เลกซัส เอนเอกซ์ 300 เอช

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในนามของ เลกซัส กรุพ ประเทศไทย แนะนำครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ขนาดคอมแพคท์ระดับหรู เลกซัส เอนเอกซ์ 300 เอช (LEXUS NX300H) เป็นรถไฮบริดลำดับที่ 4 ของ เลกซัส ต่อจาก เลกซัส จีเอกซ์, แอลเอกซ์ และอาร์เอกซ์ เลกซัส เอนเอกซ์ 300 เอช พัฒนาภายใต้แนวคิด PREMIUM URBAN SPORT GEAR เน้นการใช้งานในเมือง คงเอกลักษณ์ของ เลกซัส ยุคใหม่ ด้วยกระจังหน้าทรง SPINDLE GRILLE เสริมด้วยลวดลายแบบ 3 มิติ ชุดไฟแอลอีดีรอบคัน ไฟสูงแบบพโรเจคเตอร์ เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี ไฟต่ำแอลอีดีปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกหน้าแอลอีดี และไฟแอลอีดีส่องสว่างบริเวณด้านหลังและด้านข้าง รวมถึง เดย์ไทม์ รันนิง ทรงบูเมอแรง เอกลักษณ์เด่นของ เลกซัส ภายในเน้นความหรูหรา คำนึงถึงความสะดวกสบาย พื้นที่เก็บสัมภาระบริเวณท้ายรถ ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฟังค์ชันการตั้งค่าองศาการเปิดประตูได้มากถึง 5 ระดับ สวิทช์ควบคุมไฟส่องสว่างบริเวณคอนโซลเหนือศีรษะแบบสัมผัส ที่ชาร์จแบบไร้สายบริเวณกล่องคอนโซลกลาง รองรับระบบชาร์จไฟแบบ ระบบมัลทิมีเดีย โคออร์ดิเนชัน ฟังค์ชัน หน้าจอแสดงผล EMV ขนาด 7 นิ้ว บริเวณกึ่งกลางแผงควบคุม จอมัลทิมีเดียแบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว บริเวณมาตรวัด และระบบรีโมท ทัช อินเตอร์เฟศ ใหม่ เทคโนโลยี ทัชแพด ช่วยให้สั่งการระบบนำทาง หรือระบบเครื่องเสียงได้สะดวก เครื่องยนต์เบนซิน แอทคินสัน เซอร์เคิล (ATKINSON CYCLE) รหัส 2AR-FXE แบบ 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร VVT-I กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 5,700 รตน. แรงบิดสูงสุด 21.0 กก.-ม. ที่ช่วง 4,400-4,900 รตน. พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัส 105 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 143 แรงม้า กำลังรวมทั้งระบบ 197 แรงม้า เลือกโหมดในการขับได้ 3 รูปแบบ คือ ธรรมดา อีโค และสปอร์ท ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-I 6 จังหวะรุ่นใหม่ คำนวณแรงบิดให้เหมาะสมกับรูปแบบการขับขี่ และการเดินคันเร่ง พร้อมระบบ มัลทิ-โหมด และ G AI-SHIFT ระบบขับเคลื่อนมีทั้งแบบ 2 ล้อหน้า หรือ 4 ล้อ ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ทั้งนี้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ E-FOUR (ELECTRONIC FOUR-WHEEL DRIVE) ทำงานโดยอาศัยมอเตอร์ที่ติดตั้งบริเวณด้านหลัง แยกอิสระจากมอเตอร์ด้านหน้า เพื่อกระจายแรงขับเคลื่อนไปสู่ล้อหน้าและหลังอย่างเหมาะสม ช่วยให้มีสมรรถนะในการทรงตัวที่ดีเยี่ยม ติดตั้งระบบเสริมความปลอดภัยอีเลคทรอนิค ประกอบไปด้วย ระบบแสดงผลภาพมุมสูงบนหน้าจอ EMV ที่กลางแผงควบคุม, ระบบช่วยเตือนจุดบอดเพื่อช่วยตรวจจับรถยนต์คันอื่นๆ หรือสิ่งกีดขวางต่างๆ ในตำแหน่งที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้จากกระจกมองข้าง, ระบบตรวจจับรถที่วิ่งตัดมาทางด้านข้างขณะถอยรถ ทำงานโดยใช้ความสามารถของสัญญาณเรดาร์ ระบบไฟส่องสว่างมุมข้างที่จะช่วยให้เห็นทิศทางการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น และถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่ง