"ฟอร์มูลา" สนทนาธุรกิจกับ เศรษฐิพงศ์ อนุตรโสตถิ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ถึงกลยุทธ์ในการสร้างความแข็งแกร่งให้บแรนด์ และมัดใจลูกค้า ท่ามกลางการแข็งขันที่รุนแรงฟอร์มูลา : ตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมในปัจจุบันมีทิศทางอย่างไร ? เศรษฐิพงศ์ : มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีการแข่งขันสูง ซึ่งการแข่งขันจะมีหลายรูปแบบ คือ 1. เทคโนโลยี พลัก-อิน ไฮบริด ในรถระดับพรีเมียม โดยเฉพาะ 2 ค่ายหลัก จะหันมามุ่งเน้นในทุกเซกเมนท์ ทุกรุ่น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเรื่องระดับราคา ที่จะทำให้ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งสามารถเอื้อมถึง 2. ราคารถ พลัก-อิน ไฮบริด จะมีความได้เปรียบเรื่องของอัตราภาษีที่ต่ำลง แต่ราคาของรถยนต์ไม่ได้ลดลงตามมาด้วย แต่จะเป็นเรื่องของการเพิ่มออพชัน ฟอร์มูลา : บีเอมดับเบิลยู วางแผนงานและทิศทางการตลาดไว้อย่างไร ? เศรษฐิพงศ์ : เราได้ขยายการลงทุนผลิตรถยนต์ออกมาหลายรุ่น พร้อมกับมีการพลิกกลยุทธ์ด้านการขายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการขยายกลุ่มลูกค้าให้มีฐานที่กว้างขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีการยืดหยุ่นด้านการผลิต เรียนรู้ที่จะผลิตสินค้าตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งในปีนี้ สินค้าหลักของ บีเอมดับเบิลยู จะเน้นไปที่ ซีรีส์ 5 อีกส่วนหนึ่งที่ถือเป็นความพิเศษของปีนี้ บีเอมดับเบิลยู เปิดประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้า และเปิดตัว พโรแกรม THE ALTIMATE JOY EXPERIENCE ที่จะเป็นการสร้างบแรนด์อีกวีธีหนึ่ง ที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกภูมิใจ ที่ได้ใช้รถยนต์ บีเอมดับเบิลยู เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการมอบความสุขที่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่สุนทรียภาพในการขับขี่เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงไลฟ์สไตล์ด้านอื่นๆ ของลูกค้า บีเอมดับเบิลยูด้วยประสบการณ์ที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านการท่องเที่ยว กีฬา ชอพพิง ความบันเทิง สุขภาพ และ อาหาร กิจกรรมไฮไลท์ของพโรแกรมดังกล่าวนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง บีเอมดับเบิลยู ประเทศไทย ร่วมกับการบินไทย เพื่อนำพาเจ้าของรถยนต์ บีเอมดับเบิลยู บิน ไปสัมผัสประสบการณ์การขับขี่บนพื้นผิวหิมะและน้ำแข็งในกิจกรรม BMW ALPINE XDRIVE ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศนิวซีแลนด์ รวมถึงกิจกรรมในประเทศไทย ที่ บีเอมดับเบิลยู ร่วมกับยางรถยนต์ บริดจ์สโตน จัดหลักสูตรฝึกทักษะการขับขี่ปลอดภัย BMW DRIVING EXPERIENCE ที่สนามทดสอบ ไทยบริดจสโตน จังหวัดสระบุรี รวมถึงกิจกรรมที่จะสร้างสีสันแห่งความสุขให้แก่ลูกค้าของ บีเอมดับเบิลยู อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ด้านบริการหลังการขาย ยังมีพโรแกรม BMW SERVICE INCLUSIVE หรือ BSI ที่คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ ตลอดระยะทาง 100,000 กิโลเมตร ฟอร์มูลา : ปัจจุบัน พฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นอย่างไร ? เศรษฐิพงศ์ : ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงในทุกอุตสาหกรรม เพราะในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการสื่อสาร ทุกคนมีโทรศัพท์มือถือที่เป็นสมาร์ทโฟน การสื่อสารผ่านเข้ามาแล้วผ่านไปเร็วมากๆ และทุกคนพยายามที่จะเข้าไปแย่งพื้นที่ส่วนนั้น แต่ผมมองว่า เราควรทำในสิ่งที่คนต้องการจริงๆ คือ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า อันนี้คือประโยชน์ที่แท้จริง แต่ต้องยอมรับว่าต้องใช้เวลา ใจร้อนไม่ได้ ฟอร์มูลา : ปัจจุบัน บีเอมดับเบิลยู ประเทศไทย เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ? เศรษฐิพงศ์ : ถ้ามองย้อนไปในอดีตจนถึงปัจจุบัน ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ฐานลูกค้าขยายตัวเพิ่มขึ้น ยอดขายโตเพิ่มขึ้น องค์กรเติบโต เปรียบเทียบกับคนเหมือนเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น การทำงานมีระบบระเบียบ สิ่งที่ยังคงยึดเป็นสิ่งสำคัญมาโดยตลอดมี 2 จุด คือ ลูกค้า กับ บแรนด์ ทำอย่างไรให้ดีที่สุด ทำอย่างไรให้ลูกค้ารักบแรนด์ที่สุด ผมมองว่าการที่ลูกค้าผูกพันกับบแรนด์ มันมีค่ามากที่สุด ถ้าขายด้วยส่วนลด สักวันมันก็ต้องมีคนขายถูกกว่า แต่ขายด้วยความจริงใจ ลูกค้ารักบแรนด์ มีความภูมิใจที่จะใช้รถของคุณ ในระยะยาว จะเป็นผลดีมากกว่า ในอนาคตรถยนต์จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีไปสู่การเชื่อมต่อ คนจะมองหารถอัตโนมัติ เทคโนโลยีที่มีออพชันให้เลือกตามความต้องการ สำหรับ บีเอมดับเบิลยู จะเดินไปตามทิศทางความต้องการของตลาด ที่ในอนาคตจะเน้นที่รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เพราะช่วยเรื่องลดมลพิษ ประหยัดน้ำมัน แต่การพัฒนาจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะรถยนต์ไฟฟ้าต้องพัฒนาควบคู่ไปกับสถานีชาร์จไฟฟ้า และระบบขนส่งที่ภาครัฐจะต้องเป็นผู้วางระบบและสนับสนุนด้านการลงทุน