต่ปีนี้รถในบูธของค่ายนี้มีแต่รถตลาด หรือรถผลิตเพื่อจำหน่าย มีทั้งรถที่เริ่มการจำหน่ายไปแล้ว และรถที่ยังไม่ถึงกำหนดออกโชว์รูม คันแรกที่เลือกมาให้ชมกัน คือ รถตู้อเนกประสงค์ NISSAN ELGRAND (นิสสัน เอลกแรนด์) รุ่นใหม่ (รุ่นที่ 4) ซึ่งต้องรอจนถึงฤดูร้อนของปี 2026 (ประมาณไตรมาส 3) จึงจะเริ่มการจำหน่ายในญี่ปุ่น ตัวถังทรงกล่องเดียวขนาดใหญ่ เป็นผลลัพธ์ของภาษาการออกแบบที่ค่ายนี้ตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า TIMELESS JAPANESE FUTURISM (ไทม์เลสส์ เจแปนนิส ฟิวเจอริซึม) ซึ่งน่าจะแปลเป็นภาษาไทยว่า อนาคตนิยมแบบญี่ปุ่นซึ่งอยู่เหนือกาลเวลา ในทางเทคนิค ความสำคัญของรถรุ่นใหม่นี้ คือ เป็นรถจำหน่ายทั่วโลกแบบแรกของ NISSAN ซึ่งติดตั้งระบบขับทุกล้อที่พัฒนาขึ้นใหม่ และมีชื่อว่า E-4ORCE (อี-ฟอร์ศ)
NISSAN PATROL
รถใหม่อีกแบบหนึ่งของยักษ์รองเมืองปลาดิบที่ปรากฏตัวในงานนี้ คือ NISSAN PATROL (นิสสัน แพทโรล) ซึ่งเป็น FULL-SIZE SUV (ฟูลล์-ไซซ์ เอสยูวี) หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งพันธุ์แท้ขนาดใหญ่ ที่ต้องรอจนถึงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2027 (ประมาณไตรมาส 2 ของปี 2026) จึงจะเริ่มการจำหน่ายในญี่ปุ่น การปรากฏตัวของรถรุ่นใหม่นี้นับเป็นการคืนสู่ตลาดของรถกิจกรรมกลางแจ้งพันธุ์แท้อีกครั้งหนึ่งของค่ายนี้ในเมืองปลาดิบ รถประเภทนี้แบบสุดท้าย คือ NISSAN SAFARI (นิสสัน ซาฟารี) ซึ่งเลิกผลิตเมื่อปี 2007 นอกจากนั้น NISSAN ยังยืนยันด้วยว่า การปรากฏตัวของรถซึ่งเป็น HEARTBEAT MODEL (ฮาร์ทบีท โมเดล) หรือรถที่ทำให้หัวใจเต้นแรงนี้ เป็นจุดไฮไลท์ที่แสดงให้เห็นว่า NISSAN คือ ผู้ผลิตรถยนต์ที่ทุ่มเทความพยายามในการนำเสนอยานพาหนะที่เพียบพร้อมทั้งความแข็งแรง ความทนทาน และเทคโนโลยีอันก้าวล้ำนำสมัย เพื่อรับมือกับทุกธรรมชาติที่แตกต่างกันไปของญี่ปุ่น
NISSAN ARIYA
ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกที่งานนี้เช่นกัน คือ รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์พลังไฟฟ้าขนาดเล็กกะทัดรัด NISSAN ARIYA (นิสสัน อารียา) รุ่นใหม่ ซึ่งไม่ใช่รถรุ่นใหม่แท้ แต่เป็นรถรุ่นแรกซึ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองปลาดิบเมื่อกลางปี 2020 และเพิ่งได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ “ยกหน้า” เป็นครั้งแรก ในส่วนของตัวถังภายนอก ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนมากอยู่ตรงส่วนหน้าของตัวรถที่ออกแบบใหม่หมด มีแผงกระจังหน้า และดวงโคมไฟหน้าที่ดูทันสมัยสมกับเป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ส่วนที่เห็นไม่ชัดแต่ส่งผลต่อคุณสมบัติของรถมากกว่า มีอยู่หลายจุด ตัวอย่างเช่น GOOGLE-POWERED INFOTAINMENT หรือระบบสื่อสารบันเทิงที่หนุนหลังโดยกูเกิล VEHICLE-TO-LOAD FUCTIONALITY หรือระบบการใช้พลังไฟฟ้าในตัวรถกับอุปกรณ์ไฟฟ้านอกตัวรถ เช่น คอมพิวเตอร์แลพทอพ และ SUSPENSION UPGRADE ซึ่งเป็นการยกระดับระบบรองรับ (กันสะเทือน) เพื่อเพิ่มสมรรถนะการทำงาน
