รายงาน(formula)
คสชร. คืนความสุขให้คนใช้รถใช้ถนน
วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้ามาบริหารประเทศ และลงมือแก้ปัญหาใหญ่ที่หมักหมมมานาน รวมถึงปัญหาของผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งเราขอเรียกว่าเป็นการ "คืนความสุขให้ผู้ใช้รถใช้ถนน" หรือ คสชร.
ลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล
ช่วยประหยัด ลดอัตราเงินเฟ้อ
คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้ลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหน้าสถานีบริการน้ำมันลง 14 สตางค์/ลิตร จากราคาเดิม 29.99 บาท/ลิตร เหลือ 29.85 บาท/ลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา (จากข้อมูลราคาน้ำมันวันที่ 27 มิถุนายน 2557)
กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่า การลดราคาน้ำมันดีเซลจะช่วยลดแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปีนี้ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.01 โดยคาดว่าทั้งปี 2557 อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในกรอบร้อยละ 2.00-2.80 พร้อมกันนี้ยังช่วยลดต้นทุนภาคการผลิต โดยเฉพาะภาคการขนส่งและภาคการเกษตร ซึ่งมีการใช้น้ำมันดีเซลในสัดส่วนค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ คสช. ยังมีแผนจะปฏิรูปโครงสร้างพลังงาน ให้สอดคล้องกับแผนปฏิรูปประเทศ โดยในการประชุมหารือเมื่อเดือนมิถุนายน 2557 เครือข่ายกลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงานไทย ได้เสนอแนวทางปฏิรูปพลังงานที่น่าสนใจดังนี้
1. ทบทวนระบบการให้สัมปทานปิโตรเลียม เปลี่ยนไปใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตในการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมใหม่ ซึ่งเป็นระบบสากล และทุกประเทศในภูมิภาคนี้ใช้ระบบดังกล่าว และไม่อ้างว่าไทยเป็นแหล่งผลิตขนาดเล็ก เพราะประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีแหล่งผลิตทั้งเล็กและใหญ่ก็ใช้ระบบนี้
2. การบริหารจัดการแกสปิโตรเลียมเหลว หรือ แอลพีจี ควรจะแก้ไขมติ ครม. ปี 2551 ที่กำหนดให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมี มีสิทธิ์ในการใช้แกสในอ่าวไทยร่วมกับประชาชน โดยให้ประชาชนมีสิทธิ์ก่อนลำดับแรก ส่วนที่เหลือหากต้องมีการนำเข้า ให้ภาคปิโตรเคมีนำเข้าแทน
3. เสนอให้ราคาน้ำมันอิงราคาหน้าโรงกลั่นของสิงคโปร์ ไม่ใช่อิงราคาหน้าโรงกลั่นบวกค่าพรีเมียมที่ได้จากการนำเข้า ซึ่งเป็นการบวกค่าขนส่งเข้าไป ทั้งที่ค่าขนส่งเหล่านั้นได้เกิดขึ้นจริงในราคาน้ำมันดิบ แต่ประเทศไทยมีโรงกลั่น จึงไม่ควรอิงราคาสิงคโปร์บวกค่าขนส่งเช่นในปัจจุบัน ที่มีการบวกส่วนนี้เข้าไปประมาณ 70 สตางค์/ลิตร
จัดระเบียบรถรับจ้างสาธารณะ
เพิ่มความสะดวก ปลอดภัย ให้ผู้ใช้บริการ
คสช. ลงมือจัดระเบียบจักรยานยนต์รับจ้าง ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2557 โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. จัดทำป้ายกำหนดอัตราค่าโดยสารให้ชัดเจน โดย 2 กม.แรก ห้ามเกิน 25 บาท กม. ต่อไปคิดเพิ่มไม่เกิน 5 บาท แต่ถ้าระยะทางมากกว่า 5 กม. ผู้รับจ้างต้องตกลงกับผู้ใช้บริการเอง หากฝ่าฝืนจะต้องถูกปรับ 5,000 บาท
