รายงาน(formula)
1 ปี กับบทเรียนราคาแพง ของ โฟล์คสวาเกน
ถ้าพูดถึงเรื่อง "ชอค" วงการยานยนต์ที่อื้อฉาวไปทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว คงไม่มีข่าวใดดังไปกว่า โฟล์คสวาเกน ค่ายรถยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของโลกจากเยอรมนี ออกมายอมรับว่าใช้ซอฟท์แวร์เพื่อโกงค่าไอเสียเครื่องยนต์ดีเซล 1 ปีผ่านไป โฟล์คสวาเกน ต้องเจอกับอะไรบ้าง และในประเทศไทยมีผลกระทบหรือไม่อย่างไร "ฟอร์มูลา" รายงาน
ความลับ ไม่มีในโลก
18 กันยายน 2558 หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา หรือ "อีพีเอ" บังเอิญไปตรวจพบว่า โฟล์คสวาเกน ค่ายรถยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของโลก ได้แอบติดตั้งซอฟท์แวร์พิเศษ ในระบบควบคุมไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร ให้ปล่อยค่าไอเสียต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อตบตาการตรวจสอบจาก อีพีเอ และมีหลักฐานยืนยันอีกว่า ยังมีรถอีกราว 482,000 คัน ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลนี้ ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาโดยกลุ่ม โฟล์คสวาเกน เกี่ยวข้องกับการโกงครั้งนี้ เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลกทันที หลังจากนั้น 4 วัน เมื่อ มาร์ทิน วินเทร์โคร์น (MARTIN WINTERKORN) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) โฟล์คสวาเกน ออกมายอมรับถึงการติดตั้งอุปกรณ์ และซอฟท์แวร์ที่สามารถโกงการทดสอบค่าไอเสียของรถเครื่องยนต์ดีเซลจริง พร้อมเผยว่า รถรุ่นนี้ยังถูกส่งไปจำหน่ายในประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 11 ล้านคันโกงด้วย "ซอฟท์แวร์"
ซอฟท์แวร์ คือ พโรแกรมที่สร้างขึ้น เพื่อสั่งการให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ โฟล์คสวาเกน ได้ติดตั้งซอฟท์แวร์ที่ออกแบบเป็นพิเศษ โดยซอฟแวร์จะสั่ง "ปิด" ระบบควบคุมมลพิษ ทำให้เครื่องยนต์ปล่อยมลพิษออกมาตามปกติ ระหว่างที่ขับขี่ในสภาพทั่วไป แต่มันจะสั่ง "เปิด" ระบบควบคุมมลพิษ ซึ่งทำให้รถปล่อยมลพิษน้อยผิดปกติ ทันทีที่ตรวจพบว่า รถยนต์คันดังกล่าวกำลังถูกตรวจสอบปริมาณไอเสีย ว่าในระหว่างที่ระบบควบคุมไอเสียถูกปิดนั้น รถ โฟล์คสวาเกน อาจปล่อยมลพิษ ซึ่งรวมถึงแกสพิษจำพวกไนโตรเจนออกไซด์ออกสู่อากาศ ในปริมาณที่มากกว่าค่าควบคุมถึง "40 เท่า"รุ่นที่มีปัญหา
รถยนต์ ที่ติดตั้งซอฟท์แวร์ดังกล่าว มีด้วยกัน 2 บแรนด์ คือ โฟล์คสวาเกน และ เอาดี ซึ่งทุกรุ่นเป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร ได้แก่ โฟล์คสวาเกน เจททา ที่ผลิตระหว่างปี 2009-2015 โฟล์คสวาเกน บีเทิล ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2013-2015 โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2010-2015 และ โฟล์คสวาเกน พาสสัท ที่ผลิตในปี 2012-2015 รวมถึงรถ เอาดี รุ่น เอ 3 ที่ผลิตในปี 2010-2013 และ 2015 โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2010-2015 โฟล์คสวาเกน เจททา ที่ผลิตระหว่างปี 2009-2015 และ โฟล์คสวาเกน พาสสัท ที่ผลิตในปี 2012-2015 เอาดี รุ่น เอ 3 ที่ผลิตในปี 2010-2013 และ 2015 โฟล์คสวาเกน บีเทิล ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2013-2015เมืองไทย ไม่กระทบ
เหตุการณ์นี้ ไม่มีผลกระทบกับรถ โฟล์คสวาเกน ในบ้านเรา เนื่องจากบริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่าย โฟล์คสวาเกน ในไทย ไม่ได้นำรถรุ่น โฟล์คสวาเกน เจททา มาจำหน่าย มีขายเฉพาะ โฟล์คสวาเกน บีเทิล เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 และ 1.6 ลิตร โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 และ 2.0 ลิตรเท่านั้น ส่วน โฟล์คสวาเกน พาสสัท ขายเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ไม่ใช่ 2.0 ลิตรอย่างที่เป็นข่าว ดังนั้นโฟล์คชาวไทยสบายใจได้ หรือหากไม่แน่ใจ สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่เวบไซท์ของ VOLKSWAGEN COURT SETTLEMENT เพียงใส่เลขตัวถังรถเราเข้าไปซีอีโอ ต้องลาออก !
เรื่องแบบนี้แน่นอนว่าย่อมมีผลกระทบตามมามากมาย ตั้งแต่ภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น รวมถึงบรรดานักการค้า การลงทุนต่างๆ เห็นได้จาก "หุ้น" ที่ดิ่งลงเหวอย่างต่อเนื่อง แถมยังถูกหน่วยงานด้านความปลอดภัย และหน่วยงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของนานาประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ และฝรั่งเศส จ้องเล่นงานอยู่ ถ้าหากตรวจสอบเจอในประเทศของเขา ยังไม่รวมถึงการฟ้องร้องเอาผิดจากบรรดาผู้บริโภครายย่อย ที่ตกเป็นเหยื่อกลโกงครั้งนี้อีกนับไม่ถ้วน ลำพังแค่การสอบสวนเอาผิดของทางการสหรัฐฯ เพียงประเทศเดียว ก็อาจทำให้ โฟล์คสวาเกน ต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงินมหาศาลกว่า 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว จน มาร์ทิน วินเทร์โคร์น ซีอีโอ ซึ่งนั่งเก้าอี้ซีอีโอมาตั้งแต่ปี 2007 ต้องตกเก้าอี้ก่อนหมดวาระในปี 2018 ฝและแต่งตั้ง มัทธีอัส มุลเลร์ ประธาน โพร์เช ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) คนใหม่ ในอีก 3 วันต่อมาศาลตัดสิน "โฟล์คสวาเกน" ต้องจ่าย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา โฟล์คสวาเกน ถูกตัดสินลงโทษให้จ่ายเงินกว่า 518,000 ล้านบาท แก่ลูกค้า และรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อชดเชยกรณีโกงไอเสีย จากการตรวจวัดมาตรฐานไอเสีย ของหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา สำหรับผู้ใช้รถที่มีผลกระทบ ทาง โฟล์คสวาเกน มีทางเลือกให้ 2 ทาง คือ ขายรถคืนให้ โฟล์คสวาเกน หรือนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎการปล่อยมลพิษ หากผู้ใช้ต้องการขายรถคืน โฟล์คสวาเกน ต้องรับซื้อคืนตามมูลค่าของรถ ณ เดือนกันยายน ปี 2015 (ก่อนโดนจับได้) โดยราคาจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับระยะทางที่รถวิ่ง และออพชันต่างๆ ของรถ ซึ่งการรับซื้อรถคืนจะเริ่มประมาณเดือนตุลาคม 2559 โดยคำสั่งรัฐแคลิฟอร์เนียบอกว่า โฟล์คสวาเกน ต้องเรียกรถเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ที่ได้รับผลกระทบคืนอย่างน้อย 85 % ของรถที่ขายออกไปทั้งหมด หากยังไม่มีการซ่อมให้แก่ลูกค้า และส่งคืนโดยที่ไม่มีการซ่อม จะต้องโดนปรับคันละ 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.75 ล้านบาท) สำหรับผู้ใช้ที่กู้เงินมาซื้อรถ โฟล์คสวาเกน ต้องชำระหนี้แทนผู้ใช้ ในวงเงินไม่เกิน 130 % ของมูลค่ารับซื้อรถคืนคันนั้น และหากผู้ใช้ต้องการใช้รถต่อ ก็ให้นำของตนมาเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์ฯ เพื่อแก้ไขให้การปล่อยมลพิษให้ถูกต้องตามกฎ และทาง โฟล์คสวาเกน เอง ต้องขยายระยะเวลารับประกันให้ยาวขึ้น นอกจากนี้ โฟล์คสวาเกน ยังต้องจ่ายเงินชดเชยให้เจ้าของรถแต่ละคันเป็นเงินประมาณ 1.8-3.52 แสนบาท โดยผู้ที่ได้รับสิทธิ์นี้ ต้องซื้อ และรับรถไม่เกินวันที่ 18 กันยายน 2015 รวมถึงต้องจ่ายเงินกว่า 603 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แก่ 44 มลรัฐในสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงทันดีซี และเปอร์โตริโก เพื่อยุติคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคในการโกงการปล่อยมลพิษอีกด้วย แถมยังต้องส่งรายงานประจำปี เกี่ยวกับการทดสอบรถยนต์จนถึงปี 2023 ไม่คาดคิดเลยว่า "ซอฟท์แวร์" ที่มนุษย์สร้างขึ้น จะสร้างความเสียหายให้กับ โฟล์คสวาเกน มากมายถึงเพียงนี้ ความจริงมีบริษัทค่ายพระอาทิตย์อีก 2 ค่าย กำลังเป็นประเด็นร้อนที่กำลังรอพิจารณาอยู่ ปัญหาเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันทางการตลาดที่ดุเดือดในยุคปัจจุบัน ผู้บริโภคอย่างเราควรศึกษา และตรวจเชคให้ถี่ถ้วนก่อนซื้อ จะดีที่สุดครับเรื่องโดย : กองบรรณาธิการบทความและสารคดี formula
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2559
คอลัมน์ Online : รายงาน(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/129151