MAZDA VISION X-COUPE
ในบูธของค่าย MAZDA MOTOR CORPORATON (มาซดา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน) มีจุดโฟคัสความสนใจอยู่ 2 จุด โดยจุดแรก คือ MAZDA VISION X-COUPE (มาซดา วิชัน ครอสส์-คูเป) ที่เห็นในภาพใหญ่ และภาพเล็กซ้ายมือ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋ง 4 ประตูคูเปขนาดใหญ่ แต่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อย และเป็นแม่แบบของรถผลิตเพื่อจำหน่ายที่ค่ายนี้ตั้งใจจะนำออกสู่ตลาดภายในเวลาไม่เกิน 3 ปี มีขนาดตัวถังยาว 5.050 ม. กว้าง 1.995 ม. สูง 1.480 ม. และมีช่วงฐานล้อยาว 3.080 ม. ติดตั้งระบบขับ PLUG-IN HYBRID (พลัก-อิน ไฮบริด) หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบโรตารี 2-โรเตอร์ ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า และแบทเตอรี 1 ชุด ได้กำลังรวมสูงสุด 375 กิโลวัตต์/510 แรงม้า การชาร์จไฟเต็มรวมทั้งเติมเบนซินเต็มถังแต่ละครั้งรถจะวิ่งได้ไกล 800 กม. และสามารถวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกลถึง 160 กม.
MAZDA VISION X-COMPACT
จุดโฟคัสความสนใจอีกจุดหนึ่งในบูธของค่าย MAZDA คือ MAZDA VISION X-COMPACT (มาซดา วิชัน ครอสส์-คอมแพคท์) ที่เห็นในภาพเล็กขวามือ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งแฮทช์แบคขนาดซูเพอร์มีนีที่คิดได้ราวกับเป็นมนุษย์ และเป็นแม่แบบของรถผลิตเพื่อจำหน่ายรุ่นใหม่ ที่ค่ายนี้จะนำออกสู่ตลาดแทนที่รถ MAZDA2 (มาซดา 2) รุ่นปัจจุบันซึ่งกำลังจะถูกปลดจากสายการผลิต มีขนาดตัวถังยาว 3.825 ม. กว้าง 1.795 ม. สูง 1.470 ม. และมีช่วงฐานล้อยาว 2.515 ม. หน้าตา และรูปทรงองค์เอวของตัวถังไม่มีจุดเด่นสะดุดตาอะไร เพราะจุดสำคัญของรถคันนี้ไม่ใช่สิ่งที่มองเห็นได้ แต่เป็นแนวคิดการออกแบบ ที่ต้องการสร้างรถอัจฉริยะสำหรับอนาคตอย่างแท้จริง นั่นคือ รถที่มีความผูกพันทางอารมณ์ และความรู้สึกกับผู้ขับ รถซึ่งเป็นเสมือนเพื่อนคู่กายของผู้ขับ รถที่สามารถอ่านใจของผู้ขับ และตอบสนองได้อย่างฉับไว (ทั้งหมดนี้ว่ากันตามข้อความประชาสัมพันธ์ของผู้ผลิต)
MITSUBISHI ELEVANCE CONCEPT
รถอีกคันหนึ่งที่ผู้คนสนใจกันมากในงานนี้ คือ MITSUBISHI ELEVANCE CONCEPT (มิตซูบิชิ เอเลวานศ์ คอนเซพท์) ที่เห็นในภาพใหญ่ และภาพเล็กซ้ายมือ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของ ELECTRIFIED CROSSOVER SUV (อีเลคทริไฟด์ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี) หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์พลังไฟฟ้า ขับเคลื่อนทุกล้อด้วยระบบ PLUG-IN HYBRID (พลัก-อิน ไฮบริด) หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ออกแบบ/พัฒนาโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนที่นั่งอยู่ในรถยนต์ สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งเมื่อวิ่งบนถนนเรียบ และการวิ่งในลักษณะ OFF-ROAD ที่ทุรกันดาร ห้องโดยสารขนาดใหญ่ติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว ออกแบบให้มีลักษณะเหมือนแคพซูล ผู้ขับ และผู้โดยสารมีความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในเลาจ์น์หรูๆไม่ใช่นั่งอยู่ในรถกระจอกงอกง่อย ประตูข้างเปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันกลาง การขึ้น-ลงรถจึงทำได้สะดวกมาก
MITSUBISHI DELICA MINI
เปิดตัวเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2025 แต่เพิ่งเริ่มการจำหน่ายในวันเปิดงานมหกรรมยานยนต์โตเกียวครั้งนี้ คือ MITSUBISHI DELICA MINI (มิตซูบิชิ เดลีคา มีนี) รถเก๋งแฮทช์แบคขนาดมีนีซึ่งเรียกกันในญี่ปุ่นว่า KEI-CAR (เคอิ-คาร์) เป็นรถรุ่นที่ 2 มีขนาดตัวถังยาว 3.395 ม. กว้าง 1.475 ม. และสูง 1.785-1.815 ม. มีช่วงฐานล้อยาว 2.495 ม. และมีน้ำหนักรถเปล่า 970-1,050 กก. มีทั้งรถขับล้อหน้า รถขับทุกล้อ และมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ เครื่องเบนซิน 3 สูบเรียง 12 วาล์ว 659 ซีซี 38 กิโลวัตต์/52 แรงม้า กับเครื่องเทอร์โบเบนซิน 3 สูบเรียง 12 วาล์ว 659 ซีซี 47 กิโลวัตต์/64 แรงม้า ทั้ง 2 ขนาดทำงานร่วมกันกับระบบ MILD HYBRID (ไมล์ด์ ไฮบริด) หรือไฮบริดแบบอ่อน ส่วนระบบเกียร์เลือกไม่ได้เพราะมีแบบเดียว คือ เกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง (เกียร์ CVT) ราคารวมภาษีผู้บริโภคร้อยละ 10 ของญี่ปุ่น เริ่มต้นที่ 1.965 ล้านเยน หรือประมาณ 0.40 ล้านบาทไทย
SUZUKI VISION E-SKY
จุดดึงดูดความสนใจในบูธของ SUZUKI MOTOR CORPORATION (ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์พอเรชัน) ยักษ์เล็กผู้ผลิตทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ คือ SUZUKI VISION E-SKY (ซูซูกิ วิชัน อี-สกาย) รถแนวคิดซึ่งปรากฏตัวต่อสายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งแฮทช์แบคขนาดมีนี ที่เรียกกันในญี่ปุ่นว่า KEI-CAR (เคอิ-คาร์) หรือ K-CAR (เค-คาร์) และเป็นแม่แบบของรถผลิตเพื่อจำหน่ายพลังไฟฟ้า ที่ค่ายนี้กำหนดไว้แล้วว่า จะนำออกสู่ตลาดในปีงบประมาณ 2026 มีขนาดตัวถังยาว 3.395 ม. กว้าง 1.475 ม. และสูง 1.625 ม. ตรงตามข้อกำหนดของรถขนาดมีนีในเมืองปลาดิบ ออกแบบ/พัฒนาเพื่อสนองประสงค์ของผู้นิยมใช้รถขนาดมีนีในชีวิตประจำวัน ทั้งการเดินทางเพื่อไปทำงาน การเดินทางเพื่อซื้อหาข้าวของเครื่องใช้ และการเดินทางท่องเที่ยวระยะสั้นๆ ในช่วงวันหยุด ที่เหมาะสมกับยุคสมัยก็คือ เป็น BEV หรือรถพลังไฟฟ้าติดตั้งแบทเตอรี
SUZUKI VICTORIS