2. จะมีการแก้ไขปัญหาภายใต้กรอบกฎหมายโดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ที่มีปัญหาและจะเปิดให้มีการลงทะเบียนวินเพิ่มเติม เพื่อลดปัญหาวินเถื่อน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 500 วิน
3. จะเร่งแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยวินที่วิ่งรับจ้างจะต้องจดทะเบียนให้ถูกต้องทั้งหมด ภายในเดือนสิงหาคม 2557
พื้นที่กรุงเทพมหานครขณะนี้มีวินจักรยานยนต์รับจ้างทั้งหมด 6,300 วิน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเดินหน้ากวดขันจับกุมวินที่ผิดกฎหมาย และมอบหมายให้ สน. ที่รับผิดชอบพื้นที่ จัดทำป้ายบอกราคา การจัดระเบียบการจอดรถ ไม่ให้กีดขวางทางเท้า และเร่งจัดการวินเถื่อน
ตามมาด้วยการจัดระเบียบรถตู้โดยสารรอบพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2557 โดยให้รถตู้ทุกคันที่จอดอยู่บริเวณดังกล่าวย้ายไปจอดใต้สถานีแอร์พอร์ทลิงค์ มักกะสัน ซึ่งเป็นพื้นที่ชั่วคราว เพื่อดำเนินการจัดระเบียบรถตู้จนกว่าจะแล้วเสร็จ
นอกจากนี้ มีการจัดชุดตรวจประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ พลเรือน กรมการขนส่ง ขสมก. เข้าตรวจสอบรถตู้ทุกคันว่าปฏิบัติตามที่ตกลงไว้หรือไม่ โดยการจัดระเบียบถูกแบ่งเป็น 6 ระยะ เริ่มจาก
1. ห้ามรถตู้จอดแช่ ยกเว้นการจอดรถรับส่งผู้โดยสารเท่านั้น และต้องจอดชิดขอบทาง รวมทั้งให้วินรถตู้ตั้งโต๊ะขายตั๋วได้เพียงโต๊ะเดียวต่อวิน พร้อมจัดระเบียบบนทางเท้าควบคู่ไปด้วยเพื่อความเป็นระเบียบอย่างแท้จริง
2. หาสถานีเพื่อมารองรับอย่างถาวร และต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาการจราจร
3. จัดระเบียบใน บขส.
4. จัดระเบียบกรมการขนส่งทางบก
5. ลดการจ่ายส่วยกับเจ้าหน้าที่ อาทิ ยกเลิกสินบนนำจับทุกประเภท แก้ไข พรบ. จราจร เรื่องความเร็ว และวิ่งเลน 2 ได้ ตำรวจจราจรจับเฉพาะเรื่องการจราจร กรมการขนส่งทางบกตรวจจับรถผิดประเภท พรบ. ขนส่ง และลดอัตราค่าปรับ
6. นำรถตู้ที่ตกสำรวจมาจดทะเบียนให้ถูกต้องใน 59 เส้นทาง
หลังจากจัดระเบียบรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัย ฯ เรียบร้อย จะนำแนวทางดังกล่าวไปใช้เป็นโมเดลจัดระเบียบรถตู้ทั่วประเทศ
ส่วนรถแทกซี มีการลงสำรวจพื้นที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และบริษัท ขนส่ง จำกัด (ขนส่งหมอชิต) และเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พศ. 2522 พร้อมเร่งปราบปรามผู้มีอิทธิพล หากพบการกระทำผิดจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด โดยจะดำเนินการทั้งหมด 3 ขั้นตอน เริ่มที่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ตามด้วยการจัดระเบียบ และการแก้ไขข้อกฎหมายให้สอดคล้องกับความเป็นจริง คาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยภายในเดือนสิงหาคม 2557
คสช. ช่วยด้วย !
