เมื่อถึงฤดูร้อน สมัยนี้ผู้คนมีที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ซึ่งต่างกับสมัยก่อนผู้มีอันจะกินก็มักจะนึกถึงเมืองตากอากาศ เช่น หัวหิน หรือพัทยา หรือไม่ก็ขึ้นเมืองเหนือ เช่น เชียงใหม่ บังเอิญข้าพเจ้าเกิดในสมัยกลางเก่ากลางใหม่ จึงขอบันทึกเรื่องที่คนไทยสมัยเก่ามาเล่าสู่กันฟังเผื่อผู้ที่เกิดมาสมัยหลัง จะได้ทราบว่าคนสมัยก่อนเขามีอะไรกันบ้าง เมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปแม้ไม่ใช่ผู้ดีเก่า หรือผู้มีอันจะกินสมัยใหม่ แต่ความที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือและชอบเพลง ทำให้ทราบว่าหนุ่ม/สาวสมัยหนึ่งมีเพลงแห่งความหลัง เช่น หัวหินแห่งความหลัง หรือที่รู้กันว่า หัวหินสิ้นมนต์รัก ซึ่งเป็นเพลงหนึ่งที่ชวนสะท้อนถอนใจไม่น้อย เมื่อผ่านไปหัวหินคราใด ก็อดที่จะมองไปที่ๆเคยเป็น "สวนเสมา" สวนแตงแคนทาลูพ อันเลื่องชื่อ ของ "ท่านชิ้น-หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์" ไม่ได้ เพราะเมื่อตอนเรียนจบหลักสูตรอักษรศาสตร์เป็น "อักษรศาสตร์บัณฑิต" ค่อนตัวแล้ว (คือสอบผ่านกันแล้ว มหาวิทยาลัยประกาศว่ามี "ศักดิ์และสิทธิ์" ที่จะขอรับใบปริญญาไปประกอบอาชีพได้แล้ว รอแต่รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น) พวกรุ่นเราที่เข้าเรียนในปีการศึกษา 2499) ก็ยกพรรคพวกทั้งรุ่นไปฉลองกันเองที่ "สวนเสมา" โดยเพื่อนรักของผู้เขียนที่ร่วมวงสักวานาม ผ่องพรรณ สิงหเสนี ขอประทานอนุญาตเจ้าของสวน พาเพื่อนไปกิน-นอนค้างคืนที่สวนเสมาอย่างเป็นสุข และทำอะไรบ้าๆ บอๆ สนุกสนานร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากอยู่-เรียน-เล่น-หัวเราะ-ร้องไห้ ด้วยกันมา 4 ปี ก่อนจะแยกย้ายกันไปประกอบอาชีพ หรือบางคนโชคดี มีทุนหรือมีปัญญาก็ได้ไปศึกษาต่อ เราจึงตรึงความหลังไว้ที่สวนเสมามิรู้ลืมเลือนได้ในชั่วชีวิต เมื่อได้ยิน เพลงหัวหินสิ้นมนต์รัก สำนวนชวนร้องไห้ฝีปาก คนเก่งคนดีที่ด่วนจากไปนาม ไสล ไกรเลิศ จึงติดตรึงใจอยู่มิรู้เลือนดังนี้ "หัวหิน เป็นถิ่นสัญญา จากไป กลับมาผิดหวัง (ฮัม...) ความหลังยังเวียนวน คลื่นสวาทมันแรง มันแกล้งมาดล ร้อนจนใจสั่น เคยชื่นชู้ สู่สวรรค์ รักกันมั่น ใจฉันยังปลื้ม มันซาบมันซึม มันปลื้มไม่นาน วิมานทลาย หัวหินเป็นถิ่นสัมพันธ์ ขาดเธอกลับพลันเงียบเหงา(ฮัม...) มองแสงดาวเรียงราย คลื่นยังคร่ำ ยังครวญ จันทร์แจ่มยังนวล เย้ายวนไม่วาย คอยชื่นชู้ อยู่แลหาย เห็นรอยทราย ใจฉันหวิวหวั่น เคยนั่งชมคลื่น เคยชื่นใจกัน ฉันยังไม่ลืม" ขอสารภาพว่าหนุ่มกำพร้ายากจนบ้านนอกวัย 24-25 ปี ที่ยังว้าเหว่ในหัวใจ ได้ฟังเสียงขยี้แพรในฟองเบียร์ของ (พี่) สุเทพ วงกำศ์แหง ร้องเพลงนี้ครั้งใดก็สุดแสนสะเทือนใจยิ่งเมื่อนั้น แล้วโชคชะตาก็บันดาลให้หลายปีต่อมา ข้าพเจ้ากับครอบครัวก็ตะเกียกตะกายไปได้ครอบครองคอนโดมิเนียมอยู่ 