เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
เทคโนโลยีกู้โลก
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก กำลังสร้างหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ ขณะที่ เอลอน มัสค์ ตั้งเป้าจะผลิตรถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง และตอนนี้ กูเกิลร่วมมือกับยูเอนเพื่อขจัดความยากจนให้หมดไปภายในปี 2030 ไอเดียของพวกเขาล้วนน่าชมเชย แต่เทคโนโลยีจะสามารถช่วยโลกได้จริงหรือ ?ในอดีตบรรดาผู้ลงทุนรายใหญ่ต่างพยายามหลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นผลจากการจัดการที่ผิดพลาด ในช่วงแรกๆ ทำให้พวกเขาหวาดกลัว และเปลี่ยนใจไปลงทุนในธุรกิจอื่นที่สามารถสร้างกำไรได้แน่นอนแทน แต่ในปี 2015 บางอย่างได้เปลี่ยนไป เพราะระดับของเทคโนโลยีที่พัฒนาจนล้ำสมัย (เทคโนโลยีแสงอาทิตย์กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมถึง 12 เท่าในเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้น) และการสนับสนุนเงินทุนจาก บิลล์ เกทส์ ส่งผลให้เทคโนโลยีแสงอาทิตย์ มีความน่าสนใจมากขึ้น พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นอีกด้านหนึ่งของตลาดเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตในตอนนี้ เป็นตลาดที่กำลังเคลื่อนตัวออกห่างจากนวัตกรรมพื้นฐานของผู้บริโภค เพื่อสร้างสาธารณประโยชน์ ลองคิดดูว่า เงินที่คุณได้มาจากธุรกิจต่างๆ จะมีประโยชน์อะไร หากไม่มีโลกใบนี้ให้ใช้เงิน หลายต่อหลายปี ที่เราใช้ทรัพยากรในทางที่ผิด และเพิกเฉยต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น ดังนั้น มันจึงถึงเวลาแล้ว ที่กลุ่มผู้ลงทุนจะต้องคิดหาวิธีซ่อมแซมโลกใบนี้ “ระยะหลังๆ เราได้เห็นวิทยาศาสตร์ที่เปลี่ยนไป และได้เห็นเทคโนโลยีที่จริงจังมากขึ้น เราผ่านช่วงเวลาของการเป็นผู้บริโภคทางอินเตอร์เนท และเห็นได้ว่ามีการลงทุนในด้านความคิดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์มากกว่าการลงทุนส่วนบุคคล” ประโยคนี้ กล่าวโดย พอล ดาวลิง (PAUL DOWLING) ซีอีโอแห่ง DREAM STAKE บริษัทที่จัดตั้งผ่านเวบไซท์ โดยมีเป้าหมายในการเร่งอัตราการเติบโตของธุรกิจเทคโนโลยี ทั่วโลก เราได้พูดคุยกับ ดาวลิง เล็กน้อยหลังจากเขาจัดงานประชุมกับกูเกิล เรื่องเทคโนโลยีต่อต้านความยากจน เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งของยูเอน คือ การขจัดความยากจนให้หมดไปภายในปี 2030 นั่นเอง “ยุคของ ซัคเคอร์เบิร์ก นับเป็นจุดสูงสุดของการบริโภคผ่านอินเตอร์เนท” ดาวลิง อธิบายต่อ หลังจากเราถามว่าเหตุใดตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องเริ่มใช้เทคโนโลยีเพื่อลดละความเห็นแก่ตัว “ปัจจุบันเราเห็นว่ามีคนอย่าง เอลอน มัสค์ ที่พยายามปรับปรุงแบทเตอรีเพื่อทุกคน รวมถึงค้นหาความปลอดภัยผ่านรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง และอื่นๆ อีกมากมาย ขณะที่ระบบการศึกษาของประเทศที่พัฒนาแล้วกำลังสร้างความเคลื่อนไหวในด้านวิทยาศาสตร์เช่นเดียวกัน