นอกจากมาตรการที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเรื่องค้างคารอการจัดการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้อุตสาหกรรมยานยนต์เดินหน้าต่อไปอย่างกระฉับกระเฉง ดังนี้
ปิดฉาก "โครงการรถคันแรก" เสียที
ก่อนที่ คสช. จะเข้ามาไม่นาน กรมสรรพสามิต เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปิดโครงการรถยนต์คันแรกในปีงบประมาณ 2558 เนื่องจากมติ ครม. ก่อนหน้านี้เป็นแบบ "ปลายเปิด" ไม่ได้กำหนดวันสิ้นสุดโครงการ แต่หลังจากไม่มีรัฐบาลเรื่องก็เงียบไป
ข้อมูลถึงวันที่ 9 เมษายน 2557 มีการคืนเงินให้ผู้ร่วมโครงการไปแล้ว 9 แสนราย เป็นเงิน 6.7 หมื่นล้านบาท ยังต้องคืนอีก 2 แสนกว่าราย เป็นเงินราว 3 หมื่นล้านบาท โดยค่ายรถยนต์เปิดเผยว่ามีผู้ได้สิทธิคืนภาษีที่มีใบจอง แต่ยังไม่มารับรถอีกถึง 1 แสนราย คาดว่าในจำนวนนี้จะมารับรถเพียง 10 % หรือประมาณ 10,000 ราย เท่านั้น
ล่าสุด กรมสรรพสามิต ได้ขอกู้เงินคงคลัง จำนวน 8.6 พันล้านบาท เพื่อมาจ่ายให้ผู้ใช้สิทธิในโครงการรถคันแรก และใช้หนี้งบกลางที่กรม ฯ ยืมไปก่อนหน้านี้ พร้อมขอร้องให้ผู้ประกอบการเรียกลูกค้ามารับรถให้เสร็จเรียบร้อยในวันที่ 30 กันยายน 2557
อย่างไรก็ตาม ทั้งกรมสรรพสามิตและผู้ประกอบการไม่มีอำนาจสั่งปิดโครงการ หรือสั่งให้ผู้ที่ยังไม่รับรถสละสิทธิ์ได้ ซึ่งหมายความว่า โครงการนี้จะยืดเยื้อไปไม่มีที่สิ้นสุด ถ้า คสช. ไม่ตัดสินใจสั่งยุติโครงการเสียเอง
เดินหน้าโครงการอีโคคาร์ เฟส 2
วิชัย จิราธิยุต ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยในการสัมมนา ออโตโมทีฟ ซัมมิท 2014 เมื่อวันที่ 19-20 มิถุนายน 2557 ว่าสถาบัน ฯ ต้องการให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เร่งพิจารณาข้อเสนอของบริษัทรถยนต์ในโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 (อีโคคาร์ เฟส 2) โครงการนี้มีผลทำให้กำลังการผลิตรถยนต์จะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านคัน มูลค่าลงทุน 1.38 แสนล้านบาท ช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ให้หลุดพ้นภาวะชะลอตัว และผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำด้านยานยนต์ในอาเซียน
สำหรับความคืบหน้าการอนุมัติโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ขณะนี้คณะทำงานที่มีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานกำลังพิจารณาแผน เพื่อเสนอคณะอนุกรรมการฝ่ายนโยบายที่มี พลออ. ประจิน จั่นตอง เป็นประธาน ก่อนเสนอเข้าสู่บอร์ดบีโอไอ คาดว่าจะทราบผลภายใน 2-3 เดือนนี้ หากเป็นไปตามเป้าหมาย อีโคคาร์ เฟส 2 จะเริ่มผลิตเพื่อรองรับการประกาศใช้โครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ได้ในปี 2559
ABOUT THE AUTHOR
ก
กองบรรณาธิการบทความและสารคดี
ภาพโดย : อินเทอร์เนทนิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : รายงาน(formula)