SUZUKI VICTORIS (ซูซูกิ วิคทอริส) รถญี่ปุ่นซึ่งไม่ได้ผลิตในญี่ปุ่น แต่ผลิตในอินเดีย เปิดตัวในเมืองภารตะเมื่อต้นเดือนกันยายน 2025 และเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดีเมื่อปรากฏตัวครั้งแรกในญี่ปุ่นที่งานนี้ เป็น SUBCOMPACT CROSSOVER SUV (ซับคอมแพคท์ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี) หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด ในตัวถังยาว 4.360 ม. กว้าง 1.795 ม. และสูง 1.655 ม. มีทั้งรถขับล้อหน้า รถขับทุกล้อ และมีขุมพลังขับเคลื่อนให้เลือกถึง 3 แบบ คือ ขับด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง 1,462 ซีซี ซึ่งทำงานร่วมกันกับระบบ MILD HYBRID (ไมล์ด์ ไฮบริด) หรือไฮบริดแบบอ่อน ขับด้วยพลังของระบบไฮบริดซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบเรียง 1,490 ซีซี ของ TOYOTA ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า และขับด้วยพลังของเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,462 ซีซี ซึ่งใช้เบนซิน หรือแกส CNG เป็นเชื้อเพลิง และติดตั้งถังแกสไว้ใต้ท้องรถ
SUBARU PERFORMANCE-E STI CONCEPT
SUBARU CORPORATION (ซูบารุ คอร์พอเรชัน) ผู้ผลิตรถยนต์ระดับยักษ์เล็กของญี่ปุ่นที่ใช้ “ดาวลูกไก่” เป็นเครื่องหมายการค้า นำ CONCEPT CAR (คอนเซพท์ คาร์) หรือรถแนวคิด และ PROTOTYPE (พโรโทไทพ์) หรือรถต้นแบบ ออกอวดตัวในงานนี้รวม 5 คัน เลือกคันที่น่าสนใจที่สุดมาบรรจุไว้ในรายงานนี้ คือ SUBARU PERFORMANCE-E STI CONCEPT (ซูบารุ เพอร์ฟอร์มานศ์-อี เอสทีไอ คอนเซพท์) ซึ่งเป็นรถอีกคันหนึ่งซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดที่บ่งบอกทิศทางของรถเก๋งซีดานสมรรถนะสูงที่ค่ายนี้จะนำออกสู่ตลาดในอนาคต ตัวถังมีส่วนท้ายที่ลาดเอียงอย่างที่เรียกกันว่า FASTBACK (ฟาสต์แบค) ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคใดๆ บอกเพียงแต่ว่าเป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ ออกแบบโดยได้รับอิทธิพลจากรถดังๆ ในอดีต มีห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบาย และวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ในลักษณะที่เป็นมิตรกับผู้ขับ
HYUNDAI NEXO
HYUNDAI NEXO (ฮันเด เนกโซ) เป็นหนึ่งในบรรดารถต่างชาติเพียงไม่กี่แบบซึ่งดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมากในงานนี้ เป็นรถรุ่นใหม่ (รุ่นที่ 2) เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัด และเป็น FCEV (FUEL CELL ELECTRIC VEHICLE) หรือรถพลังไฟฟ้าล้วนๆที่ได้พลังไฟจากเซลล์เชื้อเพลิงเพียงแบบเดียวที่ยักษ์ใหญ่เมืองโสมผลิตจำหน่ายในขณะนี้ มีขนาดตัวถังยาว 4.750 ม. กว้าง 1.865 ม. และสูง 1.640-1.675 ม. คือ โตกว่ารถรุ่นเดิมเล็กน้อยในทุกมิติ ติดตั้งระบบขับล้อหน้า ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับเซลล์เชื้อเพลิง และแบทเตอรี LITHIUM-ION POLYMER (ลิเธียม-ไอออน โพลีเมอร์) ขนาดความจุ 2.64 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถทำความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. และเติมแกสไฮโดรเจนเต็มถังแต่ละครั้งโดยใช้เวลา 5 นาที รถจะวิ่งได้ไกลกว่า 826 กม. และมีอัตราสิ้นเปลืองแกสไฮโดรเจนเฉลี่ย 104.7-107.6 กม./กก.