แถมค่าใช้จ่ายในการสร้างสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ลดลงอย่างน่าตกใจ ค่าใช้จ่ายในการจัดหาลำดับจีโนมก็ลดลงครึ่งหนึ่ง เราจึงสามารถบรรลุเป้าหมายในการผลิตนวัตกรรมที่น่ามหัศจรรย์ และสามารถเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น” ดังนั้น จึงพูดได้ว่า ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการเผยแพร่เทคโลยีด้านบวกไปสู่ระดับโลก เพราะทุกคนสามารถสวมบทบาทสำคัญได้ และนั่นคือ สิ่งที่ ดาวลิง ทำ เขาเห็นตัวเองในบทบาทซีอีโอใจบุญที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างสรรค์เทคโนโลยี บรรลุเป้าหมาย โครงการรถขับเคลื่อนด้วยตนเองของกูเกิล มีเป้าหมายที่จะขนส่งผู้คนโดยไม่ต้องกดปุ่มเลยแม้แต่ปุ่มเดียว สมาร์ทโฟน เป็นหนึ่งในกุญแจแห่งเทคโนโลยีที่สามารถปฏิวัติแนวทางการช่วยเหลือโลกได้
8 เทคโนโลยี ที่สามารถช่วยโลกได้
สภาพอากาศของโลกกำลังเปลี่ยนไปอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่เรายังโชคดีที่มีเทคโนโลยีอีกมากมายที่เป็นประโยชน์ในการช่วยลดความเสียหาย และนี่เป็นตัวอย่างบางส่วนของสิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยีกู้โลก กระจกโซลาร์ แหล่งพลังงานที่ไม่มีวันหมด และเป็นความหวังของมนุษย์ กำลังพัฒนาไปอีกขั้น กระจกโซลาร์ มีราคาถูก เบา และยืดหยุ่น เราสามารถนำโซลาร์เซลล์ มาใช้ได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่เคลือบผิวไปจนถึงมุงหลังคา แถมมันยังสามารถเปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นแหล่งพลังงานได้อีกด้วย LEDS นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว มาจนถึงวันนี้ LEDS ได้ลดการใช้พลังงานลงไปแล้วถึง 80 % โดย ฟิลลิปส์ ผู้มีความกระตือรือร้นในเรื่องเทคโนโลยี กล่าวว่า มันจะสามารถลดการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 515 ล้านตันในปี 2020 การดักจับคาร์บอน แนวคิด คือ การดักจับคาร์บอนส่วนเกิน ที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง และใช้มันอย่างมีประสิทธิภาพ นักวิทยาศาสตร์ชาวเดนมาร์คได้คิดค้นวิธีการเปลี่ยนคาร์บอนให้กลายเป็นอาหารปลา ขณะที่วิศวกรชาวเยอรมันกำลังค้นคว้าวิธีการเปลี่ยนมันให้กลับมาเป็นเชื้อเพลิง สายไฟฟ้าแรงสูง พลังงานสายไฟฟ้าในขณะนี้ ต้องการแหล่งผลิตไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ พื้นที่ที่ไฟฟ้าจะส่งไป แต่สายไฟฟ้าแรงสูงกระแสตรง (ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นในปัจจุบัน) มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถส่งกำลังไฟไปในระยะทางไกลๆ ได้ หลอดไฟพลังงานแสงอาทิตย์ บริษัท SOLAR AID ขายโคมไฟโซลาร์ไปแล้ว 1.5 ล้านอันในแอฟริกา มันเป็นคาร์บอน นิวทรัล และใช้พลังงานโซลาร์เซลล์ แทนที่การใช้โคมไฟพลังงานน้ำมันก๊าด ในบริเวณที่ใช้โคมไฟโซลาร์ พบว่าปริมาณมลพิษลดลงอย่างมาก พลังงานนิวเคลียร์ที่ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม พลังงานนิวเคลียร์รุ่นใหม่ เช่น ธอเรียม (ซึ่งเกิดจากการแตกตัวของนิวเคลียสของอะตอม 2 แบบที่ใกล้เคียงกัน) สามารถลดมลทินของการผลิตพลังงานนิวเคลียร์ออกไปได้ ซึ่งบริษัท GENERAL ELECTRIC, บิลล์ เกทส์ และคนอื่นๆ ให้การสนับสนุนเทคโนโลยีดังกล่าว และคาดว่าจะผลิตมากขึ้นในไม่กี่ปีข้างหน้า กราฟีน นักค้นคว้าและนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า กราฟีน เป็นเทคโนโลยีสีเขียว ทำให้ยานพาหนะเบาขึ้น โซลาร์เซลล์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังทำให้ตัวนำไฟฟ้าสามารถนำไฟฟ้าได้ดีขึ้น GEO-ENGINEERING ถ้าเราต้องเริ่มใช้เทคโนโลยีนี้ อาจแปลว่าอะไรๆ มันสายไปเสียแล้ว เพราะมันเปรียบเสมือนความหวังสุดท้ายที่จะช่วยมนุษย์ไว้ได้ ทฤษฎีนี้กล่าวว่า เราสามารถทำให้น้ำทะเลเกิดการอิ่มตัวเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของสาหร่าย หรือใช้กระจกบานใหญ่เพื่อลดอุณหภูมิของโลก“ปัจจุบันมนุษย์มีเครื่องมือมากมายเพื่อสร้างสรรค์ธุรกิจ STARTUP และก้าวไปข้างหน้าเพื่อสิ่งที่ดีกว่า”
การจัดหาเงินทุนจำต้องมีรากฐานการตลาดที่มั่นคง เขาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ซึ่งบริษัท AMAZON FOR IRAN สามารถให้บริการและผลิตภัณฑ์ต่างๆ แก่ประชาชนที่เคยปฏิเสธพวกเขามาก่อนได้อย่างไม่มีสาเหตุ แถมยังดึงดูดสมาชิกถึง 350 คนได้ภายในเวลาไม่ถึง 3 เดือน “อุปสรรคในการเข้าถึงสำหรับเทคโนโลยี STARTUP ลดน้อยลงอย่างมากภายในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา” ดาวลิง อธิบาย “เมื่อ THE LEAN STARTUP หนังสือของ เอริค ไรส์ เปิดตัว ทำให้ STARTUP กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ และทำให้ผู้คนเข้าใจมันมากขึ้น เพราะเทคโนโลยีมีต้นทุนต่ำลง คนจึงสามารถเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ด้วยราคาราวๆ 10,000 ปอนด์ หรือประมาณ 440,000 บาท หรือจะประยุกต์ใช้เองก็ยังได้ อย่างชายคนหนึ่งจากไนโรบิ ที่หลังจากอ่านหนังสือเล่มนั้น แล้วเริ่มต้นทำบางอย่าง" ดาวลิง กล่าวถึงสิ่งที่เขาได้พบเห็นในไนโรบิว่า หมอคนหนึ่งติดตั้งห้องผ่าตัดขนาดเล็กในที่ทำการไปรษณีย์ท้องถิ่น โดยใช้เทคโนโลยีที่หาได้ เพื่อเฝ้าสังเกตอาการของคนไข้โรคหัวใจ ทำให้ในปัจจุบัน คนไข้สามารถเข้าถึงความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว แต่เทคโนโลยีใหม่นี้ ไม่ได้หยุดอยู่แค่การดูแลสุขภาพ เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของนวัตกรรม ที่จะพัฒนาให้ความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันดีขึ้น “สิ่งหนึ่งที่เราปรึกษากันในการประชุมเรื่องเทคโนโลยีต่อต้านความยากจน คือ การแบ่งสันปันส่วนพลังงาน และสร้างแรงกระตุ้นเพื่อให้มนุษย์ต้องการติดตามและกักเก็บพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถใช้ไอเดียทางเทคโนโลยีที่ชื่อว่า BLOCK CHAIN เป็นเครือข่ายแจกจ่ายพลังงานทั่วโลก ในที่ที่คุณสามารถสร้างพลังงานเล็กๆ จากแผงโซลาร์เซลล์ จากกังหันลม และมีอำนาจในแหล่งพลังงานนั้น ซึ่งเป็นไอเดียที่สามารถปฏิวัติโลกนี้ได้เลยทีเดียว” ดาวลิง