1 ยูนิท ซึ่งบังเอิญอยู่ใกล้ๆ ที่ๆ แม่ของลูกๆ เคยได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในพระบารมีของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี พระราชธิดาพระองค์เล็ก (ลำดับที่ 74) ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงชุบเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย และพระองค์โปรดให้เธอเรียกพระองค์ท่าน ท่านว่า "เด็จยาย" ตลอดมาด้วยความรัก ถึงกับให้เรียกนามวังที่ประทับว่า "บ้านอรฉัตร" อันเป็นที่รู้กันในหัวหินมานาน แม้เมื่อเสด็จมาประทับในกรุงเทพฯ ไม่ได้ประทับที่หัวหินแล้ว คนรู้จักที่รักกันยังขออนุญาตตั้งนามร้านอาหารว่า "บ้านอรฉัตร" อยู่ต่อมาอีกนาน (ขอแทรกตรงนี้เล็กน้อยว่า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี ทรงเป็นพระราชธิดาองค์ที่ 74 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านทรงสนิทเสน่หารักใคร่เคารพในพระเจ้าพี่ยาเธอ คือ พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ผู้ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช ทรงไว้วางพระราชหฤทัยให้ทรงควบคุมดูแลการสร้างทางรถไฟ ซึ่งเสด็จพระองค์นั้นได้โปรดให้สร้างโรงแรมรถไฟหัวหิน สร้างตลาดฉัตรไชย และทรงมีพระคุณูปการแก่ประเทศมากมาย ทั้งสองพระองค์ทรงสนิทสนมมากหลังจากที่ได้ลี้ภัยการเมืองสมัยปฏิวัติ 2475 ไปประทับที่บันดุง ประเทศอินโดนีเซียดัวยกันกับเจ้านายหลายพระองค์ เมื่อกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินสิ้นพระชนม์ พระองค์เจ้าเหมวดี ได้ทรงอุปการะหม่อมเจ้ากาญจนฉัตร พระธิดาของกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินต่อมา ตราบจนกระทั่งเมื่อหม่อมเจ้ากาญจนฉัตรทรงเสกสมรสกับหม่อมเจ้าประสมสวัสดิ์ ศุขสวัสดิ์แล้ว ได้ทรงขอสัญญาว่า ถ้าหม่อมเจ้ากาญจนฉัตรมีพระธิดา จะขอไปทรงเลี้ยงเอง นี่คือเหตุที่ มรว. อรฉัตร ศุขสวัสดิ์ จึงได้ไปอยู่ในอุปการะของพระองค์เจ้าเหมวดี ที่หัวหินตั้งแต่เล็กๆ ตราบจนเข้าโรงเรียนไกลกังวลที่หัวหิน มาเรียนต่อโรงเรียนราชินีเมื่อเข้าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-5 อยูในวังราชทัตกับพระองค์เจ้าเหมวดีจนกระทั่งแต่งงาน และอยู่ในพระอุปการะของเสด็จพระองค์เจ้าเหมวดี จนพระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อ พศ. 2515) เราเทียวไป/มาหัวหินอยู่หลายปี จนลูกๆ โตแล้ว เห็นว่าการมีคอนโดมิเนียมอยู่หัวหินเป็นภาระให้เราต้องหมั่นไปเที่ยว-หมั่นไปดูแล หมั่นไปนอนค้างและหมั่นไปตากอากาศที่หัวหิน พอดีเกิดวิกฤตสึนามิรุนแรง จนคอนโดมิเนียมต้องเสียเวลาและทรัพย์ปรับปรุง เราจำต้องขายคอนโดมิเนียมไปด้วยความเสียดาย ทุกครั้งที่มีโอกาสไปหัวหิน (ซึ่งนับวันจะน้อยลงทุกที) ข้าพเจ้าจึงมีแต่ความทรงจำเก่าๆ และความหลังให้พึงระลึกด้วยความสะท้อนถอนใจมิรู้วาย @