ต่อมาเราได้เปลี่ยนมาขับ BMW 118 I M SPORT แฮทช์แบคน้องเล็ก เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร 136 แรงม้า มีความคล่องแคล่วเหนือกว่ารุ่นพี่ตัวใหญ่กว่าทั้งหลาย เมื่อผสานกับบุคลิกเฉพาะของ บีเอมดับเบิลยู ทำให้แฮทช์แบครุ่นนี้ขับสนุกไม่แพ้ใคร นับเป็นอารมณ์การขับขี่ในแบบฉบับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังภายใต้ตัวถังแฮทช์แบคที่หาได้ยากในปัจจุบัน เนื่องจากส่วนใหญ่หลายเจ้าหันไปใช้การขับเคลื่อนล้อหน้าซะแล้ว
อันที่จริงยังเหลือ BMW 5250 D และ 525 D ซีดานรุ่นใหญ่ ขุมพลังดีเซลให้ลองอีก แต่ทีมงานของเราไม่ทันได้ทดลองขับ เนื่องจากต้องไปยังช่วงทดลองขับถัดไป กับการบ่งบอกทิศทางในอนาคตของยานยนต์จาก BMW นั่นคือ ขุมกำลังไฮบริดที่ล้ำหน้า พัฒนาต่อยอดจากรถสปอร์ทไฮบริด I8 และแฮทช์แบคพลังงานไฟฟ้า I3 นำมาสู่รถยนต์ 2 รุ่นด้วยกัน นั่นคือ BMW 333 E M SPORT ด้วยระบบไฮบริดที่ไม่ใช่แค่ความประหยัด แต่มาพร้อมกับอัตราเร่งที่ดุดันราวกับเครื่องยนต์บลอคใหญ่ กำลังสูงสุดทั้งระบบ 252 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.1 วินาที และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 40.8 กม./ลิตร เท่านั้น