พูดถูก การเปลี่ยนกระบวนทัศน์สามารถเปลี่ยนความสมดุลของพลังงานให้ไกลจากการค้ากำไรเกินควรของกลุ่มบริษัท และทำให้เราเข้าถึงแหล่งพลังงานมากขึ้น เสมือนการกระจายอำนาจจากจุดศูนย์กลาง เราได้เห็นแล้วว่าราคาและความต้องการน้ำมันเป็นเช่นไร และงานที่ ฟาราเดย์ ฟิวเจอร์ และเอลอน มัสค์ ทำนั้นจะแค่ตัดราคาให้ต่ำลงในอนาคตเท่านั้น ชุมชนในแอฟริกาสามารถรวบรวมทุนตามความสามารถเพื่อสร้างพลังงานแสงอาทิตย์ ในขณะที่ชาวบริทิชสามารถสร้างพลังงานจากลม กลุ่มประเทศริมทะเลบอลทิคสร้างพลังงานจากน้ำขึ้นน้ำลง เราสามารถมองเห็นแหล่งพลังงานที่สะอาดและน่าเชื่อถือได้ทั่วโลก มันอาจจะฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่นี่คือเรื่องจริงที่สามารถเข้าถึงได้ ตามความคิดของ ดาวลิง “สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลา เรากำลังพูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า ปัจจัยหลักๆ มีแล้ว แถมยังฝังลึกอยู่ในค่านิยมแบบใหม่ BLOCK CHAIN นั้นดีมากในการระบุว่าใครสามารถให้พลังงานได้ ทุกองค์ประกอบอยู่ในที่ที่ถูกที่ควรหรือยัง ผมคิดว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าไอเดียนั้นจะเริ่มใช้ได้” แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น เทคโนโลยีที่มีจะสามารถช่วยเรา หรืออย่างน้อยสามารถทำอะไรบางอย่างในการพัฒนาชุมชนได้อย่างไร อีกหนึ่งโครงการจาก กูเกิล คือ WING ดโรนซึ่งไร้ผู้ปฏิบัติการณ์ สามารถควบคุมน่านฟ้าที่ความสูงต่ำกว่า 500 ฟุต เพื่อให้มั่นใจว่าดโรนตัวอื่นๆ สามารถนำสิ่งของเครื่องใช้ ยา หรืออาหารให้แก่ชุมชนที่ต้องการมันได้ ในการประชุมเรื่องเทคโนโลยีต่อต้านความยากจน ดาวลิง และ THINKTANK มีคำแนะนำเล็กน้อย “หลายๆ ไอเดียที่เรากำลังมองหานั้นต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟน จริงๆ แล้วถ้าไม่มีมัน เราอาจไม่สามารถทำสิ่งที่เราทำอยู่ได้ เพราะฮาร์ดแวร์และอะไรก็ตามที่คุณติดเข้ากับมัน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต ซึ่งสามารถช่วยลดความยากจนได้ทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น คุณไม่สามารถใช้สมาร์ทโฟนเพื่อทดสอบคุณภาพของน้ำได้ แต่สามารถติดตั้งเซนเซอร์ที่ทำหน้าที่นั้นได้ หรือติดเครื่องมือทางการแพทย์เข้ากับโทรศัพท์ ที่ทำให้มันสามารถอ่านข้อมูลของร่างกายได้โดยตรง เพื่อเฝ้าสังเกตสภาวะด้านสุขภาพ” คุณสามารถพัฒนาแอพพลิเคชันเกี่ยวกับอะไรก็ได้ และออกแบบฮาร์ดแวร์เพื่อทำงานร่วมกันโดยเฉพาะ ข้างนอกนั้นมีโทรศัพท์แบบสายพ่วงที่สามารถเฝ้าสังเกตคุณภาพของอากาศ เหมาะสำหรับสถานที่กว้างใหญ่ เช่น พื้นที่เกษตรด้อยพัฒนาของประเทศจีน แถมยังมีการเปลี่ยนโทรศัพท์ให้เป็น GEIGER COUNTER เพื่อประมาณค่ารังสีพื้นฐาน (ฟุกุชิมะ และเชอร์โนบิล การศึกษาที่เกี่ยวข้องกันสามารถได้ประโยชน์จากเรื่องนี้) รวมถึงแอพพลิเคชันของเทคโนโลยีนอกจากนี้อีกมากมาย และคุณยังสามารถใช้สมาร์ทโฟน ควบคุมดโรนที่ไปนำส่งผลิตภัณฑ์ยาในตำแหน่งไกลๆ เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์เปิดทางให้เรา