BYD RACCO
รถต่างชาติอีกแบบหนึ่งซึ่งเป็นที่สนใจอย่างมากในงานนี้ คือ BYD RACCO (บีวายดี แรคโค) ซึ่งปรากฏตัวให้ผู้ใช้รถสายเลือดซามูไรได้สัมผัสเป็นครั้งแรกที่งานนี้ เป็นรถขนาดมีนีอย่างที่เรียกกันในญี่ปุ่นว่า KEI-CAR (เคอิ-คาร์) หรือ K-CAR (เค-คาร์) ซึ่งในปี 2026 ผู้ผลิตรถพลังไฟฟ้าหมายเลขหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ผู้ใช้รถในประเทศไทยรู้จักกันดี คือ BYD (บีวายดี) จะเริ่มการผลิตในเมืองมังกรแล้วส่งไปจำหน่ายในเมืองปลาดิบ มีขนาดตัวถังยาว 3.395 ม. กว้าง 1.475 ม. และสูง 1.800 ม. ตามมาตรฐานของรถ KEI-CAR ติดตั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดไม่เกิน 47 กิโลวัตต์/64 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี LITHIUM IRON PHOSPHATE (ลิเธียม ไอรอน ฟอสเฟท) ขนาดความจุ 20 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกลประมาณ 180 กม. (น่าสงสัยว่าจะขายได้สักกี่คัน ? เพราะญี่ปุ่นมีรถประเภทนี้ที่ผลิตในญี่ปุ่นอยู่เยอะแยะ)
KAWASAKI TERYX 5 H2 DELUXE ES
รถยนต์ 4 ล้อติดป้ายชื่อ KAWASAKI TERYX 5 H2 DELUXE ES (คาวาซากิ เทริกซ์ 5 เอช 2 เดอลุกซ์ อีเอช) ผลงานใหม่ซึ่งเริ่มการจำหน่ายในฐานะรถรุ่นปี 2026 ผลงานของ KAWASAKI MOTORS (คาวาซากิ มอเตอร์ส) ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่รู้จักกันดีทั่วโลก เป็น ALL-TERRAIN VEHICLE (ออลล์-เทอร์เรน เวฮิเคิล) หรือรถวิ่งได้ในถิ่นทุรกันดารทุกลักษณะ ที่ออกแบบสำหรับการขับขี่ในทะเลทรายโดยเฉพาะ มีขนาดตัวถังยาว 4.049 ม. กว้าง 1.880 ม. และสูง 1.875 ม. โครงสร้างตัวถังทำจากท่อเหล็กกล้ากลวง รองรับด้วยโครงสร้างแบบบันไดลิง เป็นตัวถังไม่มีกระจกหน้า มีประตูข้าง 4 บาน มีกรอบหน้าต่างแต่ไม่มีบานกระจกหน้าต่าง ห้องโดยสารติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 2 แถว นั่งได้รวม 5 คน (หน้า 2-หลัง 3) เป็นรถขับเคลื่อน 2 ล้อ หรือ 4 ล้อ ซึ่งใช้เครื่องยนต์ซูเพอร์ชาร์จเบนซิน DOHC 4 สูบเรียง 16 วาล์ว 999 ซีซี 187 กิโลวัตต์/250 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT
YAMAHA TRICERA PROTO
ปิดรายงานมหกรรมยานยนต์โตเกียว ประจำปี 2025 ด้วย YAMAHA TRICERA PROTO (ยามาฮา ทไรเซรา พโรโท) ผลงานชิ้นโบว์แดงของ YAMAHA MOTOR (ยามาฮา มอเตอร์) ผู้ผลิตแต่รถจักรยานยนต์ และเรือยนต์ ไม่เคยผลิตรถยนต์ ซึ่งปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็นต้นแบบของ THREE-WHEEL OPEN-TOP ELECTRIC AUTOCYCLE (ธรี-วีล โอเพน-ทอพ อีเลคทริค ออโทไซเคิล) หรือรถจักรยานสามล้อไร้หลังคาพลังไฟฟ้า ที่ค่ายนี้ตั้งใจจะผลิตจำหน่าย แต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อใด ? รวมทั้งไม่ให้รายละเอียดทางเทคนิคใดๆ บอกเพียงแต่ว่า เป็นรถบังคับเลี้ยวทั้ง 3 ล้อ ที่ออกแบบ/พัฒนาโดยเน้นเป็นพิเศษในเรื่องการตอบสนองเมื่อเลี้ยวโค้ง มีสมรรถนะ และประสิทธิภาพการทำงานเหมือนคนกับรถเป็นหน่วยเดียวกัน ซึ่งผลลัพธ์ คือ การขับขี่อย่างมั่นใจ และเพลิดเพลินใจ รวมทั้งมีระบบควบคุมเสียง ที่ทำให้เสียงของมอเตอร์ไฟฟ้าสุดแสนจะเสนาะหูอีกต่างหาก



