เข้าไปช่วยเหลือหลายพื้นที่บนโลกนี้ และเรายังจะได้เห็นว่าหลายๆ องค์กร เริ่มใช้ดโรนเพื่อผลประโยชน์ของมนุษยชาติ มันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างเหลือเชื่อ พื้นที่การเกษตรอันเป็นพื้นที่ด้อยโอกาสในประเทศที่กำลังพัฒนาเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่เทคโนโลยีนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่า การลงทุนเพียงเล็กน้อยจะสามารถสร้างประโยชน์มหาศาลแก่พวกเกษตรกรได้แน่ ดโรนจะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้ โดยใช้ต้นทุนเพียงปานกลาง” เราได้เห็นกันแล้วว่า ปัจจุบันมีการใช้ดโรนเพื่อส่งอาหารให้สัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ และอนุรักษ์ให้มีการเป็นอยู่ตามธรรมชาติของมัน และที่ออสเตรเลีย ปีที่แล้วมีการใช้งานกองทัพดโรนรับมือกับไฟป่าในพื้นที่ชนบท ดาวลิง ได้กล่าวถึงกฎของมัวร์ โดยมีทฤษฎีคร่าวๆ คือ ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของคอมพิวเตอร์จะเพิ่มเป็น 2 เท่า และแพงขึ้นครึ่งหนึ่งในทุกๆ 2 ปี ด้วยทฤษฎีเดียวกัน ดาวลิง แนะนำฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ที่ควรใช้ต่อไปในยุคใหม่ อุปกรณ์เทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการช่วยโลก เช่น ดโรน สมาร์ทโฟนชิพเซทส์ จะสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นและมากขึ้นในอนาคตอันใกล้"คุณไม่สามารถใช้สมาร์ทโฟนเพื่อทดสอบคุณภาพของน้ำได้ แต่สามารถติดตั้งเซนเซอร์ที่ทำหน้าที่นั้นได้"
แต่เทคโนโลยี กำลังทำร้ายโลกอยู่หรือไม่ ?
ทะเลสาบฮอยดัส, แคนาดา ทะเลสาบทางเหนือของแคนาดามีเป้าหมายที่จะทำเหมืองแร่หายากได้ให้ 10 % ของ 1 พันล้าน ซึ่งเป็นปริมาณการบริโภคธาตุหายากที่อเมริกาเหนือต้องการ ทะเลสาบฮอยดัสอยู่ในที่ห่างไกล จึงมีผลกระทบทางวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม จากการทำเหมืองน้อยมาก คเวนฟ์เจลด์, กรีนแลนด์ บริษัทสัญชาติจีนสนับสนุนการทำเหมืองทางใต้ของกรีนแลนด์ แต่การทำเหมืองแร่ในบริเวณนั้นมีออกไซด์ ธาตุหายาก เพียง 1 % เท่านั้น จึงเกิดความตึงเครียดเมื่อยูเอนแนะนำกรีนแลนด์ว่าอย่าให้จีนเข้ามาครอบครองการทำเหมือง แต่กรีนแลนด์กลับเพิกเฉย เกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือมีปริมาณแร่ธาตุหายากเป็นอันดับ 2 ของโลก ประมาณ 20 ล้านตัน โดยได้ทำการค้ากับประเทศจีนตั้งแต่ปี 2014 สร้างความท้อใจให้ยูเอนอย่างมาก ซิลลาไม, เอสโตเนีย มีการทำเหมืองแร่ธาตุหายากจากซากปรังที่เหลือมาจากการทำเหมืองแร่ยูเรเนียมเมื่อ 50 ปีก่อนในเอสโตเนีย จึงทำให้เอสโตเนียส่งออกได้เพียง 2 % ของการผลิตธาตุหายากในโลก แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา ประเทศจีน มีปริมาณการทำเหมืองแร่ธาตุหายากมากในระดับโลก แต่สหรัฐอเมริกากลับต้องการสะสมไว้เป็นคลังทรัพยากรของตัวเอง จึงได้เริ่มการทำเหมืองหุบเขาในปี 2012 ซึ่งให้ผลผลิตแร่ธาตุหายากถึง 4 ชนิดหลัก เมนแลนด์, จีน ประเทศจีนเป็นผู้จำหน่ายแร่ธาตุหายากระดับโลก มีการส่งออกในปริมาณมากกว่า 30,000 ตัน ในช่วงที่มีการทำเหมืองที่มากที่สุดในปี 2011 จึงถูกจำกัดโควทาไม่ให้ขุดเหมืองมากเกินไป แร่ธาตุหายาก เป็นธาตุเคมีที่พบได้ในเปลือกโลก มีความจำเป็นต่อหลายเทคโนโลยีใหม่ๆ ในปัจจุบัน เช่น ในอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ คอมพิวเตอร์ เเละระบบป้องกันประเทศ ซึ่งต้องรีบทำให้มีขนาดเล็กลง เพื่อให้มีประสิทธิภาพ และสมรรถนะที่เหมาะสมกับเทคโนโลยีของเรา แต่พวกมันมาจากไหน และจะมีให้ใช้ตลอดไปหรือไม่ ? มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก, เอลอน มัสค์ และบิลล์ เกทส์ ถูกขับเคลื่อนด้วยบางอย่างที่แตกต่างออกไป พวกเขามีไอเดียจากมุมมองที่ถูกต้อง พยายามที่จะแก้ปัญหาจากต้นเหตุ และพวกเขาก็สามารถทำเงินได้ เพราะพวกเขาแก้ปัญหาที่จำเป็นต้องแก้จริงๆ กลุ่มผู้ลงทุนจะต้องรู้ว่าพวกเขากำลังแก้ปัญหาจริงๆ หรือเปล่า หากไม่ พวกเขาจะไม่ลงทุน “วัฒนธรรมของ STARTUP คือ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ว่าเราจะช่วยให้ประเทศโลกที่ 3 มีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นได้อย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นในซิลิคอนวัลเลย์นั้นสุดยอดมาก แต่ทุกๆ ทรัพยากรทางเทคโนโลยีนั้นมุ่งไปที่จุดเดียวกัน ซึ่งเกิดผลดีต่อทุกคนที่อยู่ในซิลิคอนวัลเลย์ แต่ไม่ดีเท่าไรสำหรับคนที่อยู่ในจุดอื่นๆ ของโลก สิ่งที่เราได้เห็น คือ อินเตอร์เนทนั้นแผ่ขยายให้ผู้คนสามารถมีส่วนร่วมกับบุคคลอื่นบนที่ต่างๆ ในโลกได้ ชายคนหนึ่งในกาฐมาณฑุ สามารถสนับสนุน TECH STARTUP และเชื่อมต่อกับผู้คนข้ามทวีปได้โดยไม่ต้องเปลืองแรง ตอนนี้ STARTUP เจ๋งๆ เกิดขึ้นมากมายบนโลกนี้ เราเพียงแค่ทำให้มันเติบโตอย่างรวดเร็วเท่านั้นเอง” มี GOOGEL MOONSHOT หลายโครงการเกิดขึ้นในไม่กี่ปีที่ผ่านมา บางส่วนประสบผลสำเร็จกว่าอันอื่นๆ แต่สาเหตุจริงๆ ที่มันดึงดูดความสนใจจากพวกเรา เป็นเพราะความปรารถนาที่แท้จริง คือ การช่วยเหลือ ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้การทำงานบรรลุผล ผลจากการประชุมเทคโนโลยีต่อต้านความยากจน คือ สายงาน 8 จุดที่ต้องทำ แบบช้าแต่ชัวร์ เพื่อขยับเข้าใกล้เป้าหมายการกำจัดความยากจนในปี 2030 ตอนนี้เราล้ำหน้าอยู่ 5 ปี เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดความยากจนลงครึ่งหนึ่งของโลก (สำเร็จแล้วในปี 2010) มาดูกันว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของเราที่ไม่มีใครเทียบได้ จะสามารถช่วยเราได้จนถึงตอนนั้นหรือไม่ โครงการ ลูน (LOON) ของกูเกิลเป็นเครือข่ายบอลลูนที่เดินทางไปรอบๆ อวกาศ ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อผู้คนในชุมชนต่างๆ เติมเต็มช่องว่างและดึงผู้คนให้ออนไลน์ได้หลังภัยพิบัติABOUT THE AUTHOR
G
GADGET MAGAZINE
ภาพโดย : GADGET MAGAZINEนิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2560
คอลัมน์ Online : เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS